พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช หรือ พระองค์พีระ

 

 

 

ประวัติ

พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช

เป็นพระโอรสในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดชและ

หม่อมเล็ก ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา (สกุลเดิม ยงใจยุทธ เป็นพี่สาวของ ร้อยเอกชั้น ยงใจยุทธ บิดาของพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)

ประสูติเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2457

เมื่อแรกประสูติทรงพระนามว่า หม่อมเจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช

จบการศึกษาจากโรงเรียนเทพศิรินทร์ โรงเรียนอีตัน

และเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ

และเปลี่ยนไปศึกษาด้านประติมากรรม ที่ Byam Shaw Art School

 

F1 ชิงแชมป์โลกนับเริ่มนับคะแนนกันครั้งแรกในปี 1950 ที่สนามซิลเวอร์สโตน ประเทศอังกฤษ หลายคนรู้กันอยู่แล้วครับ แต่การแข่งรถสูตรหนึ่งไม่ได้เริ่มครั้งแรกในปี 1950 นะครับ
รถสูตรหนึ่งเริ่มแข่งกันอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่วันที่ 1 sep 1946 แล้ว เป็น non championship races ไม่มีการเก็บคะนงคะแนนอะไร ชื่อรายการ Gran Premio del Valentino ที่อิตาลี
และถึงแม้จะมีระบบการเก็บคะแนนสะสมเพื่อชิงแชมป์โลกแล้วก็ตาม การแข่งขัน F1 non championship races ก็ยังคงมีอยู่จนถึงปี 1957 ครับ เมื่อ FIA ขอถือสิทธิแต่ผู้เดียวในการจัดแข่งขัน
และขายลิขสิทธิ์ในการจัดการแข่งขัน 100ปี ให้เจ้าหงอก เอกเค่อสโตน

พระองค์พีระ ชนะการแข่งขัน F1 non championship races อย่างน้อยก็หนึ่งครั้งแน่นอน ในรายการ Grand Prix des Fronti่res สนาม Chimay ประเทศ Belgium เมื่อวันที่ 6 june 1954 ครับ
ที่บอกว่าอย่างน้อย 1ครั้ง เพราะบางคนก็นับการแข่งขันของสนาม Goodwood เป็นการแข่งขัน F1 non championship races ด้วย แต่บ้างก็ไม่นับครับ เพราะแข่งระยะทางสั้นมากๆ คือประมาณ 50 กิโลเมตร
หรือประมาณ 12-13 รอบเท่านั้น พระองค์ชนะ F1 ที่สนาม Goodwood หนึ่งครั้งครับ ในรายการ Richmond Trophy เมื่อวันที่ 26 March 1951 ที่บอกว่าเป็น F1 non championship races นี่ไม่ใช่เอานักแข่งไร้ชื่อไร้ฝีมือมาแข่งนะครับ
นักแข่งทั้งหมดก็ล้วนเป็นนักแข่งใน F1 World Championship แทบทั้งสิ้น

ปล.1934 Maserati 8CM Chassis 3011 ประวัติดีมากๆ เจ้าของล้วนเป็นนักแข่งมีชื่อเสียงทั้งสิ้น Whitney Straight (ทำสี white/blue) - Harry Rose - Richard Seaman - Prince Bira - Kenneth McAlpine(คนนี้เปลี่ยนสีรถเป็นสีดำ) - Leslie W. Boyce (คนนี้ทำรถสีแดง)

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

"ณ ชานชาลาของรถไฟใต้ดินกรุงลอนดอน สถานีชื่อว่า BARON'S COURT

ที่กำลังพลุกพล่านด้วยผู้คนสัญจรไปมาอย่างเนืองแน่น

ร่างของชายชราชาวตะวันออกผู้หนึ่งล้มลงไปบนชานชาลานั้น

ผู้คนซึ่งกำลังเดินพลุกพล่านวิ่งมาดูกันอย่างตกอกตกใจ

เมื่อได้สติกัน พลเมืองดีชาวอังกฤษรุดไปโทรศัพท์แจ้งตำรวจและโรงพยาบาล

เมื่อแพทย์พร้อมรถพยาบาลมาถึงสถานีนั้น เร่งรีบช่วยชีวิตชายผู้นั้นไว้ด้วยการปั๊มหัวใจและทำทุกวิถีทาง

แต่ก็สายไปเสียแล้ว ชายผู้นั้นได้เสียชีวิตลงด้วยอาการของโรคหัวใจเฉียบพลัน

เสียชีวิตแน่นิ่งไปแล้ว ผู้คนตามชานชาลาทั้งสองฟากต่างก็ยืนดูเหตุการณ์กันอย่างสนอกสนใจ

แต่เมื่อรถใต้ดินมา ทุกคนก็แยกย้ายกันขึ้นรถไปโดยไม่ได้ใส่ใจเพียงแต่เป็นเรื่องธรรมดาที่เห็นเหตุการณ์เช่นนั้น

เมื่อรถพยาบาลได้พาร่างนั้นไปที่โรงพยาบาล เป็นหน้าที่ของโรงพยาบาลและตำรวจที่ต้องสืบสวยว่าผู้นั้นคือใคร

ดูแล้วเป็นชายชราชาวตะวันออกแน่นอน แต่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นใคร

เมื่อทำการค้นร่างเพื่อจะได้พิสูจน์หลักฐาน ในกระเป๋าของชายผู้นั้นซึ่งบ่งบอกได้ว่าอายุประมาณเจ็ดสิบเศษ

ตำรวจได้พบจดหมายฉบับหนึ่งซึ่งเขียนเป็นภาษาที่บอกไม่ได้ชัดเจนว่าจากประเทศใด

กองพิสูจน์หลักฐานจึงส่งจดหมายฉบับนี้ไปยังมหาวิทยาลัยลอนดอน เพื่อพิสูจน์ให้แน่ชัดว่าภาษานั้นคือภาษาอะไร

พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช หรือ พระองค์พีระ

“ ดวงพระวิญญาณลอยละล่องขึ้นสู่สรวงสวรรค์ พระองค์สิ้นพระชนม์อย่างโดดเดี่ยว

เพียงแค่จดหมายภาษาไทยหนึ่งฉบับที่ทรงทิ้งไว้เพื่อส่งท้ายให้ได้ทราบว่าพระองค์คือใคร

เทพส่งพระองค์ท่านลงมาจุติอย่างงามสง่า พระนามขจรขจายก่อนสงครามโลกครั้งที่ ๒ ไปทั่วโลก

และเทพได้นำพระองค์ท่าน “ เจ้าดาราทอง” เสด็จกลับขึ้นไปอย่างเดียวดาย เหมือนสวรรค์แกล้งให้โลกลืม”


(15 กรกฎาคม พ.ศ. 2457 - 23 ธันวาคม พ.ศ. 2528) นักแข่งรถชาวไทย

18 ธ.ค. 53 เวลา 14:15 8,584 2 20
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...