ชอบไม่ชอบก็ใช้คำที่สุภาพนะครับ
ข่าวแกนโลกพลิก2012 และ ดาวหางพุ่งชนโลก(ไม่ใช่หนังอันนี้ของจิง)หนัง2012ก็ทำมาจากของจิง
บทความ เนื้อเรื่อง หรือ คำอธิบาย โดยละเอียด
เมื่อเร็วๆ มานี้ องค์การ NASA
ได้เคยทำให้สาธารณะชนเกิดความหวาดหวั่นด้วยการออกมาเปิดเผยว่าการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลกจะทำให้ความเข้มข้นของสนามแม่เหล็กโลกอ่อนลง และไร้ความมั่นคงแต่ไม่ถึงกับลดลงถึงระดับศูนย์
แต่จากการศึกษาร่วมกันของนักวิทยาศาสตร์ด้านคอมพิวเตอร์จำนวนหนึ่งกับกลุ่มนักธรณีฟิสิกส์และนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์พบว่า ทั้งโลกและดวงอาทิตย์จะสิ้นสุดระยะเวลาที่ใช้ในกระบวนการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็ก (Magnetic Pole Reversal) ในปี ค.ศ. 2012 โดยครั้งล่าสุดกระบวนการนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อหลายล้านปีที่ผ่านมาจนทำให้สัตว์จำพวกไดโนเสาร์สูญพันธุ์จนหมดสิ้น จากการค้นคว้าวิจัยและการวิเคราะห์ร่วมกันใน Hyderabad ได้คาดการณ์ว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงครั้งใหม่นี้จะเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 2012
คำถาม......? โลกจะเป็นอย่างไรเมื่อขั้วแม่เหล็กโลกกำลังพลิกด้าน
การพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลก คือ กระบวนการที่ขั้วแม่เหล็กเหนือและขั้วแม่เหล็กใต้สลับตำแหน่งกัน เมื่อการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กนี้เกิดขึ้น ณ ขณะเวลาใดเวลาหนึ่ง (ซึ่งไม่สามารถทำนายได้ว่าจะกินเวลานานเท่าใด อาจกินเวลาแค่ 1 ช.ม. หรืออาจเป็นเดือนก็ได้) มันหมายถึงว่าค่าการเหนี่ยวนำของสนามแม่เหล็กโลกจะลดลงจนมีค่าเป็นศูนย์หน่วยกาซ และโลก ณ ขณะเวลานั้นจะสูญเสียอำนาจแห่งสนามแม่เหล็กโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
คำถาม.......? จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อไม่มีสนามแม่เหล็กโลก
โดยปกติสนามแม่เหล็กโลก จะเป็นเสมือนโล่กำบังที่ช่วยปกป้องโลกไว้อีกชั้นหนึ่งโดยเฉพาะ การช่วยกำบังโลกจากพายุสุริยะที่เกิดจากดวงอาทิตย์ แต่เมื่อไม่มีสนามแม่เหล็กโลกในเวลาที่ว่านั้น สิ่งมีชีวิตบนโลกจะต้องเจอกับหายนะ นั่นก็คือ พายุสุริยะ(บางคนเรียกลมสุริยะ มันเหมือนกันนะเดี๋ยวจะสับสน) พายุสุริยะ คือ พลังงานที่เกิดจากปฏิกิริยานิวเคลียร์ที่เกิดจากธาตุไฮโดรเจนบนพื้นผิวดวงอาทิตย์ ซึ่งจะถูกปล่อยออกมาสู่อวกาศด้วยแรงระเบิดมหาศาล ซึ่งพายุสุริยะนั้นประกอบด้วย รังสีคอสมิก(และอีกมากมาย) และคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอันมหาศาล
คำถาม........? เราจะเป็นอย่างไรเมื่อต้องเผชินกับพายุสุริยะ
'ฮารัลด์ เลสช์' (Harald Lesch) ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัย 'มิวนิค' ได้สร้างแบบจำลองสนามแม่เหล็กโลกขึ้นมาศึกษาในเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ เพื่อหาคำตอบว่าโลกเราจะเป็นอย่างไรหากไม่มีสนามแม่เหล็ก แบบจำลองที่ 'ฮารัลด์ เลสช์' สร้างขึ้นพบว่า ถ้าโลกเราถูกพายุสุริยะกระหน่ำ ผลที่ได้สร้างความประหลาดใจอย่างยิ่ง จากภาพจำลองที่คอมพิวเตอร์สร้างขึ้นแสดงให้เห็นว่า เมื่อ มวลอนุภาคคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากพายุสุริยะมาถึงโลก จะทำปฏิกิริยากับชั้นบรรยากาศ เกิดเป็นสนามแม่เหล็กชุดใหม่มาแทนที่และทรงพลัง พอที่จะทานแรงปะทะของรังสีคอสมิก ทำให้รังสีคอสมิกที่เป็นอันตรายจากดวงอาทิตย์เบนออกสู่อวกาศแต่ทะว่าโลกเรานั้นสามารถรอดพ้นจากอันตรายจากรังสีคอสมิกไปได้ แต่สิ่งที่จะเกิดขึ้นจากกระบวนการนี้ไม่ได้เป็นผลดีต่อสิ่งมีชีวิตบนโลกเลย ตามหลักแล้วกระแสไฟฟ้าจะไหลไปสู่ที่ๆมีความต่างศักย์ที่น้อยกว่า และสนามแม่เหล็กชุดใหม่ที่จะเกิดขึ้นจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้านั้นไม่ได้เสถียรเหมือนแม่เหล็กโลกเดิม ฉะนั้นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ทำปฏิกิริยากับบรรยากาศโลกย่อมไม่ได้หยุดอยู่เพียงแค่นั้น สิ่งที่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะกระทำต่อไปนั้นก็คือ การปลดปล่อยพลังงานไฟฟ้าอันมหาศาลสู่ที่ๆมีความต่างศักย์ที่น้อยกว่า นั่นก็คือพื้นผิวโลก เหตุการณ์ที่ว่านี้คือ พายุฟ้าผ่านั้นเอง พายุฟ้าผ่านี้ อาจกินเนื้อที่ทั้งทวีปหรือทั่วโลก สายฟ้าที่กระหน่ำลงมาจากก้อนเมฆอิเล็กตรอนนั้น จะกระหน่ำผ่าลงมาทุกๆที่โดยไม่หยุดจนกว่าพลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากพายุสุริยะจะหมดลง และจะเกิดขึ้นอีกถ้าพายุสุริยะลูกต่อไปมาถึง หรือจนกว่าการกลับขั้วของแม่เหล็กโลกจะเสร็จสมบูรณ์จนทำให้กระบวนการสร้างสนามแม่เหล็กโลกจะทำงานได้อีก สิ่งมีชีวิตบนโลกมากมายจะต้องตาย และเทคโนโลยีต่างๆที่มนุษย์สร้างขึ้นจะถูกทำลายลงในครั้งนี้ แต่ถ้ารังสีคอสมิกสามารถหลุดรอดมากจากสนามแม่เหล็กไฟฟ้าได้ สิ่งมีชีวิตที่รอดจากการถูกฟ้าผ่า ก็อาจจะต้องตายจากโรคมะเล็งและความร้อน
คำถาม........? เมื่อสนามแม่เหล็กโลกเกิดการพลิกตัวอย่างสมบูรณ์จะเกิดอะไรขึ้นกับโลก
สิ่งที่จะกล่าวต่อไปนี้อาจะเหลือเชื่อแต่ตามหลักการแล้วย่อมเป็นไปได้ การพลิกด้านของขั้วแม่เหล็กโลกนี้ไม่ได้ทำให้เกิดความหายนะจากพายุสุริยะแค่เพียงอย่างเดียว แต่อาจเกิดหายนะจากการหมุนกลับทางของโลกที่จะเกิดตามมาอีก ยกตัวอย่าง เช่น การหมุนของมอเตอร์ มอเตอร์แบบธรรมดามี 2 ขั้ว โดยให้สัญลักษณ์ A และ B ก่อนที่ขั้วแม่เหล็กโลกจะพลิกตัว ให้เปรียบโดยการใช้ ไฟฟ้าขั้ว + ต่อเข้ากับ A และไฟฟ้าขั้ว - ต่อเข้ากับ B มอเตอร์จะหมุนไปทางใดทางหนึ่ง แต่เมื่อเราต่อขั้วไฟฟ้ากลับด้านกัน ย่อมทำให้มอเตอร์เกิดการหมุนทิศทางตรงกันข้ามกับครั้งแรก และนี่ก็เปรียบกับการพลิกด้านของขั้วแม่เหล็กโลกนั่นเอง
คำถาม........? แล้วสิ่งมีชีวิตจะเป็นอย่างไรต่อไป
เมื่อโลกหมุนกลับทาง สิ่งมีชีวิตที่เหลืออาจจะต้องเจอกับภัยธรรมชาติมากมาย โลกหมุนกลับทางย่อมทำให้ทุกสิ่งเปลี่ยน ทั้งกระแสน้ำทะเล กระแสลม รวมถึงแผ่นดิน จากนี้จะเกิดอะไรขึ้นย่อมไม่มีใครรู้ได้ มนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่มีชีวิตรอด จะปรับตัวอย่างไรเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก มนุษย์ที่เหลือจะทำอย่างไรเมื่อวันนั้นมาถึง...........................
ในแง่ความคิดของผู้มีญาณในไทย
ผู้มีฌาณทั้งหลายได้บรรยายภาพที่ได้เห็นมาว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตบ้าง เช่นประเทศไทยในอนาคตจะเหลือแค่ภาคเหนือและภาคอีสานเท่านั้น ที่เป็นพื้นที่แผ่นดินผืนใหญ่ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะรอดพ้นภัย อย่างเช่นที่เชียงใหม่ จะเกิดการยุบตัวและการเลื่อนของผิวดิน ภูเขาจะถล่มลงมา... ประมาณนี้ครับ
แต่จะเริ่มเห็นลางภัยพิบัติในครั้งนี้ชัดเจนขึ้นในอีกประมาณ 5 ปีนับจากนี้ และจะเริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ เช่นมีภัยพิบัติมากกว่าเดิมในหลายๆที่ ไปจนถึงเวลาที่แกนโลกพลิกตัวจริงๆ ในอีก 10-15ปี
1.ประกาศจากองค์การ NASA วันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) วันนั้นแกนโลกของเราจะพลิกกลับขั้ว คือ ขั้วโลกเหนือจะมาอยู่ที่ขั้วโลกใต้ ช่วงเวลานั้น โลกของเราจะไม่มีสนามพลังแม่เหล็ก เพื่อป้องกันตัวเองจากสนามพลังแม่เหล็ก และ รังษีต่างๆจากอวกาศ
แล้ววันนั้นจะเป็นวันเดียวกับที่ ดวงอาทิตย์จะพลิกกลับขั้วเช่นกัน เพราะดวงอาทิตย์จะพลิกกลับขั้วทุกๆ 11 ปี ปีล่าสุดคือปี พ.ศ. 2544 ถ้ามาถึงวันนี้ก็ 11 ปีพอดี (2544 + 11 = 2555) ขณะ ที่ดวงอาทิตย์กำลังพลิกกลับขั้วนั้น ดวงอาทิตย์จะแผ่สนามแม่เหล็ก และรังษีความร้อนสูงมายังโลก ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่โลก ไม่มีสนามแม่เหล็กป้องกันตัวเอง ผลคือ น้ำแข็งขั้วโลกละลายฉับพลัน น้ำท่วมโลกฉับพลัน ไม่มีทางหนีได้ทัน ในวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)
2.ชาวมายา (ชนเผ่ามายาแห่งอเมริกากลาง) ทำปฏิทินใช้เองตั้งแต่ 1,000 ปีที่แล้ว ชนเผ่ามายานี้มีความสามารถในการคำนวนการโคจร การเกิดดับของดวงดาวอย่างไม่น่าเชื่อ คือเขาสามารถคำนวนว่า โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์โดยใช้เวลา 365 วัน ตั้งแต่ 1,000 ปีที่แล้ว ซึ่งตรงกับปฏิทินที่ชาวโลกปัจจุบันใช้กัน แล้วยังสามารถคำนวนเกี่ยวกับระบบสุริยะจักรวาลได้อย่างแม่นยำมาก
ชาว มายายังกำหนดวันสุดท้ายของปฏิทินของพวกเขาคือ วันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) พวกเขาบอกด้วยว่า วันนั้นโลกจะถึงจุดสิ้นสุด (โดยบอกไว้เมื่อ 1,000 กว่าปีที่แล้ว) น่าแปลกมาก ทำไมมาตรงกับองค์การ NASA อ่ะ
3.นาย Gordon-Michael Scallion เป็นผู้หยั่งรู้อนาคต (futurist) มีญาณทัศนะ(Spiritual Visionary) คือมองเห็นอนาคตด้วยญาณ มีความแม่นยำมาก เขาได้ทำนายว่า น้ำกำลังจะท่วมโลก จนหลายประเทศหายไปจากแผนที่ ประเทศที่เป็นเกาะจะจมน้ำทั้งหมด ประชากรโลกที่รอดตายมีเพียง 10% เท่านั้น เขาเชื่อว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นในระหว่างปี 1998-2012 (พ.ศ.2541-พ.ศ.2555) และเขาได้สร้างแผนที่โลกใหม่หลังน้ำท่วมครั้งใหญ่ ภายใต้ชื่อ Future Map Of The World ถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1978 (พ.ศ. 2521) ซึ่งประเทศไทยเหลือแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
4."หลวงปู่สรวง ออยเตียนสรูล" กล่าวไว้ว่า พ.ศ. 2550 ถึง 2555 หางนาคกวาดน้ำให้โลกมาได้ครึ่งหนึ่งแล้ว กำลังจะกวาดน้ำขึ้นมาล้างโลก จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ คนไม่ดีไม่มีศีลธรรม จะล้มตายมาก ส่วนคนดีมีศีลธรรม จะอยู่รอดปลอดภัยได้
หลวงปู่สรวงท่านละสังขารเมื่อ วันที่ 8 กันยายน 2542 (ขึ้น 10 ค่ำเดือน 10 ปีมะโรง )
สะรีระสังขารของท่านตั้งอยู่ที่ศาลา.ออยเตียนสรูล.วัดไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ
*น่าแปลกใจมาก ทำไมการทำนายหลายๆอย่างในโลก มันถึงมาตรงกันที่ปี ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)*
------
จากเว็บของนาซ่า
ลองไปอ่านดูจะพบว่าที่เค้าทำนายคือ แกนเม่เหล็กของ"ดวงอาทิตย์" จะพลิกกลับขั้วตอนปี 2012 ไม่ใช่โลก
ซึงการกลับขั้วของดวงอาทิตย์จะเกิดทุกๆ 11 ปี ซึ่งเป็นวงรอบจำนวนของจุดดำบนดวงอาทิตย์ด้วย
สงสัยคนแปลคงจะสับสนระหว่างการกลับขั้วของดวงอาทิตย์กลับโลก เลยเอามาโยงเข้าด้วยกันซะอย่างงั้น
และการกลับขั้วของดวงอาทิตย์ก็ไม่มีผลอะไรน่ากลัวด้วยซ้ำ เพราะมันกลับมาหลายรอบแล้ว ไม่เห็นมีใครเป็นอะไรเลย
แล้วที่เค้าทำนายจริงๆว่าแกนแม่เหล็กโลกจะกลับขั้วนั้นเมื่อไหร่?
จะเห็นได้ว่ามันเกิดขึ้นได้ระหว่าง 5พันถึง 50 ล้านปี แต่ไม่มีใครสามารถตอบได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
อีกทั้งกระบวนการในการกลับขั้วนั้นยาวนานเป็นพันๆปีด้วยซ้ำ
และสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด การพลิกกลับขั้วแม่เหล็กอาจจะไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้
ที่มา : http://science.nasa.gov/headlines/y2001/ast15feb_1.htm
-------------------------- มุมมองข้อคิดของนักวิชาการมุสลิม---------
อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บิน ชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)
อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยทักษิณ
ผู้ช่วยผู้จัดการโรงเรียนจริยธรรมศึกษามูลนิธิ อ.จะนะ จ.สงขลา
หนัง ‘2012’ ของ ‘โรแลนด์ เอ็มเมอริช’ รวมทั้งหนังล้อกระแสอย่าง ‘2012: Doomsday’กำลังแรงทั้งบวกและลบ ประเด็น ‘วันโลกาวินาศ’ ถูกต่อต้านจากชาวมุสลิมจำนวนมาก เพราะเชื่อว่า ‘วันสิ้นโลก’ เป็นปริศนาของอัลลอฮฺ ผู้ไม่รู้ศาสนาอาจถูกสั่นคลอนศรัทธา อุสตาซอับดุชชะกูรฺ บิน ชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ) จึงถอดความ ‘วันสิ้นโลก’ ในทัศนะอิสลามเผยแพร่ให้ผู้สนใจติดตามดังนี้
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตากรุณา ปรานีเสมอ ขอความสันติสุข จงมีแด่ศาสดามุฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีผู้อ่านทุกท่าน
มี คำวิจารณ์ถึงภาพยนตร์เรื่อง ‘2012’ และ ‘2012: Doomsday’ จากหลายฝ่าย ว่า ภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำดีแต่เป็นนิยายที่แต่งขึ้นมาเพื่อทำเป็นภาพยนตร์อิง คำทำนายวันโลกาวินาศที่มนุษย์กำลังใจจดใจจ่ออยู่ แม้หลายคนจะมองว่าเป็นการสร้างเพื่อหาเงินเชิงพาณิชย์ แต่ก็ทำความตื่นเต้นตกอกตกใจและก่อให้เกิดความกังวลแก่สาธารณชนทั่วไป
โปสเตอร์หนัง 2012 :Doomsday
แต่ สำหรับมุสลิมผู้ศรัทธาแล้วมีหลักการและหลักศรัทธาต่อเรื่องวันสิ้นโลกมามาก ว่า 1400 ปีแล้ว สำหรับวันสิ้นโลกตามทัศนะของศาสนาอิสลามมีรายละเอียดดังนี้
วัน สิ้นโลกเกิดขึ้นอย่างแน่นอนแต่ไม่ทราบว่าเมื่อไหร่ วันสิ้นโลก หรือตามศัพท์ทางวิชาการในภาษาอาหรับจะใช้คำว่าวันกิยามะฮฺ ไม่มี ผู้ใดสามารถล่วงรู้ได้นอกจากพระเจ้าหรืออัลลอฮฺ สุบหานะฮุวะตะอาลา เท่านั้น ดังที่พระองค์ได้ตรัสในอัลกุรอาน
ความว่า “มีผู้คนถามเจ้าเกี่ยวกับยามอวสาน จงกล่าวเถิด(มุหัมหมัด) แท้จริงความรู้ในเรื่องนั้น อยู่ ณ ที่อัลลอฮฺ และอะไรเล่าจะทำให้เจ้ารู้ได้ บางทียามอวสานนั้นอยู่ใกล้นี่เอง” (อัล-อะหฺซาบ : 63)
ถึงแม้ไม่ทราบแต่จะมีสัญญาณที่แสดงว่าวันดัง กล่าวใกล้เข้าแล้วมากมาย ท่านศาสดามุฮัมมัดได้ชี้แจงถึงสัญญาณ ที่บ่งบอกว่าวันดังกล่าวนั้นใกล้เข้ามาถึงแล้ว โดยสัญญาณดังกล่าวแบ่งออกเป็นสองประเภท คือ สัญญาณย่อย และสัญญาณใหญ่ดังนี้
1.สัญญาณย่อยของวันกิยามะฮฺ (วันสิ้นโลก) แบ่งออกเป็นสามประเภท
1.1 สัญญาณที่ได้ปรากฏขึ้นและสิ้นสุด เช่น การบังเกิดของท่านศาสดา ตลอดจนการสิ้นชีวิตของท่าน การแยกส่วนของดวงจันทร์ การพิชิตบัยตุลมักดิส(เมืองเยรูซาเล็ม) และมีลูกไฟออกจากแผ่นดินหิญาซ
ซึ่ง ศาสดาได้กล่าวไว้ความว่า “ท่านจงนับสัญญาณหกประการก่อนการบังเกิดขึ้นของวันกิยามะฮฺ คือ การสิ้นชีวิตของฉัน จากนั้น การพิชิตบัยตุลมักดิส” (อัล-บุคอรีย์ : 3176)
ความ ว่า “วันกิยามะฮฺจะยังไม่อุบัติขึ้นจนกว่าไฟจะออกมาจากแผ่นดินหิญาซ และมันจะส่องประกายของมันที่ต้นคอของอูฐที่เมืองบุศรอ” (อัล-บุคอรีย์ : 8118, มุสลิม : 2902)
1.2 สัญญาณที่ได้ปรากฏขึ้นและยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น
เกิดความวุ่นวายระส่ำระสาย(ฟิตนะฮฺ)
มีการแอบอ้างเป็นศาสดามฮัมมัด
ความฟุ้งเฟ้อจะแพร่หลาย
ความรู้วิชาศาสนาจะเลือนหายไป
ความโง่เขลาจะมาแทนที่
จะมีตำรวจกับบริวารที่โหดเหี้ยมเกิดขึ้นมากมาย
มีเครื่องดนตรีมากมายอีกทั้งมีการรับรองว่าสิ่งดังกล่าวเป็นที่อนุมัติ
คนที่เคยมีฐานะยากจนมีอาชีพเลี้ยงแกะจะกลายเป็นเศรษฐีแข่งกันสร้างตึกอาคาร สูงๆ
ผู้คนจะสร้างมัสยิดเพื่อโอ้อวดด้วยเครื่องประดับประดาต่างๆ
จะมีการเข่นฆ่าเกิดขึ้นมากมาย
เวลาจะกระชันชิด
มีการมอบตำแหน่งแก่ผู้ที่ไม่สมควรได้รับ
คนชั่วไร้คุณธรรมจะถูกยกย่องเทิดทูน ส่วนคนดีมีคุณธรรมกลับถูกเหยียดหยาม
จะมีนักพูดมากกว่าผู้ปฏิบัติ
จะมีร้านค้าเกิดขึ้นเรียงราย
จะมีการตั้งภาคี(ชิริก)ในหมู่ประชาติมุสลิม
ความตระหนี่จะแพร่หลาย
การโกหกมดเท็จเป็นเรื่องปกติ
เงินทองจะมีมากมาย
การคดโกงในการค้าขายมีมากมาย
จะเกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง
ผู้คนไม่ไว้วางใจคนน่าเชื่อถือแต่จะไว้วางใจผู้ที่ทุจริตในหน้าที่
ความชั่วช้าจะแพร่หลาย
การตัดญาติขาดมิตรจะมีมาก
มีเพื่อนบ้านที่ไม่ดี
คนด้อยปัญญาและไร้คุณธรรมจะขึ้นมาเป็นผู้ปกครอง
ผู้รู้จะตอบปัญหาศาสนาตามอารมณ์ของผู้คน
การให้สลามจะจำกัดเฉพาะคนที่รู้จักเท่านั้น
ผู้คนนิยมหันไปศึกษาความรู้จากผู้น้อย
จะมีตำรางานเขียนมากมาย
สตรีจะแต่งกายเหมือนเปลือยร่าง
มีพยานเท็จมากมาย
มีการตายแบบฉับพลัน
ผู้คนไม่พิถีพิถันในการแสวงหาปัจจัยที่หะลาล(อนุมัติ)
คาบสมุทรอาหรับจะกลับมาอุดมสมบูรณ์มีแม่น้ำและทุ่งหญ้าเขียวขจีอีกครั้ง
สัตว์เลื้อยคลานจะออกมาพูดกับมนุษย์
ปลายแส้และเชือกรองเท้าสามารถพูดกับเจ้าของมันได้
สองขาสามารถพูดได้ว่าเจ้าของได้กระทำอะไรมา
ประเทศอิรักและชาม(ประเทศแถบซีเรีย จอร์แดนและปาเลสไตน์ในปัจจุบัน )จะถูกปิดล้อมจากอาหารและเงินทอง
จากนั้นจะมีสนธิสัญญาระหว่างชาวมุสลิมกับชาวโรมเพื่ออยู่อย่างสันติแต่ผลสุด ท้ายฝ่ายโรมันจะละเมิดสนธิสัญญาดังกล่าว
ซึ่งศาสดาได้กล่าวไว้ความ ว่า “แท้จริงฟิตนะฮฺ(ความหายนะ) วิกฤติการณ์จะเกิดขึ้นทางนี้ (ทางตะวันออก) แท้จริงฟิตนะฮฺ วิกฤติการณ์จะเกิดขึ้นทางนี้ ด้านที่เขา(หัว)ของมารร้ายโผล่ออกมาทางนั้น” (อัลบุคอรี : 7093, มุสลิม : 2905 สำนวนเป็นของท่าน)
1.3 สัญญาณที่ยังไม่ปรากฏ แต่จะปรากฏขึ้นอย่างแน่นอน ดังที่ท่านศาสดา ได้อธิบายไว้ เช่น
แม่น้ำฟุรอต(แม่น้ำยูเฟรติสในอิรัก) จะแห้งภูเขาทองคำจะโผล่ออกมา กรุงคอนสแตนติโนเปิลจะถูกพิชิต จะเกิดสงครามกับชาวเติร์ก
จะเกิดสงครามระหว่างชาวยิวกับมุสลิม แต่มุสลิมเป็นฝ่ายมีชัย
จะมีชายคนหนึ่งจากเผ่าเกาะฮฺฏอน(ในประเทศยะมัน)จะไล่ต้อนผู้คนด้วยไม้เท้า ของเขา(คือ ปกครองโดยใช้ความรุนแรงและเผด็จการ)
ผู้หญิงจะมีจำนวนมากกว่าผู้ชายถึงขนาดมีอัตราส่วน ผู้ชาย 1 คน ต่อ ผู้หญิง 50 คน
เมืองมะดีนะฮฺจะขับคนที่ชั่วร้ายออกไปหมดถึงขนาดว่าบางช่วงจะกลายเป็นเมือง ร้าง
อิหมามมะฮฺดีย์จะปรากฏตัว ท่านเป็นบุรุษที่สืบเชื้อสายจากท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม อัลลอฮฺจะทรงช่วยเหลือท่านในงานศาสนา เมื่อวันนั้นมาถึงแผ่นดินจะปกคลุมด้วยความยุติธรรม เฉกเช่นที่เคยถูกปกคลุมด้วยความอยุติธรรมมาแล้ว ท่านจะปกครองแผ่นดินนานเจ็ดปี ในช่วงนั้นประชาชนจะได้สัมผัสกับความสงบสุขอย่างที่ไม่เคยได้รับมาก่อน ท่านจะปรากฏตัวครั้งแรก ณ ประเทศทางทิศตะวันออก และผู้คนจะให้สัตยาบัญต่อท่าน ณ บัยตลลอฮฺ กะอฺบะฮฺจะถูกทำลายโดยน้ำมือของชายผู้หนึ่งจากประเทศหะบะชะฮฺ(เอธิโอเปีย) มีฉายาว่า “ซู สุวัยเกาะตัยน์” (แปลว่าผู้ที่มีขาเรียวเล็ก ทั้งนี้เป็นคุณลักษณะของชาวเอธิโอเปีย ที่มีร่างสูงแต่มีขาเรียวเล็ก ) ซึ่งหลังจากนั้นจะไม่มีผู้ใดบูรณะกะอฺบะฮฺขึ้นมาอีก เมื่อนั้นแหละคือวาระสุดท้ายของโลก
สัญญาณต่างๆที่กล่าวมาข้างต้น ล้วนมีตัวบทชัดเจนจากวัจนะศาสดา
2.สัญญาณใหญ่ของวันกิยามะฮฺ
สหาย ศาสดากล่าวไว้ความว่า “ท่านศาสดาได้เข้ามายังพวกเราในขณะที่พวกเรากำลังคุยกันอยู่ ท่านนบีถามว่า พวกท่านกำลังพูดคุยเรื่องอะไรอยู่? พวกเราตอบว่า กำลังพูดถึงเรื่องวันกิยามะฮฺ ท่านศาสดากล่าวว่า วันกิยามะฮฺจะยังไม่อุบัติขึ้นจนกว่าพวกท่านจะได้เห็นสัญญาณก่อนหน้านั้น 10 ประการ
โดยท่านศาสดากล่าวถึง
1. ควันออกจากพื้นดิน
2. การปรากฏตัวของดัจญาล
3. จะมีสัตว์(พูดกับมนุษย์)
4. ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตก
5. นบีอีซา ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม จะลงมาจากฟ้า
8. ยะอ์ญูจญ์และมะอ์ญูจญ์จะออกมา
9.จะมีเหตุการณ์ธรณีสูบสามแห่ง เกิดทางทิศตะวันออก เกิดทางทิศตะวันตก และเกิดบริเวณคาบสมุทรอาหรับ
10. และประการสุดท้ายจะมีไฟพุ่งออกมาจากประเทศยะมัน(เยเมน)ไล่ต้อนมวลมนุษย์ให้ ไปที่แหล่งรวม(มะห์ชัร)ของพวกเขา” (มุสลิม : 2901)
สรุป ไม่ว่าท่านจะดูหนังนี้หรือไม่ ภาพยนตร์ก็คือภาพยนตร์ หนังคือหนัง ถ้าดูแล้วเป็นประโยชน์ให้ข้อเตือนใจ จะทำให้ท่านประพฤติตนเป็นคนดี พร้อมเสมอเมื่อถึงเวลา"โลกาวินาศ" และวันพิพากษาต่อหน้าพระเจ้า ก็เป็นเรื่องดีแต่ก็ต้องแยกแยะระหว่างหลักการศาสนากับจินตนาการในภาพยนต์.
ข่าวดาวหางมั้ง
วันชี้ชะตาโลกอีก 22 ปี หลังนักดาราศาสตร์ออกมาระบุ ในวันที่ 13 เม.ย. 2572 จะมีดาวเคราะห์น้อย “อะโพฟิส” พุ่งเข้าใกล้โลกมากที่สุด
ในรอบ 1 พันปี ก่อนหวาดเสียวรอบสองในอีก 7 ปีถัดไป เมื่อโคจรกลับมาอีกครั้งและเฉียดโลกกว่าเดิม เผยเม็กซิโกตอนเหนือเสี่ยงถูกชน
รุนแรงกว่าภูเขาไฟ"กรากะตัว"ระเบิด 4 เท่า
นายวรวิทย์ ตันวุฒิบัณฑิต กรรมการบริหารสมาคมดาราศาสตร์ไทย เปิดเผยว่า มีรายงานจากองค์การนาซ่าระบุว่าในอีก 22 ปี คือวันที่ 13 เม.ย. 2572 นี้จะมีปรากฏการณ์ด้านดาราศาสตร์ที่น่าสนใจคือ จะเกิดปรากฏการณ์ดาวเคราะห์น้อย อะโพฟิส หรือ 99942 Apophis โคจรเข้าใกล้เฉียดโลกในระยะใกล้สูงสุดที่ 22,000 ไมล์ หรือ 34,400 กิโลเมตร ใกล้กว่าวงโคจรของดวงจันทร์เกือบ 11 เท่า และอยู่ในระยะใกล้กว่าดาวเทียมค้างฟ้า เป็นครั้งแรกใน 1,000 ปี ที่มีดาวเคราะห์น้อยเข้าใกล้โลกกว่าวงโคจรของดวงจันทร์
“ดาวเคราะห์น้อย อะโพฟิส หรือ 99942 Apophis มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 320 เมตร มีรอบวงโคจรรอบดวงอาทิตย์ 323 วัน และในวันที่ดาวเคราะห์น้อย อะโพฟิส โคจร