แฟชั่นที่มาแรงที่สุดอันดับต้นๆ japan

tag:เพลง,การแต่งตัว,แฟชั่น,เกาหลี,ญี่ปุ่น



1.Gothic (โกธิค)
แฟชั่นแนวนี้ส่วนมากจะเน้นไปในเรื่องของโทนสีที่ ดูครึมๆ ลึกลับๆ
 ซึ่งเป็นแฟชั่นแบบ “Dark Style” มักจะเป็นสีดำซะส่วนใหญ่
 แต่ก็อาจจะมีส่วนประกอบเป็นสีขาว หรือสีแดง ตามแต่สไตล์ของแต่ละคน  
  
  
ที่ มาของแฟชั่นแนวนี้มาจากทางยุโรปเหนือและแถบอังกฤษค่ะ
ซึ่งต้นกำเนิดอยู่ที่ชาวพื้นเมือง เรียกว่า “ชาวโกธิค” ซึ่งเราจะเห็นแฟชั่นสไตล์นี้ในหนังผี
เช่น พวกท่านเคาน์, แวมไพร์ หรือพวกแม่มดในเทพนิยายที่ดูเรียบแต่หรูนั่นเอง
หรือถ้าใครเคยอ่านหนังสือการ์ตูนเรื่อง “หนุ่มหล่อเฟี้ยว แปลงโฉมสาว” (Yamatonadeshiko)
 ก็จะเห็นการแต่งการสไตล์ Gothic ในเรื่องด้วยนะคะ





2.Lolita หรือ Lolita Baby (โลลิต้า)
ส่วนมากแฟชั่นแนวนี้จะเป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่น สาวๆ มากกว่า
เพราะจะออกแนวหวานแหว๋วเหมือนตุ๊กตาน่ารักนะคะ
เสื้อผ้าในแนวนี้จะเน้นไปทางลูกไม้ ระบาย และสีผ้าที่ดูหวานๆ
เช่น สีชมพู สีขาว ซะส่วนใหญ่แฟชั่นแบบ Lolita คือการนำเอาแบบชุดของตุ๊กตา
ของเด็กผู้หญิงและชุดของเชื้อพระวงศ์ (พวกเจ้าหญิงน่ะคะ)นำมาประยุกต์ใช้กันให้
เหมือนเจ้าหญิงน้อยๆในเทพนิยาย แฟชั่นแนวนี้เป็นที่นิยมมากในผู้ดีสมัยก่อน
ในแถบยุโรป เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส และได้แพร่หลายไปในอีกหลายประเทศโดยเฉพาะญี่ปุ่น



3.Neo Lolita (นีโอโลลิต้า)
Neo Lolita (นีโอโลลิต้า)  Neo Lolita เป็นการนำสไตล์ Lolita
มาประยุกต์ให้เป็นแบบที่ทันสมัย แต่ยังคงความคลาสสิกเอาไว้
เป็นแฟชั่นที่ได้รับความนิยมมากในญี่ปุ่นโดยเฉพาะสาวๆ
เพราะโทนสีจะหวานๆ นอกจากนั้นยังใช้ผ้าลายสก็อตมาตกแต่งอีกด้วย







4.Gothic & Lolita
Gothic & Lolita  แฟชั่นสไตล์ Gothic & Lolita คือ การนำเอาแฟชั่นแนว
 Gothic และ Lolita มารวมกัน โดยนำเอาความลึกลับของแนว Gothic
และความหวานที่เป็นเอกลักษณ์ของแนว Lolita มาผสมผสานกันทำให้เกิดเป็นแนวใหม่
 คือ Gothic & Lolita ที่เห็นเด่นชัดที่สุดคงจะเป็นเสื้อผ้าของ Mana วง Malice Mizer



5.Punk
Punk หรือ UK.Punk (พังค์) แฟชั่นสไตล์ Punk เริ่มตั้งแต่ยุคปลายของปี’60
และถิ่นกำเนิดของแฟชั่นแนวนี้คือประเทศอังกฤษ สมัยนั้นจะเริ่มในกลุ่มเล็กใน
ยุคที่มีการปฏิวัติและเหตุจลาจลกลางเมือง ซึ่งแนวนี้จะออกแนวรุนแรง เช่น
มีการเจาะตามร่างกาย การเพ้นท์หรือสัก แฟชั่นแนวนี้จะเน้นโทนสีดำเป็นหลัก
นิยมทั้งผู้หญิงและผู้ชาย นิยมแต่งหน้าและเขียนตากับปากด้วยสีดำ
โดยจะมีส่วนประกอบของผ้าที่เป็นตาข่าย และเศษผ้าลุ่ยๆ
ส่วนเครื่องประดับส่วนใหญ่จะเป็นเข็มขัด โซ่และหมุดเหล็ก  โดยจะเห็นได้จาก
 วงร็อกของอเมริกานั่นเอง



6.Punk หรือ Japan Punk
JAP’Punk (เจแปนพังค์)  เป็นพังค์ที่ประยุกต์ให้เข้ากับสไตล์ของญี่ปุ่น
ต้นแบบมาจาก UK.Punk และการ์ตูนเรื่อง NANA ของ Ai Yazawa
พังค์ในแบบญี่ปุ่นบางทีก็จะอาศัยประยุกต์ระหว่างผ้าลายญี่ปุ่นมาบวกกับการ
ออกแบบในแนวพังค์









7.คอสเพลย์ (??????, kosupure, – โคะซุปุเระ?)
แต่เดิมนั้น การแต่งคอสเพลย์ยังไม่มีคำระบุเรียกลักษณะการแต่งกาย
เลียนแบบตัวละครจากในเกม, การ์ตูน อย่างชัดเจน คำๆ นี้ถูกใช้และ
เกิดขึ้นครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น เพื่อใช้การเขียนคอลัมน์ในนิตยสาร
My Anime เมื่อปี พ.ศ. 2525 โดย โนบุยุกิ ทากาฮาชิ
ซึ่งมาจากการนำคำ 2 คำมาผสมกัน คือคำว่า Costume และ Play
 ซึ่งนิยามของคอสเพลย์ในปัจจุบันไม่ได้หยุดอยู่แค่การ
แต่งกายเลียนแบบตัวละครที่มาจากประเทศญี่ปุ่น เท่านั้น
แต่กินความหมายรวมไปถึงการ์ตูน เกม และเพลงจากชาติอื่นๆ
รวมถึงวงการเพลงที่มีการเลียนแบบการแต่งกายของวง J-Rock
และ J-Pop ที่มีรูปแบบแตกต่างจากการแต่งกายแบบปกติอย่างชัดเจน
ซึ่งอาจจะมีการรวมกลุ่มกันเพื่อร้องเพลงหรือการเต้น Cover
ตามศิลปินที่ชื่นชอบนั้นอีกด้วย และการแต่งกายแบบย้อนยุค
 อย่างเช่นสมัย Gothic เป็นต้น

สำหรับในประเทศไทยนั้น จุดเริ่มต้นของกิจกรรมการแต่ง Cosplay
ส่วนหนึ่งจะมาจากผู้ที่ชื่นชอบ J-Rock ในสมัยที่ได้รับความนิยมสูงสุด
ในช่วงปี 30 กลายๆ อีกส่วนหนึ่งคือผู้ที่ชื่นชอบการ์ตูนญี่ปุ่น
และติดตามข้อมูลโดยตรงจากทาง ญี่ปุ่น ก็ได้มีการรวมกลุ่มเล็กๆ
เพื่อจัดงานขึ้นมาเมื่อประมา ณ พ.ศ. 2541 หลังจากนั้นสำนักพิมพ์การ์ตูนญี่ปุ่นต่างๆ
 เองก็ได้เริ่มให้ความสนใจจัดกิจกรรมเพื่อตอบสนองความ
 ชื่นชอบในลักษณะของการประกวด Cosplay ขึ้นมาบ้าง ซึ่งจุดที่ทำให้ Cosplay
เป็นที่รู้จักกันมากขึ้นในสังคมไทย เห็นจะเป็นกระแสของเกมออนไลน์ต่างๆ
ที่เริ่มเข้ามาเมื่อช่วงปี พ.ศ. 2545 โดย Cosplay ก็ เป็นกิจกรรมหลักๆ
ที่ผู้นำเข้าเกมส์ทุกบริษัทจะจัดขึ้นมาเพื่อสร้างควา มคึกคักให้กับตัวงาน
โดยเฉพาะเกมส์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดอย่าง Ragnarok Online ซึ่งสื่อต่างๆ
 ก็ได้นำเอาเรื่องของ Cosplay ไปเผยแพร่ จึงมีผลทำให้บุคคลทั่วๆไปได้รู้จักกันมากยิ่งขึ้น
จากที่แต่เดิมนั้นจะเป็นรู้จักเฉพาะในวงแคบๆ เท่านั้น นับเป็นงานอดิเรกอย่างหนึ่ง





8.แฟชั่น Gankuro
สาวๆ จะนิยมทาหน้าทาตัวให้ดำ และย้อมผมสีทอง ใส่ไมโครสเกิร์ตและรองเท้าบูต
 ซึ่งเราจะเรียกว่า แฟชั่น Gankuro-หน้าดำ ซึ่งนับว่า เป็นแฟชั่นที่หลุดโลกมากทีเดียว



9.แฟชั่น Manba
สไตล์ Manba นั้น ดูเผินๆ จะคล้ายกับกังคุโระมากทีเดียว
 เพราะจะทาผวิและหน้าสีดำเหมือนกัน แต่จะต่างกันตรงที่ Manba
 นั้นมักย้อมผมสีขาว (หรือไม่ย้อมผม) แต่งขอบตา ขอบปากให้เป็นสีขาวมากๆ
และจะไม่แต่งตัวเน้นความเท่ แต่จะเน้นความน่ารักแทน นิยามสีชมพู
และมักมี Accessory น่ารักติดตัวเสมอ มักพูดลงท้ายด้วยคำว่า nyan
 (คล้ายเสียงแมวร้อง) ซึ่งถ้าเป็นกลุ่มผู้ชาย เราจะเรียกว่า Center Guy
ซึ่งจะเน้นความน่ารักไม่แพ้กัน

5 กฎเหล็ก Japanese Make Up Style
1. ผิวหน้าจะต้อง เนียน กระจ่างใส ไร้ริ้วรอย
2. ปัดแก้มด้วยสีชมพูเรื่อ หรือ สีพีช
3. ตาจะต้องดูกลมโ ต ขอบตาชัด มีประกายวิ้ง วิ้ง ขนตายาว หนา และงอน
4. คิ้วโก่งเป็นเอกลักษณ์ สีคิ้วเดียวกับสีผม
5. ปากอวบอิ่ม สีนู้ดบางใส และเคลือบกลอสเป็นเงา
เครดิต
- www.Yenta4.com  
- http://www.siamkane.com/content.php?id=108

Credit: fwdder
17 ต.ค. 52 เวลา 12:33 9,919 51 226
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...