"หากย้อนกลับไปได้ อยากแก้ไขอะไรหลาย ๆ อย่าง ทุกคนไม่มีใครอยากเป็นคนเลว หนูก็ไม่อยากเป็นคนเลว สิ่งแวดล้อมและแรงกดดันจากคนอื่นอาจมีผลต่อชีวิตแค่ 10-20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่ตัวเราเป็นเจ้าของใจตัวเราเอง เพราะฉะนั้นเราต้องรู้จักบังคับจิตใจของเราเองให้ได้..." นี่คือคำพูดสุดท้ายของคุณแก้วที่กล่าวทั้งน้ำตากลางรายการตีสิบ ซึ่งเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเธอ เธอเป็นผู้เลือกทางเดินเอง โดยที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า เส้นทางที่เธอเลือกเดินมาตั้งแต่เมื่ออายุ 14 ปี กำลังนำเธอไปสู่เส้นทางสายนรก! จนมีจุดจบอย่างเช่นในทุกวันนี้
คุณแก้ว (นามสมมติ) ยอมเปิดใจเรื่องราวชีวิตอันแสนเหลวแหลกของตัวเธอเองตั้งแต่สมัยวัยรุ่น เพื่อให้เป็นอุทาหรณ์กับหนุ่มสาวยุคใหม่ที่ใช้ชีวิตล่อแหลม ปล่อยปละละเลยตัวเอง และเห็นแก่ความสนุกมาก่อนสิ่งอื่น เพื่อหวังให้ทุกคนหยุดคิดสักนิด แล้วหันกลับมาดูตัวอย่างเรื่องราวของเธอ จะได้กลับตัวกลับใจทัน
คุณแก้ว เล่าว่า เธอเป็นเด็กใจแตกตั้งแต่อายุ 14 ปี ต้องลาออกจากโรงเรียนตั้งแต่ชั้น ม.1 แล้วหนีออกจากบ้านไปเช่าบ้านอยู่กับเพื่อน แม้ทางบ้านของคุณแก้วจะมีฐานะ แต่มีปัญหาพ่อแม่แยกทางกัน โดยเธออยู่กับคุณพ่อ และถูกพูดกรอกหูทุกวันว่า เธอไม่ใช่ลูกของพ่อ ทำให้ทุกวันนี้ คุณแก้วยังเก็บเอาคำนั้นฝังไว้ในใจ และคำ ๆ นี้ได้ส่งผลให้คุณแก้วไม่เคยเกิดความรู้สึกรักพ่อเลย
หลังจากคุณแก้วย้ายไปอยู่กับเพื่อน เธอได้เจอกับสามีคนแรก แต่ทว่าอยู่กินกันไม่นาน คุณแก้วกลับถูกญาติของสามีลวงไปข่มขืน คุณแก้วจำต้องเก็บความเจ็บช้ำนี้ไว้โดยไม่บอกสามี จนกระทั่งหลังจากนั้น 3-4 เดือน เธอก็แยกทางกับสามี โดยที่คุณแก้วไม่รู้เลยว่า ตัวเองตั้งครรภ์แล้ว ซ้ำยังไม่มั่นใจว่า ตั้งครรภ์กับใครด้วย ในที่สุดคุณแก้ววัยเพียง 14 ปีก็คลอดลูกชายออกมา
จากนั้น คุณแก้วก็ได้เข้าไปทำงานเสิร์ฟอาหารในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งมีการแอบแฝงขายบริการทางเพศ และคุณแก้วก็ยอมที่จะขายตัวเอง โดยไม่ได้มีใครบังคับ ซ้ำยังพัวพันขบวนการค้ายาเสพติด และเคยติดคุกมาแล้วจากคดีเสพยา จนกระทั่งได้พบกับสามีคนที่สองที่มาซื้อบริการจากเธอ และตัดสินใจไปอยู่ด้วยกัน แม้ว่าครอบครัวของฝ่ายชายจะไม่ต้อนรับ ซึ่งตอนนั้นคุณแก้วเลิกขายตัวที่ร้านอาหารแล้ว แต่เธอยังคงค้ายาเสพติดให้คนแถวละแวกบ้าน และกลายเป็นแหล่งพักยา โดยที่สามีคนที่สองก็ทราบเรื่อง และเสพยาด้วยเช่นกัน
ต่อมาคุณแก้วมีปัญหากับสามีคนที่สอง เพราะสามีไปทำผู้หญิงคนอื่นตั้งครรภ์ และจะขอให้มาอยู่ด้วย แต่คุณแก้วไม่ยอม จึงหนีเข้ากรุงเทพฯ และได้ไปเจอเพื่อนที่เคยติดคุกอยู่ด้วยกัน จนกระทั่งได้เจอกับสามีคนที่สาม ซึ่งเป็นน้าของเพื่อนนั่นเอง แต่ทว่าชีวิตของคุณแก้วก็ยังพัวพันกับการค้ายาอย่างไม่จบสิ้น เพราะสามีคนที่สามก็ยังค้ายาเสพติดเช่นกัน
แต่แล้ววันหนึ่งคุณแก้วก็ถูกตำรวจจับคดีค้ายา 30 เม็ด และต้องติดคุก 3 ปี โดยไม่มีใครไปเยี่ยมแม้แต่คนเดียว แต่เมื่อออกมาจากคุกแล้ว คุณแก้วก็ยังเดินสู่เส้นทางสายบาป โดยค้ายาต่อไป ขณะที่สามีคนที่สามเสียชีวิตแล้วในระหว่างที่เธออยู่ในคุก คุณแก้วกลับมาเป็นโสดอีกครั้ง และได้ไปทำงานเป็นสาวโรงงาน จนมาเจอกับสามีคนที่สี่ที่รู้จักกันในเรือนจำ และอยู่กินกัน
จนกระทั่งวันหนึ่ง คุณแก้วเกิดความคิดที่อยากจะเลิกค้ายา เพราะครอบครัวสามีคนที่สี่รับไม่ได้ และยังเป็นห่วงลูกชายที่กำลังเติบโตขึ้นทุกวัน จึงตัดสินใจชวนสามีย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด เพราะเกรงว่าหากยังอยู่ที่เดิมก็คงต้องวนกลับเข้าทางสายเดิมอีก สุดท้ายคุณแก้วกับสามีได้ย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด แต่แล้ววันหนึ่ง คุณแก้วกลับป่วยหนักจนต้องเข้าโรงพยาบาล และแพทย์ตรวจเลือดพบเลือดบวก นั่นหมายถึงว่า เธอเป็นเอดส์!!!
วินาทีแรกที่เธอได้ยินคำนี้ คุณแก้ว เชื่อว่า เธอน่าจะติดเชื้อเอดส์มาจากสามีคนที่สาม ซึ่งเคยใช้เข็มฉีดยาฉีดผงขาวร่วมกันกับคนในคุก จนกระทั่งมาเสียชีวิต คุณแก้วร้องไห้และเสียใจ ไม่ใช่เพราะสงสารตัวเอง แต่เพราะสงสารผู้ชายอีก 5 คนที่เธอเคยมีความสัมพันธ์ด้วยสมัยเป็นสาวโรงงาน โดย 2 ใน 5 คนนั้นก็มีภรรยาแล้ว แถมภรรยายังตั้งครรภ์อยู่ด้วย รวมทั้งสามีคนที่ 4 ที่เธอแพร่เชื้อให้โดยที่ตัวเธอเองไม่รู้มาก่อน จนกระทั่งทุกวันนี้สามีคนที่ 4 มีภรรยาใหม่แล้ว ก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ และคุณแก้วก็ไม่ได้บอกกับสามี แต่เคยพูดเป็นนัย ๆ กับภรรยาใหม่ของสามีแล้ว โดยที่ไม่มีใครสนใจจะเชื่อเท่าไหร่นัก
แม้ว่าคุณแก้วจะได้รับเชื้อเอดส์มาเกือบ 7-8 ปีแล้ว แต่อาการต่าง ๆ เพิ่งมาแสดงออกให้เธอรับรู้ว่าว่าเป็นเอดส์ได้ไม่นาน และอาการก็เริ่มหนักขึ้น บ่อยครั้งต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ เป็นไข้บ่อย เป็นวัณโรค ทานอะไรไม่ค่อยได้ เพราะเจ็บไปทั่วทั้งปาก แถมภูมิคุ้มกันยังต่ำลงจนแทบไม่เหลือเลย ทำให้เธอเกิดการติดเชื้อที่อวัยวะเพศ และแผลลุกลามอย่างรวดเร็ว ทำให้เธอทรมานเป็นอย่างมาก
ณ วันนี้อาการของคุณแก้วดีขึ้น เพราะรับประทานยาและได้รับการรักษา จนสามารถหายใจได้เองแล้ว และภูมิคุ้มกันดีขึ้นระดับหนึ่ง แต่อย่างไรเสียก็คงไม่สามารถหายขาดได้ ทุกวันนี้เธอพยายามทำใจให้ร่าเริง ให้สามารถยอมรับการติดเชื้อเอดส์ได้ แม้มันจะเป็นแผลบาดลึกในใจ แต่เรื่องนี้ทำให้เธอตระหนักได้ว่า โรคเอดส์เป็นภัยเงียบที่น่ากลัว และความประมาท คิดว่าไม่มีอะไร จนไม่ยอมป้องกันตัวเองขณะมีเพศสัมพันธ์ กลับเป็นมัจจุราชที่จะคร่าชีวิตคุณได้ง่าย ๆ
สุดท้ายแล้ว คุณแก้วยังได้ฝากเตือนไปยังคนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่ใช้ชีวิตโดยไม่ยั้งคิด ให้ระวังมากขึ้น อย่าเดินทางผิด เพราะหากหลงเดินทางผิดเข้าสู่เส้นทางนรก บทสรุปสุดท้าย จุดจบและผลกรรมของชีวิตก็คงไม่แตกต่างไปจากชีวิตของเธอในวันนี้อย่างแน่นอน