สีสันโลกใต้ทะเล เกาะห้า ลันตา
ทะเลไทย มีความงดงามทั้งเหนือน้ำและใต้น้ำ
สำหรับโลกใต้น้ำในทะเลไทยนั้น หลายแห่งงดงามปานเนรมิต ดึงดูดให้บรรดานักดำน้ำทั้งหลายดำดิ่งลงไปสัมผัสชื่นชมในความงาม
ล่าสุดทางทีมประชาสัมพันธ์งาน Thailand Golf & Dive Expo 2010 ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20 – 23 พ.ค. นี้ ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ได้ส่งข้อมูล 10 สถานที่ดำน้ำสุดฮอตของเมืองไทยมาให้ ซึ่งน่าสนใจไม่น้อย "ตะลอนเที่ยว" จึงนำมาบอกเล่าแก่แฟนานุแฟนอีกต่อหนึ่ง
ฝูงปลาแหวกว่ายใต้ท้องทะเลสิมิลัน(ภาพ : ม.ล. กัลยกร เกษมศรี)
เริ่มกันที่อันดับแรกคือ หมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา หมู่เกาะแห่งนี้มี 9 เกาะเดิม และ 2 เกาะใหม่ มีสัญลักษณ์ คือหินเรือใบที่เกาะแปด(สิมิลัน) อันเลื่องชื่อ หมู่เกาะสิมิลันคือหนึ่งในสุดยอดแหล่งดำน้ำลึกของเมืองไทย มีความงดงามติด1 ใน 10 แหล่งดำน้ำลึกยอดนิยมของโลก ในขณะที่จุดดำน้ำตื้นที่สิมิลันก็น่าสนใจไม่แพ้กัน เพราะแถวบริเวณเกาะสี่ (เมียง)และเกาะแปด ถ้าโชคดีเพียงแค่ดำสน็อคเกิ้ลก็อาจจะได้พบกับเต่าทะเล มาแหวกว่ายเป็นเพื่อนเคียงคู่ไปกับนักท่องเที่ยว
ฉลามวาฬความใฝ่ฝันที่นักดำน้ำอยากเจอ(ภาพ : ททท.)
สิมิลันมีจุดดำน้ำเด่นๆ อาทิ แฟนตาซีรีฟ ที่มีกองหินใต้น้ำ 3 ลูก เป็นจุดรวมของปะการัง กัลปังหา และสัตว์น้ำหลากชนิด เกาะปาหยูหรือเกาะเจ็ด ด้านตะวันออกมีทั้งจุดดำน้ำตื้นและน้ำลึก มีทั้งปะการังแข็ง ปะการังอ่อน กัลปังหา และฝูงปลาหลากชนิด หินปูซาหรือหินหัวกะโหลก เป็นเกาะขนาดเล็กซึ่งมีก้อนหินรูปร่างคล้ายหัวกะโหลกอยู่เหนือน้ำ ส่วนใต้น้ำก็แปลกตาด้วยก้อนหินที่มีรูโพรงและมีช่องให้นักดำน้ำตื่นตาตื่นใจ เรือนกล้วยไม้บริเวณเกาะหก มีปะการังอ่อนสวยงามมีถ้ำใต้น้ำหลายแห่ง และมักพบปลาสิงโตและกระเบนธงขนาดใหญ่ เกาะบางูหรือเกาะเก้า และบริเวณหินสันฉลาม ซึ่งเป็นกองหินปริ่มน้ำใกล้เกาะปาหยันหรือเกาะสาม นักดำน้ำมักได้พบกับฉลามครีบเงิน ฉลามเสือดาว และฉลามหูขาว
นอกจากนี้บริเวณ 2 เกาะใหม่ที่ผนวกเป็นหมู่เกาะสิมิลันได้ไม่นานก็น่าสนใจไม่แพ้กัน โดย เกาะตาชัย เต็มไปด้วยปะการังหลากสีสันและฝูงปลานานาชนิด รวมถึงยังสามารถพบสัตว์ใหญ่อย่าง ฉลามวาฬ ฉลามเสือดาว กระเบนราหู ได้บ่อยครั้ง ส่วน เกาะบอน เต็มไปด้วยปะการังอ่อนขนาดเล็ก และมีโอกาสพบกระเบนราหูได้บ่อยครั้ง ส่วนใครโชคดีจะได้พบกับฉลามครีบดำที่นานจะโผล่มาโชว์ตัวสักที
ต่อกันที่อันดับ 2 หมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา ซึ่งเป็นแหล่งชมปลาการ์ตูนและเต่าทะเลที่หาดูได้ยาก เป็นจุด ดำน้ำที่พบฉลามวาฬบ่อยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยจุดดำน้ำลึกอันโดดเด่นอยู่บริเวณ กองหินริเซลิว ซึ่งเป็นกองหินใต้น้ำหลากหลายขนาด ลักษณะคล้ายกับเป็นคอนโดมิเนียม มีสัตว์น้ำเล็กๆ อาศัยอยู่ตามซอกมุมของหิน เช่น ปลากบ กุ้งตัวตลก ม้าน้ำ ทากทะเล ปะการังอ่อนหลากสี บางครั้งคุณอาจได้พบกับฝูงปลาสากยักษ์ และปลากะพงขนาดใหญ่จำนวนมาก
ส่วนจุดดำน้ำตื้น ในบริเวณอ่าวรอบๆ หมู่เกาะสุรินทร์เกือบทุกอ่าวจะเต็มไปด้วยแนวปะการังแข็งที่สมบูรณ์ที่สุดของท้องทะเลไทย เป็นที่อาศัย หากิน หลบภัย และขยายพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตจำนวนมาก ซึ่งนักดำน้ำหลายคนยกให้เกาะสุรินทร์เป็นแหล่งดำน้ำตื้นที่สวยงามที่สุดในเมืองไทย
อันดับ 3 คือ หินม่วง หินแดง หมู่เกาะลันตา จ.กระบี่ เป็นแหล่งดำน้ำที่อุดมไปด้วยธรรมชาติอันสวยงาม เป็นแหล่งปะการังอ่อนหลากสีสัน และมีสัตว์น้ำขนาดใหญ่ อย่าง วาฬ, ฉลามวาฬ และแมนต้าเรย์ รวมถึงกระเบนราหู กระเบนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อีกทั้งยังมีโอกาสพบฉลามเสือดาวนอนหมอบอยู่ตามพื้นทรายหรือพบกับฝูงปลาสากยักษ์ ถ้าโชคดี
ดำน้ำตื้นที่สิมิลันก็มีโอกาสเจอเต่าทะเลได้
อันดับ 4 ยังคงอยู่กันที่หมู่เกาะลันตา กับบริเวณเกาะห้าซึ่งเป็นเกาะหินปูนขนาดเล็ก ก็เป็นอีกหนึ่งจุดดำน้ำขึ้นชื่อ เพราะใต้ผิวน้ำมีถ้ำขนาดใหญ่สลับซับซ้อนกัน เวลาอยู่ในถ้ำแล้วมองออกมาจะเห็นแสงอาทิตย์สาดกระทบผิวน้ำสะท้อนภาพสู่ใต้น้ำงดงามราวสรวงสวรรค์ ส่วนทางด้านทิศตะวันตกของเกาะห้า มีกองหินขนาดใหญ่และปะการังอ่อนขึ้นอยู่ทั่วพื้นที่ และอาจจะเจอปลาไหลสวนที่มุดอยู่ชูคอออกมาดักอาหารให้นักดำน้ำได้ตื่นเต้นกันพอสมควร
ดำน้ำกิจกรรมท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง(ภาพ : เว็บทะเลไทย)
ไปดำดิ่งชมโลกใต้ทะเลต่อกันกับอันดับ 5 ที่ หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ ที่นี่มีจุดดำน้ำที่น่าสนใจ คือ บริเวณกองหินมูสัง มีลักษณะเป็นแนวกองหินใต้น้ำขนาดใหญ่หลายกองเชื่อมต่อกัน และถูกปกคลุมไปด้วยเหล่าปะการังสีชมพูสดใส มีฝูงปลานานาชนิด มีสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กให้ดูกันเป็นจำนวนมาก เกาะคู่ หรือกองหินปิดะ เป็นจุดดำน้ำที่มีโฮกาสได้พบกับฉลามเสือดาว กระเบนราหู รวมทั้งสัตว์เล็กๆ อย่าง ปลาจิ้มฟันจระเข้ปีศาจ หรือปลากบหลากหลายสีสัน ,Shark Point หรือกองหินสันฉลาม เป็นกองหินใต้น้ำที่มีโอกาสพบฉลามได้บ่อยครั้ง
อันดับ 6 เกาะจาบัง หมู่เกาะตะรุเตา จ.สตูล เป็นแหล่งปะการังใต้น้ำเจ็ดสีที่สวยที่สุดจุดหนึ่ง กองหินใต้น้ำต่างๆบริเวณนี้ถูกปกคลุมไปด้วย ปะการังอ่อนสีชมพู สีม่วง สีฟ้า สีแดง ดอกไม้ทะเล ดาวขนนก ฟองน้ำครกขนาดใหญ่ และที่เพิ่มสีสันให้สวยงามขึ้น ก็ได้แก่ ฝูงปลาน้อยใหญ่ แวกว่ายกันอยู่ ไม่ว่าเป็น ปลาการ์ตูน ปลานกแก้ว ปลานกขุนทอง ที่นี่เป็นร่องน้ำลึกที่มีกระแสน้ำไหลเชี่ยว นักท่องเที่ยวที่ดำน้ำควรมีชูชีพ และเกาะเชือกที่ผูกไว้กับเรือไว้ขณะดำน้ำ
อันดับ 7 หมู่เกาะราชา จ.ภูเก็ต ซึ่งประกอบด้วยเกาะราชาใหญ่ และเกาะราชาน้อย จุดดำน้ำของเกาะราชาใหญ่อยู่ที่ด้านตะวันออกเฉียงใต้ของตัวเกาะ มีแนวปะการังแข็งปกคลุม แต้มด้วยปลาดาวขนนกสีสด ส่วนเกาะราชาน้อย จุดดำน้ำอยู่ที่หัวเกาะด้านเหนือ เป็นดงปะการังอ่อนและที่อยู่ของฝูงปลานานาชนิด รวมถึงยังเป็นจุดที่สามารถพบปลากบได้อีกด้วย
อันดับ 8 หินหมูสังนอกและหินหมูสังใน จ.ภูเก็ต เป็นที่รู้จักในหมู่นักดำน้ำชาวต่างชาติในชื่อ Anemone Reef และ Shark Point หินหมูสังนอก เป็นดงของดอกไม้ทะเลและปะการังอ่อนที่เกาะหินใต้น้ำเป็นผืน ส่วนหินหมูสังใน เป็นจุดดำน้ำที่มีความหลากหลายของสัตว์ทะเลสูงทั้งปะการัง กัลปังหา ฟองน้ำ ปลาเก๋า ปลาผีเสื้อ ปลาสิงโต รวมถึงฉลามกบ
ข้ามฝั่งมายังอ่าวไทยไปต่อกันที่อันดับ 9 ที่ เกาะเต่า-เกาะนางยวน จ.สุราษฎร์ธานี ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในจุดดำน้ำที่สวยงามที่สุดของอ่าวไทย และมีจุดดำน้ำขึ้นชื่อหลายจุด อาทิ หินนางยวน เป็นจุดดำน้ำกลางคืน ที่มักได้พบกับปูและปลาขนาดเล็กจำนวนมาก และเมื่อลงไปถึงก้นทะเลอาจพบปลากระเบนขนาดใหญ่ซุกอยู่ตามซอกตามมุม กองหินขาว บริเวณนี้มีปะการังดำ ดงดอกไม้ทะเล กัลปังหาพัด และปะการังอ่อนหลากสี กองชุมพร เป็นแหล่งชมปลาหมอทะเล ปลาเก๋าตัวใหญ่ ปะการังดำ ฟองน้ำ ถ้วยทะเล อีกทั้งยังอาจได้พบกับฉลามวาฬที่มักวนเวียนอยู่เป็นประจำ กองทรายแดง เป็นจุดชึ้นชื่อในเรื่องของปะการังอ่อนสีสด กัลปังหา และฟองน้ำครก ด้วยระดับน้ำที่ไม่ลึกมากจึงเหมาะสำหรับนักดำน้ำมือใหม่
ความงามของชีวิตน้อยๆใต้ทะเล