การล่าแม่มดครั้งใหญ่ในยุโรป เกิดขึ้นในคริสต์ศตวรรษที ๑๕-๑๖ และ ๑๗ ตามลำดับ และได้มีการสังหาร
คนที่ไม่รู้ อีโหน่อีเหน่เป็นจำนวนหลายหมื่นคน ในข้อกล่าวหาผู้ต้องสงสัยว่าเป็นแม่มด ตลอดถึงคำสารภาพที่เค้นคั้นเอามา
จากพวกนั้นหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งจำใจต้องสารภาพ เพราะทนต่อการถูกทารุณกรรมอันร้ายกาจไม่ได้ ข้อกล่าวหาก็ดี
คำสารภาพก็ดี ไม่ได้เปิดเผยสิ่งที่แม่มดจริงๆ ได้กระทำ แต่รูปแบบความคิด และความหวาดถลัวได้ฝังรากลึกในจิตใจชาวยุโรป
เชื่อกันว่า แม่มดเคารพบูชา มาราธิราช ในการรับใช้จอมมารนั้น ต้องเกณฑ์ผู้คนเข้าเป็นพวก อันเป็นส่วนหนึ่ง
ของแผนการอันยิ่งใหญ่ ในการทำลายคริสต์ศาสนา ลดทอนค่านิยมอันดีงามและล่อวิญญาณ มนุษย์สู่นรกโลกันต์แห่งมาราธิราช
กล่าวกันว่า พวกแม่มดจะชุมนุมกันในพิธีกรรมขุมนรก ในวันธรรมสวนะ (แซบบัธวันพักผ่อนตามลัทธิศาสนายิว คือวันศุกร์ และ
ศาสนาคริสต์ คือวันอาทิตย์) หรือในวันชุมนุมของศาสนิกชนยิวโดยเฉพาะอันเรียกว่าซันอะก๊อก ในพิธีนั้นเหล่าแม่มดจะทำการ
สักการะซาตานซึ่งเป็นเจ้านาย จะมาปรากฏตัวให้เห็นเป็นบางครั้ง ในเรือนร่างมนุษย์ แต่บ่อยครั้งแล้วจะปรากฏในรูปสัตว์ เช่น
แพะสีดำสนิทใหญ่มหึมา
ตามคำพิจารณากลุ่มแม่มดที่ ถูกพิพากษาลงโทษที่เมืองอวิยอง ในปี พ.ศ.๒๑๒๕ ''ในการชุมนุมปกติของพวกแม่มด,
พ่อมด, พวกนอกรีต พวกปลุกผี และพวกนับถือมาร ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ได้ทำการจุดไฟอัคคีโดยมิชอบ หลังจากรื่นเริงเฮฮา,
เต้นรำ กิน และดื่มกันหัวปักหัวปำแล้ว ก็เล่น เกมส์ลามกเพื่อเป็นเกียรติแก่บีเซลบับ เจ้าชายมาราธิราชผู้เป็นประธานของ พวกเจ้า
ซึ่งปรากฏตัวในร่างแพะดำที่น่าขยะแขยง และพิกลพิการ สูเจ้าจงบูชามัน ทั้งในทางการปฏิบัติและทางการพูด เสมือนว่ามันเป็น
พระเจ้าจริงๆ”
จอมมาราธิราชยอดเยี่ยมในการปลอมแปลงเป็นรูปสัตว์ต่างๆ ได้ด้วย พวกแม่มดที่ถูก พิจารณาคดีที่เมืองลีอองส์
ในคริสต์ศตวรรษที่ ๑๕ ระบุว่าจอมมารแปลงรูปเป็นวัวตัวผู้ หรือแมวให้พวกตนเห็น ในที่อื่นๆ จอมมารอาจแปลงเป็นหมา, วัวตัวเมีย,
ม้า, ล่อ, กวางตัวผู้ หรือแกะ, หมู หมาจิ้งจอก, แมงมุม หรือลิงก็ได้
หญิงสาวผู้หนึ่งอาศัยอยู่ในเกาะเกรินซีย์ ในคริสต์ศตวรรษที่ ๑๗ เล่าว่าเมื่อนางไปร่วมพิธีในวันธรรมสวนะ มาราธิราช
ปรากฏต่อหน้าเธอในรูปของ หมามีเขายืนสองขา เอามือมาจับตัว เธอแล้วเชิญเธอไป อ้างว่ามาราธิราชในรูปหมาเป็นจริง มิใช่เรื่อง
ฟุ้งซ่าน สันนิษฐานว่าคงเป็นคนที่เป็นผู้นำของชมรมแม่มด ๑๓ คน
ฤทธานุภาพอย่างหนึ่งที่มาราธิราช หรือเจ้าซาตานมอบให้แก่ผู้เคารพบูชาจริงๆ คือ อำนาจการแปรรูปเป็นสัตว์ต่างๆ
ในปี พ ศ ๒๐๖๗ ผู้หญิงคนหนึ่ง จากอิตูเรนในท้องที่เขาพีเรนีส ของเมืองนาวาร์รา สเปน ถูกทรมานให้สารภาพว่า กลุ่มแม่มดของ
นาง ได้แปลงร่างเป็นม้าบินไปในอากาศ บุคคลอื่นๆ ที่ถูกกล่าวหาจากบริเวณเดียวกันต่างพากันปฏิเสธ อย่างไรก็ตามความเชื่อเก่า
แก่ที่สืบทอดกันมาว่า พวกแม่มดขี่ม้าลึกลับ และมักจำแลงร่างเป็นแมว หนู ลา คงมีอยู่ในบริเวณแบ็ซด์ ของชาวเขาพีเรนีสจน
ถึงทุกวันนี้ พวกแม่มดสามารถจำแลงเป็นไม้ลำต้นอ่อน หรือใบไม้ในฤดูร่วงเกรียวกราวในสายลมได้อีกด้วย
ความคิดเกี่ยวกับแม่มด การแปลงร่างของซาตาน การจำแลงร่างของพวกแม่มด มีมาก่อนการประหัตประหารแม่มด
ในสมัยกลางของยุโรป จนถึงสมัยก่อนมีความเชื่อในคริสต์ศาสนา โดยมีนิทานจากเกาะสไคย์ว่าด้วยชายคนหนึ่ง ภรรยาของเขาไม่
อยู่บ้านในเวลากลางคืนเป็นประจำ ด้วยความสงสัย เขาแอบตามนางไป ถึงกับอกสั่นขวัญแขวน เมื่อเห็นนางแปลงร่างเป็นแมวดำ
ขนเป็นมัน ร่วมกับแมวดำอีก ๗ ตัว ลงในตะกร้าลอยออกทะเลไป นิทานนี้เก่าแก่มาก และยังมีเรื่องกล่าวขานจากคนรุ่นหนึ่ง สู่คน
อีกรุ่นหนึ่งในยุโรป ถึงคนที่ทำให้หมาแมวหรือกระต่ายบาดเจ็บ แต่ในวัน ต่อมา ก็จะพบรอยบาดเจ็บนั้นๆ ตามร่างของแม่มดใน
ท้องถิ่น อีกเหตุการณ์เกิดที่เมืองสตราสเบิร์ก ชายคนหนึ่งเดินโต๋เต๋ตามถนน คืนหนึ่ง อยู่ดีๆ ถูกแมวตัวใหญ่สามตัวพรวดเข้ามา
รุมกัด ชายคนนั้นก็สู้กับมัน จนแมวใหญ่ทั้งสามบาดเจ็บและหนีไป แต่ในไม่ช้าเขาก็ถูกจับฐานทำร้ายร่างกายหญิงสามคน ต่อมาเขา
ได้รับการปล่อยตัว เพราะพิสูจน์ได้ว่าบาดแผลของสาวสามคน นั้นเป็นบาดแผลจากฝีมืออันฉมังของเขาที่ฝากไว้กับแมวทั้งสามนั่นเอง
ยังมีความเชื่อกันอย่างแพร่หลายว่า แม่มดเก็บผีที่คุ้นเคยไว้ใกล้ชิดกับตัว เป็นผีร้ายในรูปของสัตว์เล็กๆ เช่น สัตว์
เลี้ยงในบ้านเกิดเพี้ยนพิลึกพิกล เป็นต้น หมาหรือแมวของหญิงเฒ่าที่ ชอบบ่นพึมพำที่ดูไม่ดุ จะมีสายตาชิงชังเคียดแค้นเหมือนต
ปิศาจทื่หญิงแก่ ส่งไปทำร้ายคนในปี พ.ศ.๒๐๙๙ ที่เมืองฮาร์ทฟิลด์ พีวีเรลในมณฑลเอสเซคส์ มีพยานให้การว่าหัวหน้าแม่ชีนามว่า
วอเพอร์ เฮาส์ เลี้ยงแมวขาวลายจุด้วยขนมปังกับน้ำนม และด้วยเลือดของนางด้วย แม่ชีเรียกแมวนั้นว่าซาตาน และแม่ชีสามารถ
แปลงมันเป็นคางคกได้ด้วย โดยมีลูกสาววัย ๑๘ ของเธอเป็นผู้ยืนยัน
โจน ฟลาวเวอร์ หนึ่งในสาวใช้ ของเอิร์ลแห่งรัทแลนด์ ที่ปราสาท เบลวัวร์ ถูกพบว่าได้สังหารลูกชายสองคนของท่าน
เอิร์ล โดยส่ง รัทเทอร์ดิน แมวดำของนางไปฆ่า แต่แล้วโจนก็ถูกจับแต่สิ้นใจกลางทางก่อนถึงคุก ลูกสาวสองคนของนางก็ถูกแขวนคอ
ในปี พ.ศ.๒๑๖๒ ซิลเวน เนวิลลอน แห่งออลีนส์ ถูกพิจารณาคดีในปี พ.ศ.๒๑๕๗ กล่าวว่าพวกแม่มดเก็บคางคกไว้เป็นที่สนิทสนม
เลี้ยงคางคกด้วยนมและแป้งผง และอีกคนที่ได้รับผลกระทบจากการถูก กล่าวร้ายว่าเป็นแม่มดอีกคน ทั้งๆ ที่ได้ทำความดีไว้
มากมาย
โดยการนำทัพฝรั่งเศสเข้าตะลุย สู้รบขับไล่ทัพอังกฤษที่มาบุกรุก จนได้รับชัยชนะเรื่อยมา แต่ก็ต้องจบลงด้วย
การถูกเผาทั้งเป็น ดังที่ได้มีภาพยนต์เรื่องหนึ่ง ที่ได้เข้ามาฉายในบ้านเราไม่นานนี้ และในภายหลังเธอก็ได้รับการยกย่องให้เป็นวีรสตรี