นักศึกษาหนุ่มวัย 21 ปีเรียกเสียงฮือฮาไปทั่วโลก หลังสื่อและเหล่าบล็อกเกอร์พากันประโคมข่าวเรื่องที่เขาเป็นเจ้าของรถยนต์แรงหรูมากถึง 30 คัน
“ดิอา อัล เอสซา” หนุ่มหน้าใสวัย 21 ปี ที่กำลังศึกษาภาควิชาวิศวกรรมศาสตร์ปีสุดท้าย ในกรุงริยาด ประเทศซาอุดิอาระเบีย สร้างความอิจฉาตาร้อนให้กับบรรดาคนรักรถทั่วโลก และกลายเป็นคนดังบนโลกอินเตอร์เน็ทในชั่วข้ามคืน หลังตกเป็นข่าวว่ามีรถยนต์แรงหรูไว้ในครอบครองมากถึง 30 คัน
ที่น่าอิจฉามากไปกว่านั้นก็คือ เขาไม่ต้องควักกระเป๋าจ่ายเงินซื้อรถหรูด้วยตัวเอง หากเป็นของสมนาคุณจากผู้สนับสนุนหลัก ซึ่งก็คือพ่อบังเกิดเกล้าของเขานั่นเอง นอกจากรถยนต์แล้ว พ่อของเขายังทุ่มซื้อทะเบียนส่วนตัวหมายเลข “070″ มูลค่าป้ายละ 5 ล้านบาท ติดรถยนต์ทุกคันเป็นของแถมให้ลูกชายสุดเลิฟด้วย
เฟอร์รารี่ เอฟ 430 โนวิเทค รอซโซ่ และ เฟอร์รารี่ 599 จีทีบี
ทั้งนี้ รถยนต์หรูที่เขามีไว้ในครอบครอง ประกอบด้วย ลัมโบร์กินี 3 คัน, เฟอร์รารี่ 5 คัน, พอร์ช 5 คัน, โรลสรอยซ์ 2 คัน และเมอร์เซเดส เอสแอลอาร์ แมคลาเรน เป็นต้น
นอกจากนี้ พ่อของเขายังสั่งผลิตซูเปอร์คาร์สัญชาติสวีดิช “คอนิกเส็กก์ อากีร่า” (Koenigsegg Agera) ที่ภายในตกแต่งด้วยหนังประดับเพชร พร้อมลายเซ็นของเขาที่เบาะนั่ง แถมยังมาพร้อมกุญแจ “ทองคำ” เพื่อเป็นของขวัญวันเกิดครบรอบ 22 ปีของเขาในปีหน้า และเนื่องในโอกาสที่เขาเรียนจบปริญญาตรี
เท่านั้นยังไม่พอ ซูเปอร์คาร์ “บูกัตติ เวย์รอน ซูเปอร์สปอร์ต” อีกคันก็อยู่ในระหว่างสั่งผลิต โดยมีกำหนดส่งมอบในปีหน้าเช่นกัน (เฉพาะรถยนต์ทั้ง 2 คันที่ว่า ก็มีมูลค่าสูงถึง 152 ล้านบาทแล้ว)
เฟอร์รารี่ 458 อิตาเลีย ของ “ดิอา อัล เอสซา” ก่อนถูกไฟไหม้
และเขาคนนี้นี่แหล่ะที่เป็นเจ้าของรถยนต์เฟอร์รารี่ 458 อิตาเลีย สีเหลือง ที่ถูกไฟไหม้จนแทบไม่เหลือซาก ภายในแอร์คาร์โก้ของสนามบินฮีทโธรว์ ในกรุงลอนดอน เมื่อเดือนที่แล้ว
เขาวางแผนเอาไว้ว่าจะขับรถ “เฟอร์รารี่ 458 อิตาเลีย” จากกรุงลอนดอนไปยังปารีส จากนั้นจึงมุ่งหน้าไปยังเมืองคานน์ และโมนาโก (มีเรือยอชต์สุดหรูของครอบครัวจอดอยู่ที่นั่น) แล้วจึงมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี และขับต่อไปยังกรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จากนั้นจึงขับกลับกรุงลอนดอน แต่พอรถคันดังกล่าวถูกไฟไหม้ เขาจึงนำ “เมอร์เซเดส” มาขับเที่ยวตามเมืองต่างๆ ในยุโรปแทน
และเพื่อเป็นการปลอบขวัญที่รถลูกชายถูกไฟไหม้ พ่อของเขาจึงออเดอร์รถยนต์ “เฟอร์รารี่ 599 จีทีโอ โรดสเตอร์” คันสุดท้าย (นัมเบอร์ 70 จากทั้งหมด 70 คัน) มาไว้ให้เขาขับเล่นแทน “เฟอร์รารี่ 458 อิตาเลีย” คันเก่าที่เพิ่งถูกไฟไหม้เมื่อเดือนที่ผ่านมา
“ดิอา อัล เอสซา” กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่คฤหาสน์หรูในกรุงนิวยอร์ก ว่า “ผมรักความเร็ว แต่ท้องถนนที่กรุงริยาดบ้านเกิดของผม อนุญาตให้ขับรถได้ไม่เกิน 75 ไมล์ (121 ก.ม.) ต่อช.ม.เท่านั้น ทำให้ผมขับรถได้ไม่เต็มที่สักเท่าไหร่”
ด้วยเหตุนี้ พอถึงช่วงปิดภาคเรียน เขาจึงมักขนรถหรูขึ้นเครื่องบินไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยเฉพาะยุโรปและอเมริกา เพื่อขับรถท่องเที่ยวกับเพื่อนๆ โดยมีรถคันโปรด คือ “เมอร์เซเดส เอสแอลอาร์ แมคลาเรน” ที่ทนความร้อนได้ดี และมีความเร็วสูงสุดถึง 250 ไมล์ (402 ก.ม.) ต่อชั่วโมง
เมอร์เซเดส เอสแอลอาร์ แมคลาเรน
เขายังกล่าวอีกว่า ถ้าได้รับมอบ “บูกัตติ เวย์รอน” เมื่อไหร่ จะขนขึ้นเครื่องบินไปขับซิ่งบนถนนออโตบาห์น ในประเทศเยอรมนี ที่สามารถขับรถด้วยความเร็วสูงได้ตามที่เขาต้องการ
ปัจจุบันนี้ รถยนต์หรูที่อยู่ในครอบครองของเขามีมูลค่ารวมกันกว่า 213 ล้านบาท แต่หลังจากรับมอบรถยนต์คอนิกเส็กก์ อากีร่า และบูกัตติ เวย์รอน ในปีหน้า คอลเลคชั่นรถยนต์ของเขาจะมีมูลค่ารวมกันสูงถึงเกือบ 380 ล้านบาทเลยทีเดียว