ภายในสุสานใต้ดิน
มัมมีของโรซาเลีย ลอมบาร์โดผู้เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1920สุสานใต้ดินคาพูชิน หรือ สุสานรังผึ้งคาพูชิน (อิตาลี: Catacombe dei Cappuccini, อังกฤษ: Capuchin catacombs of Palermo หรือ Catacombs of the Capuchins) เป็นที่เก็บศพแห้งแบบมัมมีภายใน “สุสานรังผึ้ง” หรือ สุสานใต้ดิน (Catacombs) ที่ตั้งอยู่ที่เมืองปาแลร์โมในซิซิลีทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี ในปัจจุบันเป็นสถานที่ดึงดูดท่องเที่ยวแนวสยองขวัญ (macabre) และ มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์แนวแปลก
มัมมีของโรซาเลีย ลอมบาร์โดผู้เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1920
เมื่อสำนักสงฆ์ของนิกายคาพูชินแห่งพาเลอร์โมขยายตัวเลยจากสุสานเดิมในคริสต์ศตวรรษที่ 16 นักบวชประจำวัดก็ทำการขุดคริพท์ใต้วัด ในปี ค.ศ. 1599 ท่านก็ได้ทำศพหลวงพี่ซิลเวสเตอร์แห่งจุบบิโอที่เพิ่งเสียชีวิตและวางร่างไว้ในสุสานใต้ดินที่พบ
ร่างของผู้ตายก็แห้งบนคานที่ทำด้วยเซรามิคภายในสุสานใต้ดิน ต่อมาบางครั้งก็จะมีการล้างด้วยน้ำส้มสายชู บางร่างก็จะทำการดองศพ (Embalming) หรือบางร่างก็จะใส่ตู้กระจกไว้ นักบวชที่รักษาไว้ก็จะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สวมใส่ประจำวันพร้อมด้วยเชือกที่เป็นเครื่องหมายของการบำเพ็ญทุกรกริยาเพื่อไถ่บาป (penance)
ระเบียงนักบวช
เดิมสุสานใต้ดินใช้สำหรับบรรจุศพของนักบวช (friar) เท่านั้น แต่ในคริสต์ศตวรรษต่อๆ มาการมีศพไว้ในสุสานใต้ดินของนักบวชคาพูชินก็ถือกันว่าเป็นสัญลักษณ์แสดงฐานะ ผู้มีฐานะดีก็จะทิ้งพินัยกรรมไว้ให้รักษาร่างของตนไว้ในเครื่องแต่งกายที่ระบุไว้ หรือบางครั้งก็ถึงกับสั่งว่าให้เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นระยะๆ นักบวชที่ฝังก็จะแต่งกายอย่างนักบวช ส่วนฆราวาสก็จะแต่งตัวตามสมัย ญาติพี่น้องผู้มาสวดมนต์ให้แก่ผู้ตายก็จะมีหน้าที่ดูแลรักษาสภาพของศพให้ดูดีด้วย ค่าบำรุงรักษาสุสานใต้ดินมาจากเงินอุทิศของญาติพี่น้องผู้ที่มีร่างอยู่ในสุสาน
ร่างใหม่แต่ละร่างก็จะถูกนำไปไว้ชั่วคราวในช่องก่อนที่จะย้ายไปยังที่ตั้งที่ถาวร ถ้าญาติพี่น้องยังคงบริจาคเงินสำหรับดูแลรักษาร่างของผู้ตายก็จะยังคงตั้งไว้ แต่ถ้าเลิกบริจาคร่างก็จะถูกย้ายไปไว้บนชั้นจนกว่าญาติพี่น้องจะกลับมาบริจาค
ระเบียงศพใหม่
สุสานใหม่
การบรรจุและการรักษาศพไม่ให้เน่าเปื่อย
นักบวชองค์สุดท้ายที่ได้รับการบรรจุในสุสานใต้ดินคือภราดรริคคาร์โดในปี ค.ศ. 1871 แต่หลังจากนั้นก็ยังคงมีการบรรจุร่างของฆราวาสที่สำคัญๆ กันอยู่ สุสานมาปิดอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ. 1880 แต่นักท่องเที่ยวก็ยังคงเดินทางมาชม ร่างสุดท้ายที่ได้รับการบรรจุคือร่างของโรซาเลีย ลอมบาร์โดเด็กหญิงอายุสองขวบผู้เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1920 ด้วยโรคปอดบวม ซึ่งยังอยู่ในสภาพที่ยังคงดีอยู่มากโดยใช้สูตรการรักษาร่างที่หายไปเป็นเวลานานก่อนที่จะมาพบอีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้ วิธีการรักษาศพไม่ให้เน่าเปื่อยทำโดยศาสตราจารย์อัลเฟรโด ซาลาเฟีย โดยการใช้สารละลายฟอร์มาลิน (formalin) เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย, แอลกอฮอล์เพื่อทำให้ร่างแห้ง, กลีเซอรินเพื่อไม่ให้ร่างแห้งจนเกินไป, กรดซาลิไซลิคเพื่อฆ่าเชื้อรา และสารที่สำคัญที่สุดคือเกลือสังกะสี (ซิงค์ซัลเฟต และ ซิงค์คลอไรด์) เพื่อทำให้ร่างมีความแข็ง (rigidity) ไม่อ่อนตัวลง[1][2] สูตรที่ใช้ประกอบด้วยกลีเซอริน 1 ส่วน, ฟอร์มาลินชุ่มด้วยซิงค์ซัลเฟต และ ซิงค์คลอไรด์ 1 ส่วน และสารละลายแอลกอฮอล์กับกรดซาลิไซลิคอีก 1 ส่วน
ระเบียงภาพสุสานชาย
สุสานใต้ดินประกอบด้วยมัมมีราว 8000 ศพที่ตั้งรายตามผนังของสุสาน ห้องเก็บศพแบ่งออกเป็นกลุ่มที่ประกอบด้วย ชาย, หญิง, หญิงที่ยังบริสุทธิ์, เด็ก, นักบวช และ ผู้มีอาชีพการงาน (Professional) สภาวะของศพก็แตกต่างกันออกไป บางร่างก็ยังอยู่ในสภาพดีกว่าร่างอื่นๆ บางร่างก็ตั้งเป็นแบบวางท่าเช่นร่างของเด็กสองคนที่นั่งด้วยกันบนเก้าอี้โยก สุสานเปิดให้แก่ญาติพี่น้องของผู้ตายผู้สามารถเข้ามาสวดมนต์ร่วมกับผู้ตายด้วยกัน
ในสุสานใต้ดินก็มีร่างของบุคคลสำคัญๆ หลายคนที่ และอ้างกันว่าร่างของเดียโก เบลัซเกซจิตรกรชาวสเปนถูกบรรจุไว้ที่นี่ด้วย
การเข้าชม
สุสานใต้ดินเปิดให้ประชาชนเข้าชมแต่ตามกฎแล้วห้ามการถ่ายภาพ ในปัจจุบันได้มีการติดตั้งกรงเหล็กเพื่อป้องกันไม่ให้นักท่องเที่ยววางท่าถ่ายภาพกับร่างของผู้ตาย