พระราชวังโบราณเป็นสิ่งก่อสร้างโบราณที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วโลกของกรุงปักกิ่ง เริ่มสร้างเมื่อคศ.๑๔๐๗ เสร็จเมื่อคศ. ๑๔๒๐ ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง ๑๔ ปี พระราชวังโบราณแห่งนี้เป็นทั้งที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจและที่ประทับของพระจักรพรรดิ ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองปักกิ่ง กินเนื้อที่ทั้งหมด ๗๒๐๐๐๐ ตารางเมตร มีห้องใหญ่น้อยทั้งหมดเกือบ ๑๐๐๐๐ ห้อง ซึ่งเป็นกลุ่มสิ่งก่อสร้างโบราณที่ีใหญ่ที่สุดและครบบริบูรณ์ที่สุดในโลก

สิ่งก่อสร้างที่สําคัญในพระราชวังโบราณมีพระที่นั่งใหญ่ ๓ พระที่นั่ง คือพระที่นั่งไท่เหอ พระที่นั่งจงเหอและพระที่นั่งเป่าเหอ ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างใหญ่โตมโหฬารที่มีโครงสร้างกระทัดรัดพระที่นั่งทั้งสามนี้สร้างอยู่บนฐานหินอ่อนขาวสูง ๗ เมตร มองไกล ๆ คล้ายกับวิมานในเทพนิยาย

พระที่นั่งไท่เหอเป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธีสําคัญ ๆ การก่อสร้างและการตกแต่งของพระที่นั่งนี้สง่างามและน่าเกรงขามยิ่งนักซึ่งไม่เพียงแต่เหนือกว่าอีก ๒ พระที่นั่งเท่านั้นหากยังเป็นสิ่งก่อสร้างที่หาที่เปรียบไม่ได้ในบรรดาสิ่งก่อสร้างไม้สมัยโบราณของจีน พระที่นั่งไท่เหอกว้าง ๖๓.๙๖ เมตร ลึกเข้าไปข้างใน ๓๗.๒ เมตร ในพระที่นั่งมีเสาไม้ ๖ แถว แถวละ ๑๒ ต้น รวมทั้งหมด ๗๒ ต้น ตรงกลาง ๖ ต้นสูง ๑๔.๔ เมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง ๑.๐๖ เมตร ลงรักอาบทองมีลายมังกรพันอยู่โดยรอบ นอกนั้นทาสีชาดทุกต้นเสา ๖ ต้นนั้นล้อมรอบราชบัลลังก์ซึ่งอยู่บนแท่นลายมังกรสูงประมาณ ๑ เมตร หน้าพระราชบัลลังก์มีโต๊ะวางไว้ หลังราชบัลลังก์มีฉากซึ่งแกะสลักประณีตงดงามกั้นอยู่หน้าราชบัลลังก์มีนกกระเรียนทองสัมฤทธิ์ กระถางเผากํายานและกระถางรูปทองสัมฤทธิ์เรียงรายอยู่นอกพระที่นั่งมีเสา ระเบียง ๑๒ ต้น หลังคาพระที่นั่งสองชั้นมุงด้วยกระเบื้องเคลือบสีเหลือง

พระที่นั่งจงเหอเป็นสถานที่ซึ่งพระจักรพรรดิทรงพักผ่อนพระอิริยาบถก่อนเสด็จไปทรงประกอบพระราชพิธีต่าง ๆ ณ พระที่นั่งไท่เหอ พระที่นั่งเป่าเหอเป็นพระที่นั่งสุดท้ายใน ๓ พระที่นั่งนี้ ในวันสุกดิบก่อนวันตรุษจีนทุก ๆ ปีพระจักรพรรดิจะพระราชทานเลี้ยงพระกระยาหารแก่เจ้าครองแคว้นต่าง ๆ ณ ที่นี้

ครึ่งหลังของพระราชวังโบราณเรียกว่า "วังใน" เป็นสถานที่ซึ่งพระจักรพรรดิทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจและเป็นที่ประทับของพระจักรพรรดิกับมเหสีและที่อยู่ของนางสนมกํานัล

๔ มุมของพระราชวังโบราณมีหอคอยตั้งอยู่ หอคอยแต่ละหลังมีหลังคา๓ ชั้น สร้างเป็นเหลี่ยมเป็นมุมทั้งหมดมี ๒๘ มุมศิลปะการสร้างวิจิตรพิศดารอย่างยิ่ง