ษา - วรรณษา ทองวิเศษ
แอน - กัญญารัตน์ บ่อสันเที๊ยะ
เจี๊ยบ - ชาญดา ลียะวณิช
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
มีใครบางคนบอกไว้ว่า ผู้หญิง...เมื่อได้แต่งงานมีชีวิตคู่ ก็เปรียบเสมือนกับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ เป็นชีวิตที่เติมเต็มมากขึ้น เพราะมีคนรักที่เลือกแล้วว่าจะเดินร่วมทางไปด้วยกัน
แต่ ความราบรื่นในการใช้ชีวิตคู่นั้น ก็ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกครอบครัว มีผู้หญิงจำนวนไม่น้อยที่แยกทางกับสามีด้วยเหตุผลที่แตกต่างหลากหลาย และยอมรับสภาพการเป็น "แม่เลี้ยงเดี่ยว" เพื่อนำชีวิตของตัวเองและลูกเดินหน้าต่อไป
ษา - วรรณษา ทองวิเศษ
ษา วรรณษา ทองวิเศษ ดารานักแสดงสาว เจ้าของตำแหน่งรองอันดับ 3 มิสไทยแลนด์เวิลด์ ปี 2540 ชื่อของเธอเคยเป็นที่รู้จักในวงการบันเทิงและโด่งดังอยู่ช่วงระยะเวลาหนึ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจแต่งงานกับร็อคเกอร์หนุ่มผมยาวชื่อดัง "เป้ ไฮร็อค" ซึ่งทั้งคู่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันท่ามกลางความสนใจของแฟน ๆ และความไม่เห็นด้วยของแม่ฝ่ายหญิง และเมื่อเวลาผ่านไปเพียงไม่ถึง 2 ปี ข่าวคราวการเลิกรากันของคนทั้งคู่ก็เป็นข่าวฮือฮาไม่แพ้ตอนที่ประกาศแต่งงาน กัน ทว่าในวันที่แยกทาง ครอบครัวนี้มีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งชีวิต คือลูกชาย น้องเซย์เดย์
"ตอนนั้นที่มีปัญหากัน คือษาอดทนที่สุดแล้ว แต่มันเหมือนตกบันไดหลายครั้ง แล้วก็ตกหลายขั้นด้วย เหมือนตกจากที่สูง จนสุดท้ายเราคิดว่าพอเถอะ สงสารลูก เพราะไม่อย่างนั้นเราคงจะทะเลาะกันจนลูกโต แล้วลูกก็ต้องมาเห็นอะไรแบบนี้ ษาว่ามันไม่ใช่"
แม้ชีวิตรักของ ษา วรรณษา จะล้มเหลวไม่เป็นดังฝัน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้หน้าที่แม่ของลูกวัย 4 ขวบของเธอล้มเหลวลงไปด้วย บ้านหลังใหม่ของเธอเต็มไปด้วยพลังแห่งรักและความอบอุ่นที่สามชีวิตมีให้แก่ กัน โดยแม่ของษา จะคอยช่วยดูแลหลานให้ ในยามที่ลูกสาวต้องเป็นเสาหลักของครอบครัว ออกไปทำงานนอกบ้าน ทำให้ษาจะมีเวลาอยู่กับลูกไม่มากนักในช่วงเช้าก่อนลูกไปโรงเรียน และเธอไปทำงาน ส่วนช่วงเย็นก็น้อยนักที่จะปลีกตัวจากงาน กลับมาได้ก่อนที่ลูกจะเข้านอน
"เวลาที่เราเหนื่อยแล้วกลับมานอนพักที่โซฟา คุณยายจะพูดกับน้องเซย์เดย์ว่า เห็นไหมคุณแม่เหนื่อย ไปหอมแก้คุณแม่หน่อย ไปกอดคุณแม่หน่อย เขาก็จะเข้ามาหอมเรา กอดเรา แค่นี้เอง ก็เหมือนพลังพิเศษที่ชาร์จพลังงานให้เราได้อย่างอัตโนมัติ แค่นึกถึงลูก ก็จะมีกำลังใจขึ้นมาเลย"
ษา - วรรณษา ทองวิเศษ
ทุกวันนี้หน้าที่แม่ของ ษา-วรรณษา ยังคงดำเนินต่อไปอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เธอเป็นทั้งแม่ และพ่อให้น้องเซย์เดย์ ทั้งยังสวมบทบาทเป็นเสาหลักของครอบครัว ด้วยการทำหน้าที่พิธีกรรายการต่าง ๆ และทำธุรกิจส่วนตัว เปิดร้านขายเสื้อผ้าและเครื่องสำอางควบคู่ไปด้วย ทำให้ชีวิตของสาวแกร่งคนนี้อาจจะต้องพบเจอกับความเหนื่อยยากหลายครั้งหลาย ครา
ไม่ต่างจาก แอน กัญญารัตน์ บ่อสันเที๊ยะ วัย 44 ปี อดีตภรรยาของอดีตพระเอกละครชื่อดัง ที่เมื่อครั้งหย่าร้างกัน เธอตัดสินใจหอบลูกชายหญิง 2 คน ออกมาอยู่ตามลำพังเมื่อเกือบ 20 ปีที่แล้ว มาวันนี้ลูก ๆ ของเธอเติบโตเป็นวัยรุ่น ขณะที่เธอก็กำลังเผชิญวิบากกรรมอีกระลอก จากอาการป่วยเป็นวัณโรคกระดูก และความเจ็บป่วยกำลังทำให้เธอและลูก ๆ เสียขวัญ
แอน - กัญญารัตน์ บ่อสันเที๊ยะ
"มันเพิ่งแสดงอาการเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี่เอง อาการเริ่มแรก แอนเป็นเส้นเอ็นอักเสบก่อน แต่มันไม่หายสักที ก็เลยไปเอ็กซเรย์ ก็กลายเป็นว่ากระดูกมันติดกันแล้ว การรักษาเราจะต้องผ่าตัดใส่ข้อสะโพกเทียม เพื่อให้เดินได้ ตอนนี้ก็มีลูกชาย ลูกสาว และน้องชาย คอยช่วยกันดูแล"
ด้วยความเป็นเสาหลักของบ้าน ทำให้ แอน กัญญารัตน์ มีความหวังอย่างแรงกล้าที่จะหายขาดจากโรค และกลับมาเดินให้ได้อีกครั้ง เพราะนอกจากลูกทั้ง 2 คนแล้ว เธอยังมีแม่ มีหลาน และน้องพิการทางสมอง 2 คน ที่อยู่ในความรับผิดชอบ
"ถ้าผ่าตัดแล้วไม่ได้ผลอย่างที่หมอบอก แอนต้องทำทุกทางให้กลับมาเดินให้ได้ เพราะถ้าเราเป็นอะไรขึ้นมาคนหนึ่ง ทุกคนในบ้านก็ต้องแย่ บางครั้งที่อยู่คนเดียว แค่คิดเราก็ร้องไห้แล้ว คิดไปว่าทำไม ฉันทำผิดอะไรถึงต้องเป็นอย่างนี้ ที่ผ่านมายังไม่พออีกเหรอ แต่ยังไงแอนก็จะไม่ยอมอยู่สภาพนี้แน่ ต้องกลับมาเดินให้ได้ค่ะ"
แอน - กัญญารัตน์ บ่อสันเที๊ยะ
ในขณะที่ผู้หญิงหลายคนหย่าขาดจากสามีด้วยเหตุผลของความไม่เข้ากันต่าง ๆ นานา แต่สำหรับ เจี๊ยบ-ชาญดา ลียะวณิช ภรรยาของนักร้องชื่อดัง อิทธิ พลางกูร เธอต้องแยกจากสามีอย่างไม่มีวันกลับ หลังการจากไปของนักร้องเจ้าของเพลง เก็บตะวัน เมื่อปี พ.ศ.2547 ด้วยโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ซึ่งแม้ว่าเบื้องหน้าเขาจะทิ้งผลงานที่หลายคนยังจดจำได้ดี แต่เบื้องก็ยังมีภาระหนี้สินที่ภรรยาและลูกต้องมารับช่วงต่อ ทำให้ความสะดวกสบายที่เคยมี สร้างภาวะกดดันและจำยอมให้ 4 ชีวิต ต้องลุกขึ้นสู้
"ทุกวันนี้พี่เจี๊ยบขายไก่ทอดค่ะ มีรายได้วันต่อวัน ขายมา 3 ปีแล้ว เริ่มเพราะเราต้องมีอาชีพ แล้วอาหารมันน่าจะขายง่าย สิบบาทยี่สิบบาทก็ขายได้ ก็ยอมรับว่าไม่เคยทำงานหนักขนาดนี้ แต่เราก็ต้องทำ"
เจี๊ยบ - ชาญดา ลียะวณิช
รายได้จากการขายไก่ทอดทำให้ เจี๊ยบ ชาญดา สามารถเลี้ยงลูกทั้ง 3 คนได้ก็จริงอยู่ แต่นั่นก็ไม่เพียงพอที่จะรักษาบ้านที่เคยอยู่กันพร้อมหน้า พวกเขาตัดสินใจละทิ้งบ้าน ที่เป็นเหมือนสมบัติชิ้นสุดท้ายที่เป็นเหมือนหนี้ก้อนโต เพื่อให้ชีวิตได้ดำเนินต่อไปอย่างไม่หนักหนาสาหัสจนเกินไปนัก คุณเจี๊ยบ ยอมรับว่า การขายบ้าน เป็นเรื่องที่ตัดสินใจยากที่สุดในชีวิต เพราะก่อนหน้านี้เธอพยายามจะรักษาไว้ตลอด แต่เมื่อถึงวันที่ทำไม่ได้แล้ว และคิดว่ามันคือสิ่งของ ตราบใดที่ยังไม่หมดลมหายใจ เธอจะต้องไม่หมดกำลังใจ
เจี๊ยบ - ชาญดา ลียะวณิช
"พี่บอกพี่อิทธิว่า เราไปอยู่บ้านใหม่กันนะ มันเป็นชีวิตใหม่ที่น่าจะดีกว่า ซึ่งลูก ๆ ก็เข้าใจดี หลายคนบอกว่าเราเก่ง แต่มันไม่ใช่หรอก มันต้องทำ มันเป็นภาวะจำยอม มันไม่มีความคิดว่าทำไม่ได้ คือถ้าใจเราไหว ทุกอย่างมันไหว มันเป็นเหมือนเป็นบททดสอบที่เราจะต้องสอบผ่านไปเรื่อย ๆ แล้วเราก็จะแกร่งขึ้นเอง"
ด้าน ผู้เป็นลูกสาว กล่าวถึงแม่ของเขาทั้งน้ำตา ว่า ... ถามว่าแม่ทำหน้าที่แทนพ่อได้ไหม มันไม่ได้ แต่คุณแม่ก็ทำเต็มที่แล้ว แม่เป็นทั้งแม่ ทั้งเพื่อน คุณแม่เขาเก่ง หนูว่าถ้าหนูเป็นแม่หนูคงฆ่าลูกตายไปแล้ว แต่ทำไมแม่ถึงเก่งได้ขนาดนี้…
จะ เห็นได้ว่า ชีวิตของแม่เลี้ยงเดี่ยวทั้ง 3 คน ต่างต้องเจอะเจอกับปัญหาจนอาจทำให้ชีวิตซวนเซ ท้อแท้ไปบ้าง แต่พวกเขาทั้งหมดก็สามารถหาวิธีจัดการกับปัญหานั้น และละทิ้งอดีตไว้ข้างหลัง เพื่อเดินหน้าต่อไป เพราะมีใครบางคนหรือหลายคนที่มีความสำคัญ ทำให้พวกเขาจำเป็นต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อกันและกัน
คนค้นฅน ด้วยสองมือแม่ ตอน 1
คนค้นฅน ด้วยสองมือแม่ ตอน 2
คนค้นฅน ด้วยสองมือแม่ ตอน 3
ขอขอบคุณข้อมูลจาก