คนที่ได้ชื่อว่าเป็น AGM กับ Teammanager อีก 2 คนตัดสิทธิในการรับลูกค้าทั้งหมด ของฉัน (โดยที่ไม่ได้บอกกับฉันด้วยตัวเอง) ส่วนสาเหตุที่เขาบอกกับพนักงานคนอื่นๆ คือ เขาบอกว่าฉันเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีกับพนักงานใหม่ๆ เพราะทำ ให้เด็กบางคนทานข้าวนานแบบฉัน บางคนซื้อขนมมาวางบนโต๊ะทำงานเยอะแบบฉัน บางคนเล่นมือถือในเวลางาน ที่ทุกคนมีพฤติกรรมแบบนี้ ทั้งสามคนลงความเห็นว่าเป็นเพราะฉันคนเดียว ( ส่วนเรื่องการมาสาย ฉันยอมรับและรับปากกับเขาว่าพร้อมปรับปรุง เพราะเป็นเรื่องจริง ) ดิฉันไม่รู้จะอธิบายยังไงค่ะ แบบอึ้งกับสาเหตุที่เขาบอกกับฉัน แต่เขาไม่เคยบอกฉันเลยว่านอกจากบอกให้ฉันทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีแล้ว เขาจะลงโทษฉันด้วย ซึ่งเขาประกาศเรื่องนี้กับทุกคนตั้งแต่วันที่ 5/11/2510ซึ่งเป็นวันหยุดของฉัน และตั้งแต่วันที่6-12 ฉันก็ไม่ได้รับลูกค้า และไม่มีตัวเลขเข้าบริษัทเลย เพราะแม้แต่ลูกค้าที่ฉันดึงมาจากหน้าร้านคนที่ได้ชื่อว่าเป็น AGM ก็มารับเองต่อหน้าต่อตารีเซฟชั่น ฉันอึดอัดมากเพราะตลอดระยะเวลา7วันนั้น คนที่ได้ชื่อว่าเป็น AGMเขาคุยกับฉันน้อยลง อย่าว่าแต่เรื่องส่วนตัวเลยแม้แต่ฉันถามเรื่องงานเธอยังไม่ตอบ จนตอนดึกวันที่ 10ที่ผ่านมา เธอได้กราดด่าพนักงานในเรื่องที่ไม่มีตัวเลข ซึ่งเป็นวันปิดยอด เธอบอกเจ้าหน้าที่แผนกอื่นว่าฉันเห็นแก่ตัว ไม่ทราบจริงๆค่ะว่าเรื่องอะไร (ตั้งแต่วัน อังคารที่9-11 พนักงานใหม่ทยอยลาออกทีละคนทุกวัน ) ในระยะ1สัปดาห์ที่ผ่านมา ฉันไม่อาจบรรยายได้หมด ว่าฉันโดนกระทำอย่างไรบ้าง และพนักงานคนอื่นๆ เจออะไรบ้าง ทุกคนบอกให้ฉันอดทนทำงานต่อ อย่าไปยุ่งกับเขา ให้ทำงานของเราไป แต่มันไม่ใช่แบบนั้น เพราะพวกเขาใช้อำนาจหน้าที่รังแกฉัน ฉันไม่ได้คิดมากไปแน่นอนค่ะ เพราะฉันมีพยานบุคคล และก่อนหน้านี้ก็มีอีกหลายคนที่โดนแบบฉัน และก็ลาออกไปในที่สุด ฉันแค่อยากให้ตัวเองเป็นรายสุดท้ายที่ประสบเหตุการณ์อย่างนี้ เพราะถ้าฉันเป็นคนที่แย่ขนาดนั้น คงไม่มีเพื่อนร่วมงานมาบอกให้ฉันทราบว่าพวกเขากำลังจะทำอะไรกับฉัน หรือแม้แต่คำพูดที่บอก"ถ้าใครไม่มีที่ไปก็รีบไปหาซะ เพราะกูอยากรู้ว่าคนที่มึงคิดว่าเก่งและพูดถึงกูลับหลัง กูจะดูว่าถ้ากูไม่ให้อะไรมึงเลยแล้วมึงจะขายได้มั้ย " สาบานได้ว่าทุกครั้งที่เขาโกรธเขาจะใช้คำพูดว่ามึงๆ กู ๆ และถ้าวันไหนไม่มีผลงานเขาจะตะโกนถามว่า บอกกูซิว่ากูจะเก็บพวกมึงไว้ทำเหี้ยอะไร"
มันยังไม่จบเพียงเท่านี้นะค่ะ เพราะตอนนี้เรื่องก็ยังไม่จบ นายฝรั่งให้ฉันรอท่านมาวันที่18 นี้ เพราะอยากทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพราะระยะเวลา2-3ปีที่ผ่านมา ปัญหาของบริษัทที่เจอแบบซ้ำซากคือ พนักงานออกบ่อยมาก เลวร้ายสุดมาวันเดียวออก ทุกคนคาดการณ์ว่าเหตุเกิดจากความเครียดของเนื้องาน แต่สำหรับฉันแล้ว มันไม่ใช่เลยเพราะที่นี้ ถือว่าเป็นบริษัทที่ทำเงินได้ดีมาก สวัสดิการมากมาย เงินพิเศษเยอะมาก แม้แต่ตัวฉันเองไม่เคยคิดจะลาออกจากที่นี้เลย หรือแม้บางครั้งโดนนายที่ผ่านๆมา กดดันเรื่องงานจนเป็นไมเกรน ฉันยังไม่คิดลาออกเลย แต่พอเจอการใช้อำนาจในหน้าที่กดดัน ยอมรับตามตรงฉันไม่อาจทนไหว ทุกครั้งที่โดนอะไรแรงๆ น้ำตาก็จะหลั่งมาเอง ฉันคิดได้แค่ว่าไม่อาจทนไหว เพราะต่อให้ฉันไม่ยุ่งกับพวกเขา ก็มักมีคำพูด การกระทำที่บั่นทอนความรู้สึกตลอด ฉันมั่นใจนะค่ะ หรือถามพนักงานคนอื่นๆได้เลย ว่าฉันได้ทำหน้าที่และรับผิดชอบในเนื้องานของฉันไม่มีบกพร่อง อาจขายไม่ได้บ้างติดกัน 2-3 วันรวมวันหยุด ( แต่ยังเจอลูกค้า ) แต่ก็ไม่เคยเลวร้ายเท่าครั้งนี้ สามารถตรวจสอบได้จากตัวเลขที่มีการรายงานในทุกๆวัน หรือถามพนักงานคนอื่นๆ ใครก็ได้ที่ไม่ใช่เขา 3 คน ตอนนี้ฉันก็ได้แค่อยู่รอที่บ้านจนถึงวันที่ 18 เพื่อรอพบนายฝรั่ง ทำการยื่นใบลาออกฉันไม่อาจมั่นใจที่จะยื่นให้พวกเขา เพราะในนั้นมีสาเหตุที่ฉันลาออก ฉันกลัวค่ะ ว่าพวกเขาจะให้เหตุผลในการลาออกของฉันเหมือนคนอื่นๆ ว่าที่ลาออกเพราะคิดว่างานนี้ไม่เหมาะสมกับตัวเอง หรือว่าทำตัวเลขไม่ได้จึงลาออก ตัวเลขฉันเริ่มแย่ตั้งแต่วันที่ 8-12 จริงๆแล้วน่าจะเป็นตั้งแต่วันที่6แล้วค่ะ แต่บังเอิญว่า 2วันนั้น ฉันมีลูกค้าที่ได้ตามมา ฉันถึงไม่รู้ตัวว่าตัวเองโดนตัดสิทธิการรับลูกค้าส่วนกลางมาตั้งแต่วันนั้นแล้ว
ขอโทษถ้าบางท่านอ่านแล้วไร้สาระ ฉันไม่ได้ต้องการอะไรค่ะ แค่อยากระบายบ้างมันอึดอัดมากเลยค่ะ พูดกับคนในออฟฟิส ไม่ได้เลย เพราะไว้ใจใครไม่ได้หรอก ฉันไม่รู้ต้องทำยังไง แต่ถ้านายจะให้ฉันกลับไปทำงานกับคนพวกนั้นฉันคิดว่าคงทำไม่ได้จริงๆค่ะ สุขภาพจิตเสื่อม และบริษัทก็ต้องรับสมัครพนักงานใหม่อย่างนี้เรื่อยๆ ต่อไปค่ะ
******* ล่าสุดเมื่อวานหลังจากที่ฉันก้าวเท้าออกมาจากออฟฟิส น้องหลายคนโทรมาเล่าให้ฟัง ว่าเขาเรียกประชุมพนักงานฝ่ายขายทุกคน บอกถึงการจากไปของดิฉัน ซึ่งสาเหตุที่เขาบอกคือ ฉันคิดมากไปทั้งๆที่ไม่มีใครทำอะไร คงเป็นการกระทำเลวๆที่ฉันทำไว้จนในที่สุดต้องแพ้ภัยตัวเอง และลาออกไป เขาบอกไม่เสียดายและไม่คิดจะเซฟฉันเลย เพราะอยู่ไปก็เหมือนลม อยู่ไม่อยู่ก็มีค่าเท่ากันเขากลัวแค่อย่างเดียวคือ กลัวฉันจะไม่คืนตังที่เขาค้ำประกันให้ฉันกู้มาออกเงินให้ลูกค้า แต่ถ้าฉันไม่คืน ก็ต้องคืนเพราะพวกเขาจะไปบอกเจ้าหนี้ให้ตามไปทำร้ายฉันถึงบ้าน ประเด็นไม่ได้โกรธที่พวกเขาพูดว่าไม่เสียดายที่ฉันออก แต่เสียใจที่เขาพูดว่ากลัวฉันหนีหนี้ ใจร้ายมากๆค่ะ ********