เพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 คืน ลอยกระทง ปี 2553 นี้ ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 21 พ.ย. ซึ่งล่าสุดความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวเนื่องกับเทศกาลลอยกระทงก็เริ่มคึกคัก ทั้งในแง่บวกกับการสืบสานเทศกาลประเพณีอันดีงาม และข้อกังวลในแง่ลบจากภัย-ปัญหาหลายๆ อย่างที่มักเกิดขึ้นเป็นประจำในเทศกาลนี้...
แต่ ลอยกระทง ในยุคอดีตมีอะไรๆ มากกว่ายุคนี้
มีบาง ความเชื่อ-พิธี ที่คนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ไม่รู้ ?!?
ทั้งนี้ ผู้สันทัดกรณีพิธีกรรมความเชื่ออันเกี่ยวโยงกับลอยกระทงรายหนึ่ง เล่าย้อนสะท้อนยุคอดีตว่า... ความสำคัญของวันเพ็ญเดือน 12 นั้น คนไทยส่วนใหญ่ย่อมทราบถึง ประเพณีลอยกระทง ที่มีมาแต่โบราณในสมัยสุโขทัย ที่มีพื้นฐานความเชื่อมาจากลัทธิพิธีกรรมของพราหมณ์ ผสานกับศรัทธาในศาสนาพุทธ จนเกิด ประเพณีชักโคม ขึ้นเสาริมแม่น้ำเพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุ พระจุฬามณีในชั้นดาวดึงส์
และ ประเพณีลอยโคม บูชารอยพระพุทธบาท มีตำนานกล่าวขานถึง นางนพมาศ พระสนม พระร่วง ซึ่งได้คิดทำกระทงรูปดอกบัว ถวายให้ลอยตามกระแสน้ำ จนเกิด ประเพณีลอยกระทงประทีป สืบต่อกันมา...
และ สิ่งที่สืบต่อกันมาอันเกี่ยวเนื่องกับประเพณีลอยกระทง ก็แตกแขนงเป็นหลายส่วน รวมถึงด้านพิธีกรรมความเชื่อ อย่างเช่น... พิธีอาบน้ำเพ็ญ ซึ่งเป็นความเชื่อในเรื่องการ ใช้น้ำเป็นสื่อกลางในการดูดพลังจากพระจันทร์ โดยการอาบน้ำตามสายน้ำต่างๆ หรืออาบในที่โล่งแจ้งจากภาชนะที่เตรียมใส่น้ำไว้
พิธีอาบน้ำเพ็ญนี้เชื่อกันมาแต่โบราณว่า เป็นการอาบน้ำชำระบาป สาปส่งสิ่งที่ไม่ดี และขจัดสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายให้หายไปจากจิตใจและร่างกาย เพื่อเป็นการสร้างเสริมบารมีและสิริมงคลแก่ชีวิต ถือเป็นพิธีที่ศักดิ์สิทธิ์ของตนเองและครอบครัว จะทำกันในคืนวันพระจันทร์เต็มดวงของวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 12
"ปีหนึ่งจะมีเพียงวันเดียวที่ทำพิธีนี้ ในอดีตจะทำ ณ แม่น้ำที่เชื่อว่ามีความบริสุทธิ์ดุจดั่งน้ำทิพย์ ที่เต็มไปด้วยพลังอำนาจแห่งดวงจันทรา ที่สร้างอหังการปาฏิหาริย์ให้แข็งกล้า จนบังเกิดความขยันหมั่นเพียร เรียนรู้สู้ทุกอย่าง สร้างความเจริญรุ่งเรือง หนุนนำเนื่องแก่ผู้กระทำอย่าง สูงสุด" ...ผู้ศึกษาเรื่องนี้ระบุ และบอกอีกว่า...
พิธีนี้ก็มีวัดถือปฏิบัติกันมา เป็นการทำเฉพาะบางแห่ง โดยประเพณีในการอาบน้ำเพ็ญจะใช้พิธีกรรมที่มีพระสงฆ์และฆราวาสมาร่วมพิธีกันที่ลานกลางแจ้ง เพื่ออาบน้ำในตอนเที่ยงคืน โดยน้ำที่ใช้อาบนั้นจะต้องมีพระสงฆ์สวดเจริญพระพุทธมนต์ บางแห่งก็จะมีสายสิญจน์โยงสู่ภาชนะที่เก็บน้ำต่อเนื่องไปยังผู้เข้าร่วมพิธีทุกคน เพื่อให้มนต์และคาถาแผ่เมตตาเชื่อมโยงไปให้บังเกิดแต่สิ่งที่ดี มีความสำเร็จ มีความสุข สุขภาพแข็งแรง
นี่ว่ากันถึงพิธีอาบน้ำเพ็ญที่คนไทยยังพอจะคุ้นๆ
และยังมีอีกพิธีที่บางคนอาจจะไม่คุ้นเลยก็ได้ ?!?
อาบแสงเพ็ญ คือชื่อเรียกของอีกหนึ่งพิธีกรรมความเชื่อที่มีในยุคอดีต ที่เกี่ยวข้องกับ ลอยกระทง ซึ่งผู้สันทัดกรณีคนเดิมบอกว่า... สำหรับพิธีอาบแสงเพ็ญ ซึ่งจะกระทำในคืนเพ็ญเต็มดวงเดือน 12 นั้น ไม่ค่อยจะเป็นที่แพร่หลายหรือปฏิบัติกันมากนัก ผู้ปฏิบัตินั้นส่วนใหญ่มักจะเป็นบุคคลที่ได้รับรู้มา หรือได้รับการสืบทอดวิชาประเภทศาสตร์ลี้ลับ ไม่เป็นที่เปิดเผยแก่บุคคลหรือสาธารณชนทั่วไป
การอาบแสงเพ็ญ จะนิยมทำกันในเวลาที่พระจันทร์เต็มดวงลอยเด่นเห็นประกายแสงจ้าสถิตอยู่บนฟากฟ้า ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นช่วงเวลาที่มีมนต์ขลัง โดยช่วงที่เต็มไปด้วย "พลังสูงสุด" คือช่วงเที่ยงคืนที่ "พระจันทร์อยู่ตรงหัวพอดี" ซึ่งในการอาบแสงเพ็ญนั้นจะทำได้หลายแบบ...
"ทั้งแบบที่มีเครื่องนุ่งห่มปิดบังร่างกาย หรือมีน้อยชิ้น หรือแบบที่ไม่มีเครื่องนุ่งห่มเลย ซึ่งการอาบแสงเพ็ญนั้นเชื่อกันว่าเป็นการดูดพลังจากพระจันทร์โดยไม่ต้องใช้น้ำสัมผัสกายเป็นสื่อกลาง"
นอกจากนี้ ผู้รู้ยังบอกต่อไปว่า... ยังมีเรื่องเล่าต่อๆ กันมาสำหรับผู้มีวิชาทางไสยเวทว่า ผู้หญิงที่ต้องการเพิ่มเสน่หายาใจแก่ตนเองให้อาบแสงเพ็ญตอนเที่ยงคืน จะมีมนต์เสน่หาเป็นที่รักใคร่เมตตาอย่างยิ่ง โดยเฉพาะจากเพศตรงข้าม อีกทั้งผู้มีวิชาถือคาถาอาคมจะอาบแสงเพ็ญเพื่อให้วิชาแกร่งกล้าสามารถอาจหาญมากขึ้น นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่าคนเจ็บป่วย นักเรียน นักศึกษา หมอดู หากได้อาบแสงเพ็ญในคืนเดือนเพ็ญจะทำให้โรคภัยไข้เจ็บดีขึ้น การเรียนดีขึ้น ความจำดีขึ้น การพยากรณ์จะถูกต้องแม่นยำมากขึ้น
ทั้งนี้และทั้งนั้น จากพิธีกรรม-ความเชื่อที่เกี่ยวข้องกับคืน ลอยกระทง นี้ หากพิจารณาถึงปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับพระจันทร์ในเชิงวิทยาศาสตร์ แรงดึงดูดของพระจันทร์ในช่วงข้างขึ้นจะมีผลต่อการขึ้น-ลงของสายน้ำทั่วโลก และยังมีผลต่ออารมณ์ ความรู้สึก จิตใจ ของมนุษย์ด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหนึ่งความเชื่อมงคล เกี่ยวกับการ "ตั้งจิตอธิษฐานในคืนเดือนเพ็ญ" เชื่อกันว่าหากตั้งจิตอธิษฐานในคืนเดือนเพ็ญบริเวณริมสายน้ำ "พลังจิตจะมีอำนาจแรงแข็งกล้า" เป็นอย่างยิ่ง...
ขอบคุณภาพประกอบ จากอินเทอร์เน็ต