แวมไพร์ กับ โรบิน ฮูด

 

แวมไพร์ กับ โรบิน ฮูด"

ปัญหาที่ว่าเรื่อง โรบิน ฮูด เป็นเรื่องจริงหรือไม่นั้น เห็นจะผ่านไปได้แล้ว เพราะทางการอังกฤษก็ยอมรับแล้วว่าโรบิน ฮูดมีตัวตนจริงๆ

และเหตุการณ์ตามที่เล่าขานสืบต่อกันมาชั่วลูกชั่วหลานนั้นก็จริงเกินร้อย มีหลักฐานทางวัตถุ มีบัญชีและใบเสร็จต่างๆปรากฏให้เห็นอยู่จนถึงปัจจุบัน

แต่เรื่องโรบิน ฮูด ยังไม่จบง่ายๆตามประสาคนดัง เมื่อหลายปีก่อน มีคนออกมาเถียงทางการว่า "เอลิซาเบธ เดอ สเตรนตัน" เจ้าของสำนักชีที่โรบิน ฮูดไปนอนป่วยอยู่และถูกกักตัวไว้ในสำนักชีหรือ "ไพออรี่" นำศพโรบิน ฮูดไปฝังไว้ในบริเวณไพออรี่ ตามคำสั่งเสียของผู้ตาย ส่วนสุสานริมทางหลวงสายเหนือนาม "เกรท นอร์ธ" ในบริเวณป่าเชอร์วูดนั้น แม่ชีเอลิซาเบธก็ไปสร้างไว้จริง ตามความประสงค์ของทางการ แต่ไม่มีศพโรบิน ฮูดบรรจุอยู่ ฝ่ายค้านเรื่องนี้มีหลักฐานมายืนยัน พาไปดูได้ว่าสำนักชีดังกล่าวยังมีอยู่ ตลอดจนหลุมฝังศพก็ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนในบริเวณนั้น และที่ดินดังกล่าวต่อมาตกเป็นสมบัติของ "เซอร์ แซมมวล อาร์มิเทจ" หลักฐานสำคัญก็คือ มีศิลาสลักชื่อของโรบิน ฮูดปรากฏอยู่ที่ดินแปลงนี้มีชื่อว่า "เคิร์กลี่ส์ ฮอลล์ เอสเตท" อยู่ในมณฑลยอร์คเชียร์ ทั้งท่านเซอร์เจ้าของเดิมและเลดี้อาร์มิเทจเจ้าของในปัจจุบัน ต่างก็หวงแหนสำนักชีโบราณและหลุมศพโรบิน ฮูดมาก ไม่ยอมให้ใครเข้าไปชมง่ายๆทำให้สุสานของโรบิน ฮูดและสำนักชีเอลิซาเบธ ยังยืนยงหลงเหลือให้เราได้เห็นในปัจจุบัน แต่ถึงให้เข้าไปเดินเล่นหรือชมสถานที่ง่ายๆ ก็ไม่ค่อยมีใครอยากเข้าไปหรอก เพราะบริเวณนั้นนอกจากเปลี่ยวและเป็นป่ารกร้างแล้วก็ยังมีเสียงร่ำลือกันว่าผีดุมาก ไม่ใช่ผีธรรมดาเสียด้วยแต่เขาว่ากันว่าเป็นผีดูดเลือดแวมไพร์...

มีผู้กล้าเคยบุกเข้าไปโดยเจ้าของไม่รู้ เพราะไม่ได้ไปขออนุญาต ได้พบซากสัตว์ที่ถูกตัดขา ตัดหัวเพื่อดื่มเลือดอยู่ใกล้บริเวณนั้น ชาวบ้านแถวนั้นก็เล่าไปขนลุกไปว่าสัตว์ต่างๆในหมู่บ้านเสียชีวิตเพราะการถูกกรีด ถูกตัดตามร่างกายเพื่อดูดเลือดเป็นประจำ เลยพานเชื่อกันว่า บริเวณนั้นมีผีดูดเลือดแวมไพร์อาศัยอยู่ และเชื่อว่าผีดูดเลือดนั้นไม่ใช่โรบิน ฮูด แต่กลายเป็นว่าแม่ชีเอลิซาเบธ เจ้าสำนักชีและเรดโรเจอร์แห่ง ดอนคาสเตอร์ ชู้รัก เป็นแวมไพร์ตัวจริงไป นักแวมไพร์วิทยาทั้งหลายต่างก็เชื่อตามชาวบ้านโดยให้เหตุผลว่า เอลิซาเบธกับชู้รักน่าจะเป็นแวมไพร์จริงๆตามคำเล่าลือ ตามที่บันทึกเรื่องราวไว้ว่า โรบิน ฮูดเสียชีวิตเพราะถูกกรีดให้เลือดไหลออกจากร่าง น่าจะเป็นถูกเอลิซาเบธและโรเจอร์ชู้รัก ดูดเลือดดื่มกินจนหมดตัวมากกว่า เพราะสถานที่ที่โรบิน ฮูดล้มลงขาดใจตายก็อยู่บริเวณประตูทางเข้าสำนักชีนั่นเอง และบริเวณประตูทางเข้ายังปรากฏเครื่องหมายตามลัทธิแวมไพร์สลักอยู่ ยังมีร่องรอยให้เห็นอยู่ในปัจจุบัน ยิ่งกว่านั้นยังมีการสงสัยเลยเถิดไปถึงว่า เลดี้อาร์มิเทจ ก็เป็นแวมไพร์ด้วย เพราะหวงนักหวงหนาไม่ค่อยยอมให้ใครเข้าใกล้โบราณสถานแห่งนี้ สำนักวิจัยเรื่องแวมไพร์(VRS) ซึ่งตั้งอยู่ที่ไฮท์เกต ในลอนดอนได้จับงานเรื่องนี้อย่างจริงจังโดยให้ บาร์บาร่า กรีน ประธานสำนักเป็นเจ้าของเรื่องโดยตรง

กรีนได้จัดพิธีสวดมนต์เรียกวิญญาณขึ้นกลางดึกในบริเวณสุสานโรบิน ฮูด และสำนักชีร้าง หลังจากที่ทำพิธีกันได้ไม่นาน เธอก็ได้พบผีของโรบิน ฮูด ที่ปรากฏร่างขึ้น นอกจากนั้นวิญญาณของเอลิซาเบธและเรดโรเจอร์ก็ปรากฏให้เห็นในคราวเดียวกันด้วย เธอได้สั่งให้มีการสเกตช์ภาพไว้เป็นหลักฐานด้วย ต่อมามีรายงานว่า อีเวลลีน เฟรน จิตแพทย์ ที่ค้นคว้าเรื่องนี้ ได้เข้ามาในบริเวณสุสาน และเกิดความรู้สึกว่ามีคลื่นความสั่นไหวของดวงวิญญาณปรากฏทั่วบริเวณนั้น โรเจอร์ วิลเลียมแห่งแบรดลี่ย์ ซึ่งอาศัยอยู่ไม่ไกลจากเคิร์กลี่นัก รายงานว่า เคยพบผีของเอลิซาเบธและได้สเกตช์รูปร่างหน้าตาไว้ด้วย รูธเวน เกลนนาร์วอน นักเขียนประจำวารสารของสำนักวิจัยแวมไพร์รายงานว่า เคยไปสำรวจที่สุสานโรบิน ฮูด และพบเห็นรูประหลาดขนาดนิ้วมือลอดได้ ปรากฏอยู่บนพื้นดินเหนือหลุมศพเต็มไปหมด ร่องรูเหล่านี้เชื่อกันต่อๆมาว่าเป็นช่องให้วิญญาณที่มีลักษณะเป็นหมอกควันลอยออกมาจากหลุมศมได้ กรีนรายงานว่า กรณีที่น่าเชื่อถือที่สุดก็คือ การพิสูจน์ทราบของบิชอร์ป ซีน แมนเชสเตอร์ เพราะบุคคลระดับนี้ไม่น่าจะนำเรื่องยกเมฆ ประเภทมั่งนิ่มออกมาเผยแพร่ให้ผู้คนเสื่อมศรัทธา และท่านบิชอร์ป แม้จะเป็นนักล่าแวมไพร์ตัวยงก็ยังไม่เคยรายงานเรื่องใดๆได้ละเอียดชัดเจนเท่าครั้งนี้ บิชอร์ป แมนเชสเตอร์รายงานว่าในวันที่ 22 เมษายน ปี 1990 ท่านและผู้ช่วย 2 คนได้ขับรถเข้าไปในที่ดินแปลงนี้ได้ในคืนอันเปล่าเปลี่ยว เมื่อถึงบริเวณสุสานโรบิน ฮูดจึงได้จอดรถไว้ในทุ่งโล่ง และเดินเท้าบุกป่าเข้าไปในบริเวณสุสาน ท่านบิชอร์ปเล่าว่า เมื่อย่างเหยียบเข้าสู่ราวป่า ผู้ช่วยคนหนึ่งซึ่งเคยผจญผีด้วยกันมานับครั้งไม่ถ้วน ถอดใจเอาดื้อๆ โดยบอกกับท่านบิชอร์ปว่า ขอถอยเถอะเพราะไม่รู้ว่ามีอำนาจลึกลับอะไรมาก่อกวนทั้งกายและใจจนสุดจะทนทานได้ ท่านบิชอร์ปจึงได้อนุญาตให้กลับมานั่งรออยู่ที่รถ จุดแรกที่ท่านบิชอร์ปพาผู้ช่วยเข้าไปก็คือ ประตูเข้าสำนักชีร้าง เพื่อตรวจดูร่องรอยจุดที่โรบิน ฮูด เลือดหมดตัวล้มคว่ำขาดใจตาย เมื่อไปถึงก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ท่านบิชอร์ปจึงเดินทางต่อไปถึงสุสาน ซึ้งปกคลุมด้วยเถาไม้เลื้อยและเถาองุ่นรกครึ้มน่าสะพรึงกลัว ไม่ไกลออกไปตรงชายทุ่ง ท่านบิชอร์ปพบว่ามีซากแพะตัวหนึ่งนอนตายลักษณะเลือดหมดตัว เพื่อความปลอดภัย ท่านบิชอร์ปได้สั่งให้ลูกมือคนที่เหลือ นำเอาอุปกรณ์ในการปราบผีออกมาจากเป้ อันประกอบด้วยน้ำมนต์ กระเทียม และเทียนออกมา บิชอร์ปรายงานว่า หลังจากนั่งกันเงียบๆเป็นเวลากว่า 3 ชั่วโมง ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนแทบจะหมดความอดทนแล้วแต่ในที่สุดก็ได้ยินเสียงแผ่วๆดังขึ้น โดยไม่รู้ว่าเสียงนั้นลอยมาจากไหนในท่ามกลางบรรยากาศอันมืดมิดยอมค่ำคืน บางครั้งก็ฟังคล้ายๆเสียงสายลมพัดต้องยอดไม้ ต่อมาเสียงนั้นก็ดังขึ้นเรื่อยๆ ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ต้นกำเนิดเสียงใกล้เข้ามาๆ จนในที่สุดก็จับสำเนียงได้ว่า เป็นเสียงคนกำลังร่ำไห้สะอึกสะอื้น บางครั้งก็ดังใกล้ๆบางครั้งเสียงก็ห่างออกไป ท่านบาทหลวงจึงจุดเทียน 5 เล่มบนเชิงเทียนทันที แล้วถือเชิงเทียนตรงไปยังต้นเสียงแล้วสั่งเสียงดังว่า "จงปรากฏกายต่อหน้าแสงไฟ" สิ้นเสียงสั่ง เสียงร่ำไห้ก็ขาดหายไปทันทีแล้วก็มีเสียงคนร้องตามมา เป็นเสียงลูกมือของท่านบิชอร์ปที่รออยู่ในรถนั่นเอง กำลังร้องโวยวายด้วยความตกใจสุดขีด เมื่อท่านเดินกลับไปที่รถก็พบว่าลูกมือคนนั้น เลือดโทรมมือและใบหน้า เขาละล่ำละลักบอกว่าเห็นผู้หญิงผิวคล้ำๆอยู่ข้างรถ ท่าทางเยียบเย็น แล้วต่อมาผิวของเธอก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำขึ้นและจ้องตาโปนๆเขม็งมาที่เขา ลูกมือคนนั้นยืนยันว่า ผู้หญิงที่เห็นเป็นคนที่มีชีวิตจิตใจจริงๆ หลังจากนั้นท่านบิชอร์ปและคณะไม่ได้พบเหตุการณ์อะไรอีก จึงเทน้ำมนต์ลงไปตามร่องรูที่ปรากฏอยู่เหนือหลุมศพทุกรูและปลูกกระเทียมที่ผีดิบกลัวไว้บนหลุมศพ

บิชอร์ป ซีน แมนเชสเตอร์ กล่าวว่า เหตุการณ์คืนนั้น เป็นการปรากฏกายของผีดิบแวมไพร์อย่างแท้จริง บาร์บาร่า กรีน ประธานสมาคมวิจัยแวมไพร์ สรุปว่า ที่วิญญาณบนหลุมศพโรบิน ฮูด ร้องไห้คร่ำครวญเพื่อแสดงให้รู้ว่าถูกฆาตกรรมและถูกฝังอย่างไร้ศักดิ์ศรีในสำนักแม่ชีร้าง และต้องการให้นำสังขารที่หลงเหลืออยู่ไปฝังในสุสานที่สมเกียรติและสง่าผ่าเผยกว่านี้......

"เรื่องราวมันจะจริงเท็จแค่ไหน ท่านผู้อ่านที่น่ารัก โปรดใช้วิจารณญาณตัดสินเองก็แล้วกันนะคะ"

    

 

คำค้น : ความเห็น 0 | ผู้เข้าชม 328
 
Credit: หรรษาด็อดคอม
8 พ.ย. 53 เวลา 05:17 3,108 2 14
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...