โฉมเอย โฉมงาม ที่ถูก(โลก)ลืม

 

โฉมเอย โฉมงาม ที่ถูกลืม โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 29 ตุลาคม 2553 21:28 น.
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น










“โฉมเอย โฉมงาม อร่ามแท้แลตะลึง ได้เจอครั้งหนึ่ง เสน่ห์ซึ้งตรึงใจ” เมื่อได้ยินเพลง "นางฟ้าจำแลง" หลายคนคงจะนึกถึงเวทีการประกวดนางสาวไทย ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในยุคแรกๆ เป็นเวทีประกวดนางงามที่มีเสน่ห์ และสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย อีกทั้งยังมีสาวงามจากเวทีแห่งนี้ได้รับตำแหน่งนางงามจักรวาล ถึง 2 คน คือ อาภัสรา หงสกุล และ ภรณ์ทิพย์ นาคหิรัญกนก 
       
       แต่ในยุคปัจจุบันเวทีนางสาวไทยกลับไม่เป็นที่รู้จักเท่าไหร่ เชื่อว่าถ้าถามคนทั่วไปที่ไม่ได้ติดตามข่าวนางงามก็คงไม่รู้จักชื่อของนางสาวไทยคนที่ 46 กิ๊ฟ-กฤชภร หอมบุญญาศักดิ์ มากนัก เป็นที่น่าเสียดายประวัติอันทรงคุณค่าที่มีมายาวนาน ซึ่งทุกวันนี้กลายเป็นเวทีการประกวดนางงามที่ไร้เสน่ห์ และไม่ค่อยมีคนติดตาม 
       
       ในปัจจุบันนี้คงต้องยอมรับว่ามีการประกวดนางงามหลายเวที จนบางคนยังจำสับสนว่าการประกวดนางงามเวทีไหนอยู่ช่องไหน ไม่ว่าจะเป็น มิสไทยแลนด์ หรือนางสาวไทย (ช่อง9), มิสไทยแลนด์เวิลล์ (ช่อง3) และมิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส (ช่อง7) แถมยังมีเวทีนางงามรุ่นเล็กอย่างมิสทีนไทยแลนด์ (ช่อง7) ก็ยังเป็นที่สนใจมากกว่า สำหรับสาเหตุที่ทำให้นางสาวไทยไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากเท่ากับนางงามเวทีอื่น คงเป็นเพราะนางสาวไทยตั้งแต่ปี 2543 (ช่องไอทีวี รับช่วงต่อในการถ่ายทอด) โดยมี บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี เป็นนางสาวไทยของปีนั้นและไม่ได้สิทธิ์ไปประกวดนางงามจักรวาล แต่ทำหน้าที่ทูตวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวภายในประเทศไทยเท่านั้น และแนวคิดหลักของเวทีนางสาวไทยคือเน้นนางงามที่ทำงานเพื่อสังคม ไม่เน้นเป็นดารา จึงทำให้ไม่ค่อยมีคนติดตาม และไม่เป็นที่รู้จักมากนัก
       
       M-Lite ได้มีโอกาสนัดคุยกับนางสาวไทยคนล่าสุด กิ๊ฟ-กฤชภร หอมบุญญาศักดิ์ ซึ่งเธอเป็นนางสาวไทยที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตั้งแต่วันแรกที่ภาพของเธอออกสู่สายตาประชาชนว่า เป็นนางงามที่ไม่สวย ยิ้มดูไม่เป็นธรรมชาติ ไม่สมกับเป็นนางสาวไทย แถมเธอยังถูกเปรียบเทียบกับ โอปอ- วรรัตน์ นิยมเดช (รองอันดับ 1) ในเรื่องของปฏิภาณไหวพริบที่โดดเด่นกว่าอย่างเห็นได้ชัด บางคนถึงกับมองว่าเธอใช้เส้นสายในการเข้าประกวด อีกทั้งยังมีข้อสงสัยว่าเวทีแห่งนี้ใช้เกณฑ์อะไรในการตัดสินถึงได้นางสาวไทยที่ชนะใจกรรมการแต่ไม่ชนะใจคนดูทั้งประเทศ
       
       แม้ว่าช่วงนี้เธอจะเหนื่อยกับการเดินสายปฏิบัติหน้าที่ถึง 2 ตำแหน่งคือ “ทูตวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว” และ “ทูตทางการค้า” แต่เธอก็มีเวลาให้เราได้มีโอกาสพูดคุย และทำความรู้จักกับตัวตนของเธอมากขึ้น 
       
       เธออาจจะเป็นนางงามที่ถูกมองว่าไม่สวย แต่ด้วยบุคลิก กิริยามารยาทของเธอที่แสดงออกถึงความเป็นไทยอย่างเด่นชัด และมุมมองความคิดที่มีจิตเอื้อเฟื้อต่อสังคม บวกกับภาพลักษณ์ภายนอกที่ได้รับการดูแลอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นผิวพรรณที่ขาวเนียนละเอียด และรูปร่างสวยสมส่วน เหล่านี้ก็เป็นเสน่ห์ซึ่งทำให้คนที่พบเห็นประทับใจได้ไม่ยาก
       
       สาวนิเทศฯ รักการแสดง
       
       ปัจจุบันกิ๊ฟกำลังศึกษาปริญญาตรี อยู่ชั้นปีที่ 2 คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เธอเป็นสาวนิเทศฯ ที่รักการทำกิจกรรมโดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงละครเวที เธอได้แสดงละครเวทีครั้งแรกในละครโรงเล็กของคณะนิเทศฯ หลังจากนั้นก็ทำให้เธอหลงรักการแสดงละครเวทีมาตลอด
       
       “เรื่องแรกที่กิ๊ฟแสดงเป็นละครโรงเล็กของคณะนิเทศฯ ได้แสดงเป็นพนักงานในร้านค้า เป็นบทเด่นเหมือนกัน เป็นตัวดำเนินเรื่อง นอกจากนั้นก็มีแสดง MV ของรุ่นพี่ที่คณะ มีหนังสั้น กิ๊ฟรู้สึกว่าการแสดงละคร มันมีเสน่ห์ น่าสนใจ ต้องใช้เทคนิคหลายอย่าง ได้แสดงบทบาทหลากหลาย ที่ผ่านมากิ๊ฟชอบทุกบท เพราะแต่ละบทมีเสน่ห์ไม่เหมือนกัน มีจุดยากไม่เหมือนกัน ทำให้เรารู้สึกว่าแต่ละเวทีมีความท้าทาย
       
       ความสนุกของการแสดงละครเวทีอยู่ที่การได้ส่งต่อบทกับคนอื่น การใช้เสียง ต้องทำอะไรด้วยตัวเองหลายๆ อย่าง มันจะไม่มีอุปกรณ์ช่วยเหมือนการแสดงละครในโทรทัศน์ กิ๊ฟจะมีไอดอลในการแสดงคือ “พี่นก สินจัย” ชอบบทบาทที่เขาแสดงทั้งละครเวที และละครในโทรทัศน์ ไม่ว่าจะได้รับบทไหน เขาเอาบุคลิกของตัวเองมาแฝงไว้ในการแสดงละคร ไม่ว่าจะฟังเสียงหรือดูอวัจนภาษา ก็รู้ได้เลยว่านี่แหล่ะคือนก สินจัย 
       
       แรงบันดาลใจในการแสดงละครเวทีของกิ๊ฟมาจาก "คุณบอย-ถกลเกียรติ" ละครเวทีที่เขาจัดแต่ละเรื่อง เขาพยายามสร้างให้ดึงดูดใจ สร้างให้เข้าถึงผู้ชม กิ๊ฟก็มีความฝันว่าอยากจะมีส่วนร่วมในการแสดงละครเวทีของเขาด้วย“
       
       อนาคตอยากทำธุรกิจส่วนตัว
       
       ความฝันของเธอคืออยากทำธุรกิจเป็นของตัวเอง และอยากลองทำงานในสาขาที่ตนได้ร่ำเรียนมา เพราะเธอเป็นคนที่เปิดโอกาสให้ตัวเองได้ลองทำอะไรหลายๆ อย่าง และอยากพิสูจน์ตัวเองว่ามีศักยภาพในการทำอะไร ได้ขนาดไหน
       
       “ที่เลือกเรียนคณะนิเทศฯ เพราะกิ๊ฟสนใจสนใจเรื่องการตลาด และก็อยากเรียนการละครด้วย อยากทำทั้ง 2 อย่างพร้อมๆ กัน ตอนนี้เพิ่งเรียนอยู่ปี 2 ยังเรียนวิชาพื้นฐานอยู่ เท่าที่ได้เรียนมาก็รู้สึกแฮปปี้ค่ะ เพราะว่าเรียนสนุก และตรงกับสาขาที่เราชอบด้วย ในอนาคตถ้าเรียนจบก็อยากลองทำงานเป็น AE (Account Executive) เกี่ยวกับด้านโฆษณา อยากลองทำงานในหลายๆ ด้าน เป็นการเปิดโอกาสให้ตัวเอง” 
       
       สำหรับธุรกิจในอนาคตที่เธอฝันอยากจะทำกับครอบครัวก็คือ “ธุรกิจโรงแรม” ซึ่งความฝันนี้คงไม่ไกลนัก ด้วยความขยันทำงาน และความตั้งใจจริงของเธอ บวกกับแรงสนับสนุนของครอบครัว
       
       “กิ๊ฟอยากเปิดโรงแรมเป็นธุรกิจของครอบครัว ช่วงนี้ก็ทำงานเก็บเงินไปก่อนเป็นต้นทุน อยากให้คุณพ่อคุณแม่เข้ามาช่วยดูแลด้วย กิ๊ฟคิดไว้ว่าถ้าจะทำโรงแรมเป็นสไตล์แบบไทยๆ อาจจะมีอีกที่หนึ่งเป็นสไตล์บูติค ส่วนสถานที่ก็อยากจะเปิดที่เชียงใหม่ และอีกที่ที่กรุงเทพฯ ด้วย ถ้าเป็นที่เชียงใหม่ก็จะเป็นสไตล์ล้านนา ถ้าเป็นที่กรุงเทพฯ ก็จะเป็นสไตล์ไทยๆ ไปเลย ความคิดนี้ก็เคยได้คุยกับคุณพ่อคุณแม่แล้ว ท่านก็บอกว่าให้ตั้งใจทำงานเก็บเงินดีๆ แล้วกัน”
       
       ในฐานะที่เป็นนางสาวไทย ถ้ามีโอกาสเธอก็อยากทำอะไรเพื่อเป็นการทำ สิ่งดีๆ กลับคืนสังคม โดยอยากตั้งมูลนิธิเป็นของตัวเอง ซึ่งเวลานี้กิ๊ฟก็พยายามรวบรวมข้อมูล อยากรู้ถึงปัญหาว่าเวลานี้สังคมไทย กำลังเดือดร้อนกับปัญหาใด และปัญหาเรื่องใดที่ควรได้รับการแก้ไขก่อน 
       
       ตัวตนเป็นสาวสันโดษ
       
       มองภายนอกกิ๊ฟดูเป็นสาวเรียบร้อย พูดจาอ่อนหวาน ถ้าใครไม่รู้จักคงยากที่จะรู้ว่าตัวตนของเธอเป็นคนยังไง เธอบอกกับเราว่าตัวตนของเธอจริงๆ เป็นคนสันโดษ ชอบทำอะไรคนเดียว และชอบความเงียบ 
       
       “ปกติกิ๊ฟเป็นคนไม่ค่อยพูด เป็นคนนิ่งๆ แต่จะชอบสังเกตมากกว่า เวลาทำงานกิ๊ฟสามารถลุยงานได้ทุกแบบ ไม่เกี่ยงงาน ผู้หญิงทั่วไปอาจจะยกของหนักไม่ได้ แต่กิ๊ฟยกโต๊ะ ยกอะไร ทำได้หมด บางคนบอกเป็นนางงามไม่ต้องทำอะไร กิ๊ฟก็จะบอกว่าเป็นนางงามก็ยกเก้าอี้ได้ มงกุฎไม่ได้มาตัดแรงเรา มาตัดแขนตัดขาเรา อยากให้ช่วยอะไร ให้ทำอะไรก็ทำได้หมด”
       
       เวลาว่างจะไปปฏิบัติธรรมเป็นประจำอาทิตย์ละครั้ง โดยเฉพาะช่วงสอบจะไปบ่อยเป็นพิเศษ เพราะเป็นช่วงที่ต้องใช้สติ และสมาธิมาก 
       
       “กิ๊ฟจะมีหนังสือธรรมะที่ติดตัวตลอด “หนังสือมงคล 38” จะหยิบอ่านเป็นประจำ เพราะว่าเป็นหัวใจหลักของพุทธศาสนาคือสอนให้ทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำให้เรามองสิ่งต่างๆ ที่เข้ามาเป็นสัจธรรม มันเข้ามาแล้วมันก็จะหายไป ขออย่างหนึ่งคือเราต้องใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท ก็จะทำให้สิ่งที่ไม่ดีเข้ามาน้อย ถ้ามีเรื่องอะไรที่หนักๆ เข้ามาในชีวิต กิ๊ฟจะพูดกับตัวเองว่าหนักกว่านี้เราก็ทำได้นะ เดี๋ยวมันก็จะผ่านไป ขอแค่เราทำตามหน้าที่ ทำให้ดีที่สุด”
       
       นอกจากนั้นเธอยังชอบอ่านหนังสือของพระมหาสมปอง เพราะมีเนื้อหาเป็นธรรมะที่อ่านสนุก เข้าใจง่าย และหนังสือของท่าน ว. วชิรเมธี ก็เป็นธรรมที่ลึกซึ้ง แถมยังชอบดูรายการสนทนาธรรมะ เรียกได้ว่าเป็นสาวธรรมะตัวจริง เธอมองว่าทั้งการอ่าน การดู และการปฏิบัติ ทั้ง 3 ส่วนมีความสำคัญเท่าๆ กัน ควรเลือกให้เหมาะกับเวลา และโอกาสของแต่ละครนก็จะได้ประโยชน์จากธรรมะอย่างแท้จริง หลังจากได้รับตำแหน่งนางสาวไทย เธอบอกว่าได้กล่าวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไว้ว่าก่อนเข้าประกวดว่าถ้าได้รับตำแหน่งก็จะทำบุญด้วยการปฏิบัติธรรม ที่ราชทรัพย์เทวสถาน อ.สันทราย จ.เชียงใหม่ 
       
       มองความรักสำคัญที่เข้าใจ
       
       สำหรับมุมมองความรักของสาวงามที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมอย่างเธอ มองว่าความรักเป็นเรื่องของคนสองคนที่ต้องอาศัยพื้นฐานคือความเข้าใจ ถึงจะทำให้ความรักนั้นอยู่ได้นานที่สุด แต่เรื่องหัวใจเธอบอกกับเราว่ายังโสด ส่วนใหญ่ผู้ชายที่เข้าก็มีแต่เพื่อนทั้งนั้น ด้วยความที่เธอเป็นคนเงียบๆ ด้วย ใครที่จะเข้ามาก็ต้องเข้ามาทำความรู้จักกับตัวตนของเธอซะก่อน
       
       “ไม่ได้มองผู้ชายที่รูปร่างหน้าตา แต่มองที่นิสัยเขามากกว่า ว่าเข้ากับเราได้หรือเปล่า ต้องเข้าใจความเป็นตัวตนของกิ๊ฟ กิ๊ฟเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูด ถ้าจะคบใครก็ต้องทำความรู้จักกันให้ดีก่อน ที่สำคัญที่สุดต้องเข้ากับครอบครัวกิ๊ฟได้ ไม่ชอบผู้ชายสูบบุหรี่ กินเหล้า เพราะกิ๊ฟแพ้บุหรี่ ไม่ชอบคนเจ้าชู้ ไม่ชอบคนที่นิสัยชอบเอาเปรียบคนอื่น”
       
       คิดว่าตัวเองไม่สวย
       
       เมื่อพูดถึงรูปลักษณ์ภายนอก เธอบอกกับเราคนสวยไม่ได้วัดกันที่รูปร่างหน้าตาอย่างเดียว ที่หน้าตาสวย แต่พูดจาไม่เพราะ บุคลิกไม่ดี ก็ดูไม่สวยอยู่ดี และมองตัวเองว่าไม่ใช่คนสวย แต่เป็นคนที่มีความงามมาจากภายในมากกว่า
       
       “กิ๊ฟไม่คิดว่าตัวเองเป็นคนที่สวยค่ะ การที่ได้เป็นนางสาวไทย กิ๊ฟคิดว่าเป็นเพราะความเป็นตัวของตัวเองมากกว่า ที่ทำให้เขาเลือกกิ๊ฟมา กิ๊ฟพอใจอย่างนี้อยู่แล้ว เรายอมรับว่าเราได้มาแค่ไหนก็แค่นั้น รูปร่างหน้าตาไม่ใช่ส่วนเดียวที่จะตัดสินว่า คนนี้เป็นนางสาวไทยได้ คนนี้สวย” 
       
       ส่วนเรื่องการเตรียมตัวเสริมสวยก่อนเข้าประกวดนั้น เธอบอกว่าเป็นคนที่ดูแลตัวเองดีมาตลอดอยู่แล้ว จึงทำให้ไม่ต้องทำอะไรมากเป็นพิเศษ จะมีก็แต่เรื่องหาข้อมูล อ่านข่าวมากขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการตอบคำถาม
       
       “เรื่องรูปร่าง ผิวพรรณ ปกติกิ๊ฟเป็นคนดูแลตัวเองเป็นประจำอยู่แล้ว ขัดผิวอาทิตย์ละครั้ง กินผักผลไม้ทุกวัน ออกกำลังกายเป็นประจำ ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ก็จะเตรียมตัวโดยการดูข่าวให้เยอะขึ้น ดูเหตุการณ์สังคมที่เกิดขึ้น หาข้อมูลเยอะๆ เพราะการที่จะมาเป็นนางสาวไทยได้ นอกจากจะรู้เรื่องภายในประเทศของเรา วัฒนธรรมของเรา ก็ต้องรู้เรื่องเหตุการณ์ใหม่ๆ ที่เข้ามาด้วย ต้องรู้รอบด้านจริงๆ” 
       
       “นางงาม” ความฝันของคุณแม่
       
       เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม “ครอบครัวหอมบุญญาศักดิ์” จึงตัดสินส่งลูกสาวประกวดนางสาวไทย เพราะเห็นว่าลูกสาวมีคุณสมบัติพร้อม บวกกับคุณแม่มีความใฝ่ฝันว่าอยากให้ลูกเป็นนางสาวไทย
       
       “สมัยคุณแม่เป็นสาวเคยเข้าไปประกวดนางงาม แต่ว่าไม่ผ่าน เพราะตัวเล็กไป ก็เลยมีความฝันว่าอยากให้ลูกเป็นนางสาวไทย คุณแม่ชอบคนที่มีบุคลิกภาพดี ชอบคนที่มีมารยาท มีกาลเทศะ มองว่าเป็นคนที่มีเสน่ห์ ก็อยากให้ลูกได้ในส่วนนี้ ส่วนคุณพ่อจะสอนให้กิ๊ฟเป็นกุลสตรีที่ดี ปลูกฝังวัฒนธรรม และบ่มเพาะความดี
       
       ตอนแรกกิ๊ฟก็รู้สึกว่าคนที่เป็นนางงามดูเป็นคนที่มีวุฒิภาวะมาก แต่สำหรับกิ๊ฟ เพิ่งอายุ 20 ปี อาจจะบรรลุนิติภาวะแล้ว แต่กิ๊ฟว่าความเป็นเด็กก็มีอยู่ แต่ที่ตัดสินประกวดเพราะกิ๊ฟอยากจะเรียนรู้หลายๆ ด้าน ตัวกิ๊ฟเองคิดว่าถ้าเราทำให้ดีที่สุด ตั้งสติก่อนทำอะไร แล้วอะไรที่เราหวังก็จะตามมาเอง ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร อย่าไปเสียใจ อย่าไปท้อแท้”
       
       โดนเปรียบเทียบกับรองอันดับ 1
       
       กิ๊ฟเป็นสาวงามที่ถูกจับตามองพิเศษ ด้วยดรีกรีเป็นถึงนางสาวเชียงใหม่ แต่ถ้ามองจากสายตาคนภายนอกจะเห็นว่าโอปอ-วรรัตน์ นิยมเดช (รองอันดับ 1) เป็นสาวงามที่มีบุคลิกโดดเด่น และมีไหวพริบในการตอบคำถามที่สุด แต่เกณฑ์การตัดสินจากการคัดเฟ้นของกรรมการที่ทรงวุฒิทั้ง 21 ท่าน ที่ปีนี้เน้นความงามภายใต้คอนเซ็ปต์ “งามอย่างยั่งยืน” จึงทำให้ผลที่ออกมาอาจจะค้านกับสายตาผู้ชมไปบ้าง
       
       ซึ่งตัวกิ๊ฟก็แอบเชียร์โอปอเหมือนกัน แต่ที่เธอได้รับตำแหน่งสาวไทย คงเป็นเพราะคณะกรรมการตัดสินโดยดูจากในหลายๆ กิจกรรม การวางตัว มารยาทในการเข้าสังคม “แอบเชียร์พี่โอปอ พี่เขาพูดเก่งมาก สำหรับกิ๊ฟ การพูดเร็วขนาดนั้นกิ๊ฟไม่สามารถพูดได้ต่อเนื่อง แบบไม่ติดขัด แต่พี่โอปอทำได้ สมองเขาไปไวมาก แสดงถึงความมีปฏิภาณไหวพริบที่ดีมาก ตอนนั้นคิดว่าถ้าใครได้รางวัลก็จะดีใจด้วย ไม่ได้คิดว่าเราจะได้หรือไม่ได้ คิดว่าถ้าใครได้รางวัลก็ช่วยเหลือกันทำงานมากกว่าค่ะ ไม่ได้คิดว่าฉันต้องได้ที่หนึ่ง 
       
       อีกอย่างที่กี๊ฟคิดว่าคณะกรรมการคงจะเอ็นดูคือความอ่อนน้อมถ่อมตน เพราะว่ากิ๊ฟเป็นคนขี้เกรงใจด้วย ขนาดจะยืนข้างหลังผู้ใหญ่ก็ต้องขออนุญาต ส่วนหนึ่งที่เป็นตัวกิ๊ฟมาจากการอบรมสั่งสอนของครอบครัว การอ่อนน้อมถ่อมตน มารยาท การพูดจา อีกส่วนหนึ่งมาจากกองประกวด เรื่องบุคลิกภาพได้จากเวทีนี้เยอะ สอนให้เรามีความมั่นใจ สอนให้เรารู้จักภูมิใจในตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการเข้าหาผู้ใหญ่ การวางตัว ทำให้คนเอ็นดู ถ้าเราทำได้ เราก็จะรู้สึกดี รู้สึกมีคุณค่าในตัวเอง”
       
       บุคลิกดีแบบนางงาม
       
       ก่อนเข้าประกวดนางงามเธอก็เป็นเหมือนวัยรุ่นทั่วไปที่ไม่ค่อยมีความมั่นใจ นั่งหลังงอ ชอบเดินห่อไหล่ ซึ่งจากประสบการณ์การประกวดนางงามสามารถสร้างบุคลิกใหม่ที่ดีขึ้นให้เธอได้ ซึ่งเธอให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก อดทนตั้งใจฝึกฝนตัวเองมาตลอด จนทำให้เธอเป็นนางงามที่โดดเด่นในเรื่องบุคลิกภาพ
       
       “เมื่อก่อนกิ๊ฟจะเป็นคนที่พูดติดขัดอยู่ตลอด แล้วก็พูดไม่ชัด ไม่ค่อยมีความมั่นใจเท่าไหร่ แต่เดี๋ยวนี้มั่นใจมากขึ้น พูดช้าลง มีสติในการพูด และคำนึงถึงคนที่เราจะพูดด้วยมากขึ้น เรื่องบุคลิกก็ต้องเตือนตัวเองว่าอย่านั่งหลังงอ ต้องมีสติตลอดเวลา นั่งชิดผนังเก้าอี้ไม่ได้เลย พอทำไปทำมาก็ชิน คือพอผ่านจุดวิกฤติมันก็จะสบาย อาจารย์จะสอนว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ให้คิดว่าฉันสวย กิ๊ฟจะคิดว่าทุกอย่างไม่มีอะไรน่ากลัว เดี๋ยวมันก็ผ่านไปได้ แค่เราทำใจให้สบาย ทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ตั้งสติให้ดี”
       
       การที่เธอเคยการประกวดนางงามมาแล้วหลายเวที ทำให้หลายคนมองว่าเธอเป็นนางงามเจนเวที แถมล่าสุดเธอยังมีดีกรีเป็นถึงนางงามเชียงใหม่ ซึ่งประสบการณ์เหล่านั้นก็มีส่วนที่ทำให้เธอจะรู้จักการวางตัวให้เหมาะสม และเรียนรู้ได้ไวกว่าผู้เข้าประกวดคนอื่น 
       
       “เคยผ่านนางสาวเชียงใหม่ก็จะมีเทรนเรื่องบุคลิกภาพมาบ้าง แต่เวทีนางสาวไทยเข้มข้นกว่าเยอะ และจะมีการเพิ่มเติมในเรื่องของการรู้จักบุคลิกภาพของตัวเอง การเรียนรู้มารยาทต่างๆ เช่นมารยาทบนโต๊ะอาหาร กิ๊ฟมองว่าเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็สำคัญ จะกินยังไงให้ดูดี กินยังไงให้ดูมีเสน่ห์ เทคนิคของกิ๊ฟก็จะพยายามกินน้อยๆ ให้เรากินอาหารไปก่อน เวลากินก็ตักคำเล็ก เรียกได้ว่าเล็มดีกว่าค่ะ เวลาดื่มก็จะจิบๆ เอา”
       
       อยากให้คนรู้จักเวทีนางสาวไทยมากขึ้น
       
       สุดท้ายนี้กิ๊ฟอยากให้เวทีนางสาวไทยเป็นที่รู้จักมากขึ้น อยากให้คนติดตาม เพราะเวทีนางสาวไทยเป็นเวทีที่เก่าแก่ และนางงามจากเวทีก็ทำงานเพื่อสังคม แสดงเอกลักษณ์ความเป็นไทย รักษาวัฒนธรรมที่ดีเอาไว้ให้คงอยู่ต่อไป 
       
       สำหรับเวทีนางสาวไทยในปัจจุบันอยู่ภายใต้ความดูแลของ อสมท ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 3 แล้ว ทางช่องโมเดิร์นไนน์ ก็มีการทำพีอาร์อย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นการจัด "เรียลิตีโชว์นางงาม" มีกล้องคอยตามถ่ายบรรดาสาวงามตลอดทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง แต่นั่นก็ยังไม่ได้เป็นการทำให้นางสาวเป็นที่รู้จักมากขึ้นแต่อย่างใด
       
       “กิ๊ฟมองว่าการมีเรียลิตีก็เป็นเรื่องดี อยากให้มีต่อไป เป็นการพีอาร์ไปด้วยอย่างหนึ่ง เพราะเวทีนางสาวไทยยังไม่ค่อยมีคนรู้จักมาก กิ๊ฟมองว่าอาจจะเป็นเพราะการประชาสัมพันธ์ยังไม่ทั่วถึง สำหรับตัวกิ๊ฟได้มารับตำแหน่งนางสาวไทย ก็อยากช่วยประชาสัมพันธ์นางสาวไทยให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็จะแสดงเอกลักษณ์ของความเป็นไทยให้คนเห็นให้มากที่สุด และมีความคิดว่าควรจะมีการทำการประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น โดยมีการจัดอีเวนต์เพิ่ม เพราะเวทีอื่นก็มีการจัดอีเวนต์ แต่เวทีนางสาวไทยยังไม่มี”
       
       ชื่อ-สกุล: กฤชภร หอมบุญญาศักดิ์ 
       ชื่อเล่น: กิ๊ฟ
       เกิด: 8 มิถุนายน 2533
       อายุ: 20 ปี
       ภูมิลำเนา: เชียงใหม่
       
Credit: ผุ้จัดการออนไลน์
#นางงาม #สาว #ถูกลืม
THEPOco
ผู้กำกับภาพ
สมาชิก VIP
1 พ.ย. 53 เวลา 07:47 26,815 55 594
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...