?ฟิล์ม? ควงแม่ ระบายความใน กับ ตี10 แฉ ?แอนนี่? โกหกซ้ำ

 

 

“ฟิล์ม” ควงแม่ ระบายความใน กับ ตี10 แฉ “แอนนี่” โกหกซ้ำ

หลังจากที่ นักร้องดัง “ฟิล์ม – รัฐภูมิ โตคงทรัพย์”  ถูกตกเป็นจำเลยสังคม ในข่าวครึกโครม ที่เสนอไปก่อนหน้าแล้วนั้น ด้านนักร้อง ก็เก็บตัวเงียบ แต่ก็พอมีข่าวบ้างออกมาเป็นระยะๆ เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ล่าสุด วานนี้ 19 ต.ค. ประมาณ 11.00 น. นักร้องดัง “ฟิล์ม – รัฐภูมิ” ได้ควง คุณแม่ “คุณแม่โคมนต์ ทองมั่ง” มาอัดเทปรายการ “ตี 10” ที่ชั้น 4 ฮอลล์ เซ็นทรัลพระราม 2 ท่ามกลาง บรรดาสื่อ และ แฟนคลับ ที่มาให้กำลัง รวมกว่าร้อยชีวิต โดยการมาออกรายการในครั้งนี้ นับเป็นการปรากฏ และ เปิดใจ อย่างเป็นทางการ ครั้งแรก หลังจากที่หายเงียบไป ที่บอกว่า ขอให้เข้มแข็งกว่านี้ก่อน และเมื่อพร้อมจะออกมาพูดทุกอย่าง

นอกจากนี้ คุณแม่ ยังกล่าวเสริมว่า   ที่กินยาแก้เครียด 7 เม็ด นั้น หลับไป 2 วัน แต่ไม่ได้เป็นการฆ่าตัวตายตามที่เป็นข่าว ครั้งนั้น ทำให้ น้ำหนักหายไป 10 ก.ก. ส่วนเรื่องบวช คง ประมาณ 30 พ.ย. นี้ ที่ จังหวัดสระบุรี แต่ไปปฏิบัติธรรมที่จังหวัดเชียงราย  ส่วน “ฟิล์ม” กะทัวร์รอบโลกด้วย และเตรียมเรียนต่อประเทศอังกฤษ 4 เดือน ด้านแม่เอง ไม่ขอยุ่งเรื่องฟ้องศาล แต่แม่มั่นใจหลักฐานแน่นหนา

 

ทั้งนี้ เมื่อเริ่มอัดเทปรายการ “ตี 10”  พิธีกรขิงแก่ คุณ “วิทวัส สุนทรวิเนตร์”   ก็กล่าวเชิญ แขกรับเชิญ นักร้องดังฉาวสุดในรอบปี “ฟิล์ม – รัฐภูมิ”  ทันทีที่ หนุ่ม “ฟิล์ม” เดินออกมากลางเวที ก็เห็นได้ชัดถึง หน้าตาที่สดชื่น สดใสและเริ่มมีรอยยิ้มมากขึ้นกว่าเดิม และเมื่อ นักร้องดัง กล่าว สวัสดี แค่เท่านั้น แฟนคลับก็ส่งเสียงกรี๊ด ชูป้ายให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก แล้วก็นั่งลง

 

ทางพิธีกรขิงแก่ ได้กล่าวว่าด้วยว่า จริงๆ วันนี้ตั้งใจอยากให้ฟิล์มได้ร้องเพลงบ้างแต่ไม่รู้จะร้องได้หรือเปล่า แต่จะให้ท่านผู้ชมได้เห็นมิวสิกที่ท่านไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลย ถ้าไม่เกิดเรื่องนี้มิวสิก ชุดนี้ก็คงได้เห็นไปแล้ว ท่านจะได้เห็นครั้งแรกในช่วงท้าย ชื่อเพลงว่า “face to face (เฟคทูเฟค) แปลว่า เผชิญหน้ากันตัวต่อตัวหรือเปล่าครับ” เป็นเพลงที่ไทย-เกาหลีมาร่วมทำงานเพลงร่วมกัน  สภาพจิตใจตอนนี้เป็นยังไง ทีมงานเราโทร.ไปถามครั้งสุดท้ายบอกว่าฟิล์มหัวเราะได้แล้ว ยิ้มได้แล้ว ทำงานได้แล้ว พวกเราดีใจมาก  

ด้าน “ฟิล์ม” เอง ก็ได้ขอบคุณ ทุกกำลังใจ ทั้ง จากครอบครัว จากต้นสังกัด ทางพี่ๆ สื่อมวลชน ทางแฟนๆ แฟมิลี่ของฟิล์มที่ให้กำลังใจมาตลอด ทำให้ผมอยู่ได้ และเผชิญกับปัญหาที่เกิดขึ้นมาตลอด ผ่านไปได้อย่างดี และ เสียใจ ที่ทำให้คนที่ผมรักทุกคนทั้งพ่อแม่, เฮียฮ้อ, ซ้อ ทั้งผู้หลักผู้ใหญ่ทุกคน และแฟนเพลงของผมเป็นห่วง คือคิดว่าผมฆ่าตัวตายไหม ผมจะทิ้งพวกเขามั้ย ซึ่งจริงๆแล้วผมไม่เคยเป็นคนที่หนีปัญหาเลย เวลานั้น ผมคอยถามตลอดว่า มีใครมาหาผมไหม มีแฟนๆ เป็นยังไงบ้าง มีใครร้องไห้ไหม เพราะผมแคร์คนพวกนี้มาก

นอกจากนี้ พิธีการขิงแก่ ก็ได้ถามไปถึงประเด็นสำคัญ ว่า เท่าที่ผ่านมา “ฟิล์ม” ที่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าใครเป็นพ่อน้องฑีฆายุ แต่ก็ยังเข้าไปช่วยทางด้านการเงินอย่างนั้น?

“ครับ ทุกคนจะถามผมตลอดกับคำถามนี้ ผมจะบอกว่าบ้านผมกับผมไม่เคยมองในจุดๆ นั้นอยู่แล้ว ผมกับคุณแม่จะปรึกษากันตลอด ซึ่งคุณแม่ก็จะบอกว่าให้มองข้ามจุดๆ นั้นไปเลย มันจำเป็นด้วยหรือครับว่าผมเข้าไปช่วยเหลือเค้า ผมต้องยอมรับในตัวเด็ก อันนี้มันคนละประเด็นกันนะครับ ผมเต็มใจช่วยเขา เพราะเห็นว่าลำบากอยู่ บ้านผมก็รู้สึกกันอย่างนั้นเหมือนกัน มันไม่ใช่ว่าการที่ผมเขาไปแบบนั้นถือว่าผมยอมรับในตัวเด็ก แต่ว่าสังคมกลับมองกันคนละมุม ผมก็เลยรู้สึกว่าถ้าผมมีโอกาสแข็งแรงแล้ว ได้ออกมาพูด ก็น่าจะดี”

แว๊บแรก ที่คุณแม่เห็นหน้า น้องฑีฆายุ คุณแม่รู้สึกว่าเค้าเป็นยังไง หน้าตาเค้าเหมือนลูกชายเราไหม?

“ตอนนั้นดูไม่ออกหรอกค่ะ คือเค้าเหมือนคุณแม่เค้ามากเลยค่ะ คือไม่มีเค้าของฟิล์มอยู่เลย ตอนนั้นดูไม่ออกเลย”

จะมีการฟ้องร้องไหมครับ “ฟิล์ม” ?

“เวลานี้ทั้งผม ครอบครัวและผู้หลักผู้ใหญ่ทุกคนเนี่ย ไม่มีความต้องการอยู่แล้วครับเพราะว่าไม่มีใครหรอกครับที่จะอยากขึ้นศาล มีคดีความติดตัว แต่ว่าในอนาคตมันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งนะครับ”

“แอนนี่”  แถลงข่าวว่าจะมีการฟ้องร้องเฮียฮ้อกับพจน์ อานนท์ ในวันพฤหัสฯนี้ในอีกประเด็นหนึ่ง   แต่ประเด็นของ “ฟิล์ม”  อาจจะอาศัยอำนาจศาลในการสั่งให้ตรวจดีเอ็นเอได้ เพื่อความเคลียร์ กระจ่างต่อสังคม จะดำเนินการตรงนี้ไหม?

“หลักๆ ทั้งผม ทางบ้าน ทางผู้หลักผู้ใหญ่ ทางเฮียฮ้อ ทางพี่พจน์ ทุกๆ คนที่เป็นห่วงต่อผมนะครับ และผมจะแคร์คนพวกนี้มาก คือส่วนตัวผมไม่เท่าไร แต่ถ้าคุณแม่ อยากจะเลี้ยงหลานสักคนหนึ่ง เขาก็ต้องมีความแน่ชัดให้กับพวกเขา ตรงนั้นผมก็ยังไม่เคยปฏิเสธ และผมก็พูดไปตั้งแต่ตอนแรกแล้วครับ”

“ตอนนี้ผมก็เริ่มแข็งแรงขึ้นมาแล้ว กะว่างานชิ้นแรกที่จะกลับมาทำก่อนก็คงจะเป็นงานเพลงครับ แต่ว่างานโฆษณา งานหนัง งานต่างๆ ก็ถูกตัดไปแล้วเพราะว่ามันไม่ทันจริงๆ ก็ได้มีโอกาสเข้าไปขอทางผู้ใหญ่”

เฮียฮ้อ ได้คุยเรื่องงานว่ายังไง?

“เฮียก็บอกว่าอันไหนที่ทำไม่ทันแล้วก็ต้องปล่อยไปเพราะว่า เวลามันไม่ทันจริงๆ อย่างหนัง 1 เรื่องไม่ใช่มีแค่เราคนเดียวไง ก็ต้องมีคนหลายคน หลายคิวที่อาจจะลงล็อกกับช่วงเวลานี้ ผมก็ต้องแล้วแต่ผู้ใหญ่ แต่อะไรที่จะกลับมาทำได้อย่างงาน เพลงที่เขาวางไว้ว่าให้ผมเป็นเอเชียสตาร์ที่จะเดินสายไปโปรโมตทั่วประเทศ ทั่วโลกนะครับ ก็ยังดำเนินอยู่ แต่ว่าเกาหลีก็ไม่ทันเหมือนกัน คือยอมรับว่าผมเสียดายมาก เพราะอยากไปสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยเพราะเรามีโอกาสเราก็อยากไปทำชื่อเสียงให้สังคม ให้ประเทศ ให้เขารู้จักว่าประเทสไทยเป็นยังไง แล้วอีกอย่างมีนักร้องที่เป็นคนไทยมาขึ้นเวทีเค้าด้วยนะ ซึ่งผมก็รบเร้าตลอด แต่เฮียก็เห็นว่าสภาพร่างกายจิตใจผม ณ เวลานั้นยังไม่พร้อมก็เลยต้องแคนเซิลทางนั้นไปครับ”

“จริงๆ แล้วแพลนไว้ว่าจะเป็นสิ้นเดือน 30 พ.ย. ครับ เพราะว่าผมจะมีงานของต่างชาติก่อนคือร้องเพลงที่มาเก๊า แล้วก็จะมีงานเพลงมีมิวสิกวิดีโอตัวต่อไป เพราะว่าถ้าทำทุกอย่างเสร็จแล้วเนี่ย ผมก็ต้องไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษครับ ก็อาจจะเป็นคอร์สเรียนภาษาประมาณ 4 เดือนครับ ไปก็ประมาณ ม.ค.-เม.ย. ครับ เพราะว่าผมจะบวชก็คงสึกช่วงประมาณ ธ.ค. ครับ”

อยากจะพูดอะไรกับแอนนี่ที่กำลังฟังอยู่ ครั้งสุดท้ายที่คุยกันทางโทรศัพท์เมื่อไรจำได้ไหมครับ?

“ผมก็พยายามติดต่อไปตลอดนะครับ แต่ว่าตอนนี้เนื่องด้วยอะไรหลายๆ อย่างมันก็อาจจะคุยกัน 2 คนไม่ได้แล้ว เพราะเคยติดต่อไปก็จะเป็นทางมูลนิธิรับสายให้ตลอด คือตอนนี้ผมก็คงไม่เท่าไรแล้ว ก็แล้วแต่คุณแม่แล้วแต่ผู้ใหญ่ครับ คือจริงๆ แล้วฟิล์มก็ไม่ได้มีอะไรหรอกนะครับ ผมอยากฝากกับทุกๆ คนมากกว่าว่ายังไงผมก็เชื่อเรื่องของเวลา เพราะผมเชื่อว่าจะทำให้ผมก้าวข้ามจุดๆ นี้ไปได้”

เห็นว่า คุณแม่ มีอะไรที่อยากจะบอกกับ “แอนนี่”  ในเรื่องเกี่ยวกับเอกสาร?

“เรื่องเอกสารก็คือได้ทราบข่าวมาว่า เขาได้ใส่ชื่อ “ฟิล์ม - รัฐภูมิ โตคงทรัพย์” เป็นคุณพ่อของเด็ก ในเรื่องนี้ถ้าความโปร่งใสชัดเจนยังไม่มี คุณแม่ก็อยากให้ทำอะไรให้ถูกต้องมากกว่านี้ค่ะ หมายความว่ายังไม่น่าจะมีการให้ใส่ชื่อ “ฟิล์ม”  เป็นพ่อของเด็ก ควรจะถอนออกค่ะ”

แต่  “แอนนี่”  เคยพูดในรายการนี้ว่า เขาไม่ได้ใส่ชื่อพ่อเด็ก ปล่อยทิ้งว่างเอาไว้?

“อันนี้ก็มีข้อมูลมาเหมือนกันค่ะว่าได้ใส่ชื่อเอาไว้ เป็นชื่อของฟิล์ม เป็นพ่อเด็กค่ะ อันนี้ความชัดเจนยังไม่แน่นอน แม่ก็ยังไม่อยากให้มีอะไรคั่งค้างคาใจอะไรไว้ แล้วปัญหาที่เกิดขึ้นเนี่ยเป็นปัญหาของคน 2 คนที่ทำอะไรตามใจตัวเอง แล้วก็เกิดปัญหาบานปลายต่อสังคมขึ้น ก็น่าจะแก้ไขตรงนี้ก่อน อยากให้ “แอนนี่”  ไปแจ้งเอาชื่อฟิล์มออก เพราะแม่มีข้อมูลมาค่อนข้างชัดเจนพอสมควรค่ะ”

 มั่นใจในหลักฐานที่มีอยู่มากน้อยขนาดไหน?

 “ค่อนข้างมั่นใจ มันทำให้ผมและครอบครัวสบายใจขึ้นเยอะ”

 หลักฐานที่ว่าเป็นเอกสาร, บุคคล, คลิปเสียงหรือคลิปวิดีโอ?

“ผมพูดอะไรมากไม่ได้จริงๆ ครับ ผมว่าอะไรที่ผู้ใหญ่พูดมาทั้งหมดก็น่าจะเชื่อถือได้นะครับ ในเรื่องของยื่นฟ้องตรงนั้นขึ้นอยู่กับต้นสังกัด และทางทนายครับ”

แล้วที่ “แอนนี่” ไม่ตรวจ  DNA เพราะกลัวมีการเปลี่ยนผล?

 “ไม่ได้แน่นอนครับ เพราะว่าหลายๆ อย่างครับ ไม่ใช่ละครด้วย”

 คุณแม่โคมนต์   “มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วค่ะ ที่จะไม่แน่นอนในการตรวจสอบ เราก็ต้องให้เกียรติคุณหมอทุกๆ ท่านด้วยค่ะ เพราะคุณหมอในประเทศไทยเราก็มีมากมาย ไม่จำเป็นต้องเป็นการตรวจคนคนเดียว แล้วก็มีการร่วมรู้เห็นตั้งมากมาย คิดว่าไม่น่าจะใช่เหตุผล”

20 ต.ค. 53 เวลา 16:37 4,017 9 62
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...