ม้าทรงนับสิบใช้อาวุธและของมีคมทิ่มทะลุกระพุ้งแก้มทรมานร่างกายในพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์แห่พระ รอบเมืองภูเก็ต ท่ามกลางสายตานับพันของนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและต่างชาติ.......
เมื่อวันที่ 10 ต.ค.เวลา 07.09 น.บรรยากาศวันที่ 3 ของประเพณีถือศีลกินผักประจำปีหรือ"เจี๊ยะฉ่าย"ของ จ.ภูเก็ต และเป็นวันที่ 2 ของการประกอบพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์"แห่พระรอบเมืองภูเก็ตหรืออิ้ว เก้ง"ซึ่งศาลเจ้ากวนเต้กุ้นสะปำ อ.เมืองภูเก็ต จะทรมานร่างกายด้วยการใช้อาวุธ และของมีคมนานาชนิด เช่น มีดดาบ 4-5 อัน ก้านร่ม เชิงเทียน ทิ่มทะลุกระพุงแก้มและแห่ไปรอบเมือง เพื่อให้ชาวภูเก็ตที่ตั้งโต๊ะชา-ผลไม้ได้สักการะเทพเจ้าที่ประดับอยู่ในร่างเหล่าม้าทรงนับสิบคน เพื่อสิริมงคลแก่ตัวเองและครอบครัว ท่ามกลางสายตานับพันของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างชาติที่รอชมการทรมาน ร่างกายอย่างน่าหวาดเสียว
ซึ่งจะสังเกตได้ว่าม้าทรงจะยังคงมีการใช้อาวุธหรือของมีคมนอกเหนือจากตำนาน ที่ก่อนหน้านี้ประธานศาลเจ้า(อ๊าม)ได้มีการประชุมร่วมกับศาลเจ้าต่างๆที่ เข้าร่วมประเพณีถือศีลกินผักห้ามม้าทรงใช้อาวุธหรือของมีคมนอกเหนือจากตำนาน ในครั้นอดีตที่ยึดถือปฏิบัติกันมานับร้อยปี เนื่องจากมีม้าทรงเป็นจำนวนมาก จึงไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่งการประกอบพิธีแห่พระรอบเมืองภูเก็ตจะใช้เวลานานนับชั่วโมง อาจทำให้ม้าทรงที่ใช้อาวุธเกินความเป็นจริงหรือนอกเหนือตำนานส่งผลอันตรายต่อร่างกายได้เหมือนเช่นทุกปีที่ผ่านมาที่มีเหล่าม้าทรงชายหญิงต้องถูกหามส่งโรงพยาบาล เนื่องจากของมีคมที่ใช้ทิ่มทะลุกระพุงแก้มถูกเส้นเลือดใหญ่ขาดหรือกระพุ้ง แก้มฉีกขาด นอกจากนี้แต่ละศาลเจ้ายังมีการประกอบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ภายในศาลเจ้า เช่น พิธีป้ายชิดแชหรือบวรสรวงดาวประจำวันทั้ง 7 พิธีอัญเชิญลำเต้าปักเต้าหรืออัญเชิญผู้ถือบัญชีคนเกิด และคนตาย.
http://www.thairath.co.th/content/region/117712
--