เรื่องเหตุที่ต้องจูงควายไปไถนา
นิทานปรัมปราเรื่องเหตุที่ต้องจูงควายไปไถนา
ในสมัยโบราณ เมื่อถึงฤดูทำนา ควายก็จะเดินไปทำหน้าที่ไถนาเอง คือ ไปเหยียบจนสามารถที่จะดำนาหรือหว่านต้นกล้าได้
มีครอบครัวของท่านเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เป็นผู้มีใจรักสัตว์และเอาสัตว์มาเลี้ยงไว้มากมาย เช่น ควาย หนู เป็ด ไก่ สุนัข และแมว
สัตว์ ทุกๆตัวจะมีหน้าที่ประจำและท่านเศรษฐีได้ตั้งเวรเอาไว้ ว่าในวันหนึ่งๆมีสัตว์ตัวไหนบ้างและต้องทำอะไร โดยจับให้ทำงานเป็นคู่ๆ โดยแบงเป็นคู่ดังนี้ เป็ดคู่กับไก่ แมวคู่กับหนู และให้ควายคู่กับหมา
ควาย เป็นสัตว์ที่ขยันขันแข็งไม่เลือกงาน พอรุ่งเช้าควายจะต้องรีบไปนาทันที ส่วนหมาก็นอนสายตื่นง่าย พอ สายก็ตกใจตื่นรีบไปนาเป็นประจำอยู่ทุกๆวัน
อยู่มาวันหนึ่งควายก็ไปไถนา หมาก็นอนหลับ พอควายไถนาเสร็จก็มาปลุกให้หมาตื่น หมาก็โกรธควายที่มาปลุก
ก็คิดอุบายที่จะแกล้งควาย โดยหมาไปที่นา ไปถึงก็จัดการกระโดดลงไปในนาและเหยียบรอยควายจนเหลือเห็นแต่รอยหมาทั้งสิ้น
หมาก็รีบกลับมาบ้านด้วยความดีใจ มาถึงก็ตรงเข้าไปบอกท่านเศรษฐีว่า ท่านเศรษฐีช่วยข้าด้วย ข้าทำงานเสียจนเหนื่อย ควายมันขี้เกียจไม่ทำอะไรเลย ถ้าท่านไม่เชื่อไปดูที่นาเถอะ
ท่านเศรษฐีก็เดินไปดูปรากฎว่าเห็นแต่รอยหมาจริงๆ ท่านเศรษฐีโกรธได้เรียกควายมาดุด่า ควายอธิบายเท่าไหร่ ท่านก็ไม่เชื่อ ควายเลยโกรธและสาบานต่อหน้าเศรษฐีว่า ถ้าท่านไม่เอาเชือกมาใส่จมูกแล้วลากไปนาจะไม่ไปอย่างเด็ดขาด
จากนิทานเรื่องนี้เราจะเห็นได้ว่าในปัจจุบัน คนจะต้องจูงควายเป็นประจำ คือ ถ้าไม่จูงแล้วมันจะไม่ไปเอง
( ที่มา...วรรณกรรมท้องถิ่นภูเก็ต...จากหนังสือควายให้กำเนิดคน ของสุจิตต์ วงษ์เทศ)
Credit:
ที่นี่ด็อดคอม