ความเจริญของโลกทำให้หลายสิ่งหลายอย่างที่เคยเป็นมรดกสำคัญมีโอกาสสูญหายไป นักเขียนคนหนึ่งในอังกฤษเขียนหนังสือชื่อ “Script and Scribble: The Rise & Fall of Handwriting” ทำนายว่าการเขียนด้วยมือกำลังสูญพันธุ์อย่างช้าๆ
คิตตี้ เบิร์นส์ ฟลอเรย์ ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวบีบีซีว่า ศิลปะ การเขียนหนังสือด้วยมือกำลังเสื่อมไปอย่างรวดเร็ว เนื่องจากคนรุ่นใหม่ใช้ปากกาเขียนหนังสือเองน้อยลง เพราะมีการใช้ระบบสื่อสารสมัยใหม่ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือ ถือกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก และมีแนวโน้มสูงขึ้นโดยตลอด ทำให้ไม่มีความจำเป็นในการเขียนหนังสือด้วยมืออีกต่อไป
ฟลอเร ย์ ระบุว่า การหัดคัดลายมือเป็นพื้นฐานสำคัญในการเรียนการสอน ของโรงเรียนในประเทศอังกฤษช่วงศตวรรษที่ผ่านมา และคนอังกฤษก็มีวิธีการเขียนที่เป็นเอกลักษณ์ เห็นได้จากเรื่องราวในช่วงสงครามครั้งที่สอง เมื่อทหารเยอรมันปลอมตัวเป็นทหารช่างอังกฤษและแอบเข้าประเทศอังกฤษ เพื่อสอดแนมโดยไปตั้งแคมป์ในต่างจังหวัดแต่โดนจับได้ เนื่องจากชาวบ้านเห็นทหารคนหนึ่งเขียนหนังสือไม่เหมือนคนอังกฤษ
สำนัก ข่าวบีบีซี สัมภาษณ์ มาร์ก บราวน์ ครูใหญ่ของโรงเรียนเซนต์แมรี่ ซึ่งเป็นโรงเรียนประถมคาทอลิกที่เมือง Axminster,Devon พบว่าโรงเรียนเองก็ได้เปลี่ยนวิธีการสอนจากที่เคยเน้นการคัดลายมือให้สวยงาม เป็นระเบียบ มาเป็นการให้ความสำคัญต่อเนื้อหาสาระของการเขียนมากกว่า
บราวน์ ระบุว่ายังมีการสอนให้เด็กหัดคัดลายมืออยู่และผู้ปกครองส่วนใหญ่อยากให้เป็น แบบเดียวกับสมัยของตัวเองแต่โรงเรียนก็ได้เปลี่ยนการให้ความสำคัญ ซึ่งทำให้เด็กเขียนเนื้อหาได้ดีขึ้นแต่ลายมือแย่ลงเมื่อเทียบกับคนสมัยก่อน
ฟลอเรย์ ระบุว่า ความสำคัญของการเขียนและอ่านลายมือจะลดลงไปเรื่อยๆ ยกเว้นในวงการแพทย์เนื่องจากนายแพทย์ส่วนใหญ่ยังนิยมเขียนด้วยมือในการ วิเคราะห์โรค และใบสั่งยาแต่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่าลายมือของพวก หมออ่านยากที่สุดในโลกและบางครั้งก็เป็นต้นเหตุของการรักษาผิดพลาด
ประเทศไทยเองก็เป็นปัญหาอยู่เห็นได้จากข่าวที่มีการขลิบอวัยวะเพศเด็กชายทั้งที่เด็กไปที่คลินิกเพื่อผ่าตัดฝีในปาก
สิ่ง ที่เชื่อกันว่าจะเป็นสาเหตุที่เร่งให้การเขียนด้วยมือและลายมือสูญพันธุ์ เร็วยิ่งขึ้น คือพัฒนาการของโทรศัพท์มือถือ ซึ่งได้กลายเป็นเครื่องมือสื่อสารสำหรับคนรุ่นใหม่ และล่าสุดมีหนังสือขายดีในญี่ปุ่นเล่มหนึ่งชื่อ “ประสบการณ์ครั้งแรก” ของนักเรียนมัธยมญี่ปุ่นอายุ 22 ปีใช้นามปากกาว่า ยูมี-โฮตารุ ซึ่งแปลว่า หิ่งห้อยฝันเฟื่อง หนังสือเล่มนี้อาจจะเป็นหนังสือขายดีเล่มแรกของโลกที่เขียนด้วยการกดปุ่ม
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า หิ่งห้อยฝันเฟื่องเขียนหนังสือทั้งเล่มบนโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ใหม่ในสังคมคนรุ่นใหม่ชาวญี่ปุ่น โดยเขียนเรื่องที่ละบรรทัดบนโทรศัพท์มือถือและส่งไปที่เว็บไซต์ที่มีอยู่ หลายแห่งในญี่ปุ่น
ความนิยมของนิยาย “ประสบการณ์ครั้งแรก” ทำให้สำนักพิมพ์ชื่อดังติดต่อหิ่งห้อยฝันเฟื่อง เพื่อขอลิขสิทธิ์ไปตีพิมพ์และกลายเป็นหนังสือขายดีไปด้วย
ชาวญี่ปุ่นเรียกนิยายบนโทรศัพท์มือถือนี้ว่า ไคไต โชเซ็ทสุ หรือบทประพันธ์บนโทรศัพท์มือถือ เป็นวัฒนธรรมใหม่ที่เกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา นักเขียนส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นหญิงและชายซึ่งเขียนเรื่องต่างๆ
รวม ทั้งประสบการณ์ตัวเอง บางเรื่องเป็นสิ่งที่ต้องปิดบังอำพราง อาทิ เรื่องความสัมพันธ์ทางเพศ การเสพยา การทำแท้ง เขียนบนโทรศัพท์มือถือและส่งไปที่เว็บไซต์ บทประพันธ์เหล่านี้ สามารถติดตามอ่านได้บนโทรศัพท์มือถือเป็นตอนๆ
ความ ก้าวหน้าทางการสื่อสารและปรากฏการณ์ทั้งหลายเหล่านี้มีส่วนสำคัญให้การเขียน หนังสือด้วยมือหดหายไป จากวัฒนธรรมคนรุ่นใหม่ ทำให้คนกลุ่มหนึ่งต้องกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง คนกลุ่มนี้ก็คือผู้ผลิตอุปกรณ์เครื่องเขียน
มี รายงานว่ายอดการผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องเขียนยังขยายตัวอยู่ แต่สมาคมอุตสาหกรรมเครื่องเขียนในประเทศอเมริกาและประเทศต่างๆเริ่มไม่แน่ใจ ในอนาคตของธุรกิจ จึงจัดให้มีโครงการส่งเสริมการเขียนหนังสือขึ้นในหลายประเทศ โดยร่วมกับสมาคมการเขียน อาทิ สมาคมอุปกรณ์เครื่องเขียน ของอเมริกาสนับสนุนการจัดงานวันแห่งการคัดลายมือขึ้นทุกๆวันที่ 23 มกราคมของทุกปี
ในประเทศอังกฤษ มีการจัดการแข่งขันการคัดลายมือในระดับประถมโดยหน่วยงานในอังกฤษที่มีชื่อว่า Support and Training inPrep Schools (SATIPS) โดยจัดขึ้นทุกปีเช่นกัน ในประเทศจีนและญี่ปุ่นเองก็เขียนตัวหนังสือเป็นศิลปะชนิดหนึ่งที่รัฐบาลสนับสนุนอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว
อย่าง ไรก็ตาม ฟลอเรย์เขียนในหนังสือของเธอว่า ในอนาคตลายมือของคนจะเลวร้ายลงไปเป็นลำดับ และในที่สุดก็จะกลายเป็นสิ่งอ่านยากเหมือนกับคัมภีร์โบราณ และเป็นเรื่องของผู้เชี่ยวชาญเหมือนกับในสมัยก่อน ที่การเขียนหนังสือต้องอาศัยอาลักษณ์ที่ฝึกมาอย่างเชี่ยวชาญเท่านั้น
ที่มา : นิตยสาร Business.com
ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต