พระยอดกตัญญูเลี้ยงแม่อัมพาต-น้องชายไม่สมประกอบ

วันนี้ (6 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้าน ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ว่า ที่สำนักสงฆ์ถ้ำนางพญาเลือดขาวโมกขธรรม ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่หมู่ 11 บ้านเขารูปช้าง ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา มีพระยอดกตัญญูได้พาแม่ที่ป่วยเป็นอัมพาต และน้องชายที่สติไม่สมประกอบมาเลี้ยงดู และดูแลเป็นอย่างดีภายในที่พัก สร้างความซาบซึ้งให้กับญาติโยมที่ไปทำบุญเป็นอย่างมาก
       
       หลังจากที่ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังที่สำนักสงฆ์ดังกล่าว ทราบว่า พระยอดกตัญญูรูปนี้ คือ พระศิริ รัตนชัย อายุ 56 ปี ได้บวชมาแล้ว 24 พรรษา จำพรรษาอยู่ที่สำนักสงฆ์ถ้ำนางพญาเลือดขาวโมกขธรรม มาตั้งแต่ พ.ศ.2531 ซึ่งนอกเหนือจากจะปฏิบัติตามกิจของสงฆ์แล้ว พระศิริได้พาแม่ที่ป่วยเป็นอัมพาต และน้องชายที่สติไม่ดีมาดูแลที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ด้วย โดยอยู่ร่วมกันภายในที่พักสงฆ์
       
       พระศิริ เผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ก่อนวันเข้าพรรษาเพียง 1 วันได้พาแม่และน้องชายมาอยู่ด้วยกัน จากปกติที่ก่อนหน้านี้พักอยู่กับญาติพี่น้องที่บ้านเกิดใน อ.บางแก้ว จ.พัทลุง และตนได้กลับไปดูแลเป็นครั้งคราว แต่เนื่องจากญาติพี่น้องคนอื่นๆ ที่มีอยู่ด้วยกัน5 คน ตนเป็นคนที่ 4 มีภาระและไม่สามารถดูแลแม่และน้องชายได้อย่างเต็มที่ ตนจึงตัดสินใจนำมาเลี้ยงดูที่สำนักสงฆ์ ซึ่งมีเพียงตนกับพระอีกหนึ่งรูปพักอยู่
       
       สำหรับแม่ของ พระศริ คือ นางคล่อง รัตนชัย อายุ 77 ปี ป่วยเป็นอัมพาตเดินไม่ได้ ส่วนน้องชายชื่อ นายสมเกียรติ์ รัตนชัย อายุ 51 ปี สติไม่ดี ความจำเลอะเลือน พูดและช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ทุกวันพระศิริ ต้องซักผ้าของแม่ และน้องชาย หุงข้าว ทำกับข้าว ล้างถ้วยล้างชาม แปรงฟันล้างหน้าให้แม่ ป้อนข้าว เช็ดตัว ทำแผล และแผลกดทับทั้งเช้าและเย็น เช่นเดียวกับการดูแลน้องชายจะช่วยเปลี่ยนกางเกง แปรงฟัน พาไปถ่ายหนัก ถ่ายเบา อาบน้ำให้ หาข้าวให้กิน ทำให้ปัจจุบันพระศิริไม่ค่อยได้ออกไปบิณฑบาต เนื่องจากมีภาระต้องดูแลแม่และน้องชาย แต่ได้มีญาติโยมที่ใจบุญที่มีความเมตตานำข้าวสารอาหารแห้ง หรืออาหารสดมาใส่ตู้เย็นไว้ให้
       
       พระศิริ เผยถึงความรู้สึกว่า ได้ยึดคำสอนของพระพุทธเจ้า และหลักศาสนาพุทธที่สมัยพระพุทธเจ้าเคยมีพระภิกษุรูปหนึ่งที่จะสึก เพื่อที่จะออกมาดูแลแม่ที่ป่วย แต่ทางพระพุทธเจ้าบอกว่าเป็นพระก็ดูแลได้ ไม่ผิดหลัก โดยเฉพาะข้าวที่บิณฑบาตมาได้นั้น ให้แม่ฉันก่อนได้และจะดีเสียกว่าที่ลูกจะได้กินเศษข้าวจากแม่ และหากเราสามารถดูแลแม่ในขณะยังครองผ้าเหลืองอยูได้ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ประเสริฐสุดแล้ว
       
       ทั้งนี้ หากผู้มีจิตศรัทธาหรือหน่วยงานใดต้องการช่วยเหลือแม่และน้องชายก็ยินดีโดยมาเยี่ยมที่สำนักสงฆ์ได้ตลอด

 


 



 



 



 



 



http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9530000140699

Credit: thailandsusu.com
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...