Iphone 4G

หลังจากที่ข่าวคราวว่าแอปเปิลเจ้าพ่อทางเทคโนโลยีจะประกาศตัว Iphone4 มาเพื่อเหยียบผู้ใช้งาน Iphone3G นับว่าเป็นข่าวดีสำหรับวงการเทคโนโลยีไม่น้ิอย แต่ทว่าคนที่่เคยซื้อไอโฟน 3 มานี่สิ ดูท่าจะแย่น้อยเพราะว่าประกาศใช้ในประเทศไทยไม่เท่าไหร่ ทางแอปเปิลก็ตบท้ายด้วยหารปล่อยข่าว Iphone4 ออกมาเพื่อกระแทกแดกดัน Iphone3G อย่างไม่ใยดี ไม่ใช่แค่นั้น เร็วๆที่ผ่านมา ก็เพิ่งที่จะเปิดตัว Ipad แสดงว่างานนี้ต้องมีอะไรที่มากมายกว่า ไอโฟน และไอแพดอย่างแน่นอน

แต่ก็อย่างว่าชาวบ้านเขาก็เขียนเรื่องเจ้าไอโฟน4 กันมากมายมีแต่เว็บช่างสรรหานี่แหละที่คลานเป็นเต่าต้วมเตี้ยมไม่ตามชาวบ้่านชาวเมื่องเขาสักที ก็แย่จัง ทำไงได้ผมขี้่เกียจ แต่ว่าโบราณเคยบอกว่าหัวเราะที่หลังดังกว่า งั้นผมจะหัวเราะเกือบสุดท้ายดูสิ ว่าจะดังไหม

เนื้อหาที่ท่้านได้รับจากเราคือ

คุณสมบัติของไอโฟน4G ว่าอันที่ออกมาใหม่มีอะไรที่ดีกว่า เทคโนโลยีสมัยใหม่พัฒนาล่าสุดที่ยัดลงมาใน Iphone4 ปัญหาที่เกิดขึ้นกับ Iphone4 ตกลงแล้ว แอปเปิลจะเอายังไง ในเมื่อสมาคมผู้บริโภคสหรัฐ มีมติไม่แนะนำให้ซื้อไอโฟน 4 จะเอายังไง ไอโฟน5 Iphone5 มันกำลังออกมาแล้วจริงๆหรือ

มาเรื่องแรกเลยดีกว่านะครับ คุณสมบัติของไอโฟน4G ว่าอันที่ออกมาใหม่มีอะไรที่ดีกว่า

รูปที่ทุกท่านได้ดูบนบน คงอธิบายอะไรได้ไม่ยากเท่าไหร่

คุณสมบัติของไอโฟน 4G

หน้าจอ 3.5 นิ้วแบบ widescreen รองรับระบบมัลติทัช หน้าจอ 960 x 640 ฟิกเซลขนดภายนอก ถือว่าเท่ากันทุกประการ แต่ที่เพิ่มมาคือ Retina Display ความละเอียด 326 ppi

ซึ่งอันนี้ Iphone3G มีเพียงแค่  163 ppi เท่านั้นเอง โดยคุณสมบัติชิ้นนี้จะกล่าวในบทถัดไป

ความสว่าง 800: 1 สแตนบายได้นานถึง 300 ชั่วโมง เล่นไฟล์วีดีโอได้นาน * 10 ชั่วโมง (ปล. ผู้ที่เล่นไอโฟน 3จี 4จี หรือไอแพดก็น่าจะรู้ว่า ข้อนี้แหลทั้งเพล)  เล่นไฟล์เสียงนานสูงสุด 40 ชั่วโมง ส่วนระบบเชื่อมต่อสามารถต่อเข้าคอมพิวเตอร์ Windows และ Mac ผ่านพอร์ต USB ส่วนกล้องมีทั้งด้านหน้าและหลัง 5 ล้านฟิกเซล กล้องถ่ายวิดีโอความละเอียดได้ถึง 720p 30 เฟรม

สัดส่วนของไอโฟน4
สัดส่วน – Size and Weight

สูง 4.5 นิ้ว หรือ 115.2 มม. กว้าง 2.31 นิ้ว หรือ 58.6 มม. หนา 0.37 นิ้ว หรือ 9.3 มม. น้ำหนัก 4.8 ออนซ์ หรือ 137 กรัม

ความจุ – Capacity

16 GB 32 GB

มีสองเฉดสีเช่นเดิมคือ ขาว ดำ

รองรับระบบโทรศัพท์ – Cellular and wireless

UMTS/HSDPA/HSUPA (850, 900, 1900, 2100 MHz) GSM/EDGE (850, 900, 1800, 1900 MHz 802.11b/g/n Wi-Fi (802.11n 2.4GHz only) Bluetooth 2.1 + EDR wireless technology สิ่งที่มาใหม่กับ ไอโฟน 4จี หรือ Iphone4 คือ Retina Display

Apple นั้นนับได้ว่าเป็นบริษัทที่ทั่วโลกไม่ว่าจะอยู่ในวงการไอทีหรือไม่ต่างให้ ความสนใจกันอย่างล้นหลาม ซึ่งต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งนั้นอันเนื่องมาจากภาพลักษณ์ของตัวบริษัทตลอดจน การออกแบบสินค้าที่มีความเรียบง่าย หรูหราสะดุดตา และที่สำคัญต้องไม่ลืมว่า Apple เองก็เป็นบริษัทที่นำนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้กับสินค้าของตนมาโดยตลอด และในการเปิดตัว iPhone 4 ที่เป็นสมาร์ทโฟนที่บางทีสุดในโลกนั้นทาง Apple ได้นำนวัตกรรมหน้าจอแบบใหม่ที่ทางบริษัทเรียกว่า Retina Display มาใช้กับ iPhone 4 ของตนด้วย

แต่ Retina Display คืออะไร และมันจะมีระโยชน์ต่อ iPhone เวอร์ชั่นใหม่นี้อย่างไร? ถ้าจะให้อธิบายง่ายๆ ก็คือ Retina Display คือจอ LCD ที่ทำการอัดความหนาแน่นของเม็ดพิกเซลเข้าไป โดยจะสังเกตได้ว่าหน้าจอของ iPhone 4 นั้นมีขนาดเท่ากันกับ iPhones 3GS คือ 3.5 นิ้ว (วัดตามแนวขวาง) แต่สิ่งที่แตกต่างก็คือความละเอียดหน้าจอของตัว iPhone 4 นั้นจะมีความละเอียดสูงกว่าคือ 960×640 พิกเซล ซึ่งสามารถคิดค่าความหนาแน่นของเม็ดพิเซลได้เป็น 326 พิกเซลต่อพื้นทีหนึ่งตารางนิ้ว (pixels per inch หรือ ppi)

ในทางกลับกันเมื่อหันมาดูหน้าจอของ iPhone 3GS ทีมีขนาดเท่ากันนั้นจะพบว่าตัวจอภาพมีความละเอียดเพียง 480×320 และมีความหนาแน่นของเม็ดพิกเซลเพียง 163ppi เท่านั้น ก็คงจะจินตนาการกันได้ไม่ยากว่าหน้าจอแบบใหม่นี้จะดีกว่าแบบเก่าเพียงใด

ถ้าใครได้ฟัง Steve Jobs ขึ้นกล่าวคุณสมบัติของหน้าจอ Retina Display เมื่อคืนแล้วก็จะพบว่าซีอีโอคนดังได้กล่าวว่าจะมีอยู่จุดจุดหนึ่งที่ตาของคน เรานั้นจะไม่สามารถมองเห็นจุดพิกเซลเป็นเม็ดๆ ได้อีกต่อไป ซึ่งเจ้า “เลขมหัศจรรย์” ตังดังกล่าวนั้นจะอยู่ที่ราว 300ppi และเมื่อมาพิจารณาความหนาแน่นของพิกเซลบนหน้าจอของ iPhone 4 ที่อยู่ที่ 326ppi แล้วก็จะเห็นว่าภาพทีได้ออกมานั้นน่าจะดูเรียบ คมชัด และไม่มีขอบหยักน่าเกลียดของเม็ดพิกเซลให้เห็น

นอกจากค่าความหนาแน่นของพิกเซลและความละเอียดทีเพิ่มขึ้นแล้ว หน้าจอ Retina Display ของ iPhone 4 ยังได้รับการพัฒนาอัตราส่วนความคมชัด (Contrast Ratio) ให้มากขึ้นกว่าเดิมถึง 4 เท่าด้วยกันเมื่อเทียบกับจอของ iPhone รุ่นก่อนหน้าโดยนอกจากจอภาพที่ใช้จะเป็นแบบ LED backlit แล้ว ทาง Apple ยังนำเทคโนโลยี In-Plane Switching (IPS) ที่ใช้ในจอ iMac ทั้งหลายมาใช้กับจอ Retina Display นี้ด้วย ผลที่ได้คือมุมที่สามารถมองภาพได้อย่างคมชัดนั้นจะเพิ่มมากขึ้น ตลอดจนสีสันที่จะสวยงามสมจริงมากขึ้นด้วย

และนี่คือส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ทาง Apple ได้มอบให้กับผู้ใช้งานครับ

ที่มา: PCWorld

สรุปคือจากภาพด้านบนแล้ว จะเห็นได้ชัดเจนว่า ไอโฟน4 จะมีความคมมากว่า 3จีเอส

ปัญหาที่พบกับ ไอโฟนสี่จี Iphone 4G Problem.

จากภาพด้านบนก็สามารถอธิบายได้ชัดเจนว่า ไอโฟน4 ที่ว่าดีนักดีหนา มันมีอะไรตามมา
จากที่มีรายงานว่า iPhone 4 มีปัญหาด้านฮาร์ดแวร์หลายจุด เว็บไซต์ Mashable เลยทำโพลสอบถามเจ้าของ iPhone 4 ว่าเจออะไรกันบ้าง แล้วสรุปมาเป็นแผนภาพดูเข้าใจง่าย

ปัญหาที่เจอกันเยอะๆ มี 3 เรื่อง

* เอามือจับขอบแล้วสัญญาณหด เลยต้องออกมาเอาที่กันกระแทกออกมาให้
* จอภาพ Retina Display มีสีเหลือง เทคโนโลยีชิ้นนี้ก็มีปัญหา
* กระจกเป็นรอยง่ายทั้งหน้าและหลัง และแตกลายใยแมงมุมได้ อันนี้เน่าเลย ไม่ต้องพูด

ใครตั้งใจจะซื้อล็อตแรก อาจต้องหาข้อมูลกันเพิ่มเติมหน่อยเพื่อความชัวร์ครับ

Credit: http://www.postjung.com/
5 ต.ค. 53 เวลา 04:44 2,711 10 92
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...