10อันดับพยาธิสยองโลก
พยาธิ
เป็นสิ่งมีชีวิตประเภทปรสิต
ดำรงชีวิตอยู่ได้โดยการแย่งและดูดซึมสารอาหารจากร่างกาย
และสืบพันธุ์ในร่างกายของคนและสัตว์
บางชนิดก็ไม่ก่อความเดือดร้อนต่อร่างกายคนและสัตว์ที่มันอาศัยอยู่
เพียงแต่แย่งดูดซึมอาหารเท่านั้น
บางชนิดก็ก่อให้เกิดพยาธิสภาพรุนแรงถึงชีวิตได้ถ้าไม่ได้รับการรักษาได้
บนโลกนี้มี พยาธิอยู่จำนวนมากกว่า 3200 ชนิด
และวันนี้เราได้คัดเลือกพยาธิที่สยดสยอง และน่าขยะแขยง
ที่เหลือเชื่อว่ามันมีอยู่จริง
บางชนิดอยู่ใกล้ตัวเราอย่างไม่น่าเชื่อ.......(อันดับ 1
ไม่แน่ใจว่าเป็นชนิดเดียวกับบิ๊ก ดี ทู บี ที่เป็นโรคกัดกินสมองหรือเปล่า
ขอไปดูก่อน)
อันดับ 10 Taeniasis (Tapeworm)
พยาธิ
ตัวตืด มีอยู่ 2 ชนิดที่สามารเข้าร่างกายของคนได้ คือ ตัวตืดวัว (Taenia
saginata) และตัวตืดหมู (Taenia solium) ลักษณะโดยทั่วไป คือ ตัวแบน
คล้ายเส้นข้าวซอย มีความยาวหลายเมตร ลำตัวเป็นปล้องๆ สีขาวขุ่น
ที่สยองก็อย่างที่เห็นในภาพคือมันจะหลุดปนออกมากับอุจจาระคน
หรืออาจจะคืบคลานออกมาจากทวารหนัก สยองหนักไปอีกคือภายในตัวมันจะมีไข่พยาธิ
วัวXXXหรือหมูกินไข่พยาธิเข้าไปแล้ว ไข่จะโตเป็นระยะตัวอ่อนเรียก
เม็ดสาคู เมื่อคนกินเนื้อหมู วัว XXXแบบดิบหรือสุกๆ ดิบๆ
ตัวอ่อนก็จะโตเป็นพยาธิตัวแก่ในลำไส้เล็กของคน
จากนั้นก็ซอนไซไปยังอวัยวะต่างๆ เช่น สมอง ตา หัวใจ ปอด และกล้ามเนื้อ
ทำให้เกิดอาการอาการหิวบ่อย รับประทานอาหารมาก แต่ร่างกายผอมลง
รู้สึกอ่อนเพลีย อาการทางประสาท นอนไม่หลับหรือเวียนศีรษะ
มีอาการท้องอืดท้องเฟ้อ ไม่สบายท้อง และอาจมีอาการท้องเสียร่วมด้วย
เนื่องจากคนถูกตัวตืดแย่งอาหาร ) บางทีรุนแรงอาจถึงตายได้
อันดับ 9 Bot Fly Larva
แมลง
วันตัวเบียน เป็นแมลงที่พบเห็นได้ทั่วโลก ส่วนมากจะอยู่ในแถบแอฟริGood Game
ลางและใต้ มีอยู่หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นแมลงวันตัวเบียนม้า,
แมลงวันตัวเบียนกวาง
แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือแมลงวันตัวเบียนคนโดยแมลงวันตัวเบียนคนนี้จะวางไข่บน
บนยุงหรือแมลงอะไรก็ตามที่บินเกาะคนอยู่บ่อยๆ เมื่อยุงดูดเลือดคน
ไข่ของแมลงวันตัวเบียนจะย้ายมาอยู่บนผิวหนัง
แล้วเมื่อมันเจริญเติบโตจากดัดแด้และก็มาเป็นหนอนดัดแก้อยู่ใต้ผิวหนัง
จากนั้นมันจะกินน้ำเลี้ยงและเนื้อบางส่วนของผิวหนังของเรา
วันดีคือดีมันอาจซอนไซเพื่อกินอวัยวะต่างๆ ในร่างกายของเรา เช่น สมอง,
ลูกนัยต์ตา,อัณฑะ พอถึงเวลาโตเต็มที่ก็จะดันตัวออกมา
เสมือนเอเลี่ยนโผล่จากร่างกายของคนยังไงอย่างงั้น
และเราขอเตือนว่าอย่าพิมพ์คำว่า Bot Fly Larva
ลงในXXX้เกิ้ลเพื่อหารูปเด็ดขาด
เพราะไม่งั้นคุณจะเจอภาพที่สยดสยองจนคุณลืมไม่ลง
(ก็มีรูปหนอนแมลงวันอยู่ในสมองเอย, รูปหนอนในผิวหนัง, หนอนในดวงตา นิดๆ
หน่อยๆ)
อันดับ 8 Ascaris infection
คุณ
เห็นภาพนี้อาจอ้วกได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่านี้คือเรื่องจริง
และมันเกิดขึ้นแล้วในรอบตัวเรา พยาธิที่เห็นคือพยาธิไส้เดือน
ว่ากันว่าเป็นพยาธิที่เข้าไปอยู่ร่างกายคนถึงหนึ่งในสี่ของประชากรโลก
มักเกิดขึ้นในเขตร้อน
และเข้าไปสู่ร่างกายของเขาจากการรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนไข่พยาธิ
และเมื่อไข่เจริญเติบโตที่ลำไส้เล็ก ตัวเมียจะออกไข่ประมาณ 200,000
ฟองต่อวัน!!(คิดดูสิในท้องเราเต็มไปด้วยพวกนี้จะสยองขนาดไหน)
บางส่วนอาจออกมาพร้อมอุจจาระ
แต่ในขณะที่บางส่วนสยองกว่านั้นคือมันซอนไชผ่านผนังลำไส้ เข้าไปสู่ปอด
และออกมายังทางเดินหายใจ
ก่อนจะถูกกลืนกลับเข้าไปและเจริญเป็นตัวเต็มวัยในลำไส้ซึ่งมีความยาวถึง 30
เซนติเมตร (ประมาณ 12 นิ้ว) เกาะติดกับผนังของลำไส้(ตัวเต็มวัยมีอายุถึง 1-
2 ปี) ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการอักเสบ ไข้ และท้องเสีย ปวดท้อง(ท้องมานโต)
และมีอาการแทรกซ้อนจากการไชไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกายของพยาธิตัวอ่อน
เช่นเคยอย่าพิมพ์คำว่า Ascaris infection ในXXX้เกิ้ลเพื่อดูรูปเด็ดขาด เราเตือนคุณแล้ว
อันดับ 7 Onchocerciasis
หรือ
ชื่อไทยว่า ตาบอดแถบแม่น้ำ (River blindness, onchocerciasis)
เนื่องจากว่าแหล่งเพาะเชื้อนี้อยู่ที่แม่น้ำ โดยพาหนะนำเชื้อคือ ริ้นดำ
ที่มีแหล่งเพาะพันธุ์ตามน้ำไหล โดยวางไข่บนผิวน้ำ
หรือใต้ผิวน้ำและเมื่อเกิดมาก็เป็น ตัวอ่อนของพยาธิตัวกลมชนิด Onchocerca
volvulus อาศัยอยู่ตามลำธารใกล้ก้อนหินและวัตถุอื่นๆ
มีการเคลื่อนไหวคล้ายหนอนคืบ และเมื่อมาสู่คนโดยเข้าทางตา
หนอนจะเข้าไปในตาคน ทำให้สายตาเสียและตาบอด โรคนี้ระบาดมากในชนบทของแอฟริกา
อเมริGood Game ลาง และอเมริกาใต้
สำหรับในประเทศไทยยังไม่พบการระบาด แต่กระนั้นยังสงสัยอยู่เมื่อค้นหาXXX้เกิ้ลพบว่าประเทศที่เกิดโรคนี้มันมีประเทศไทยรวมอยู่ด้วย
อันดับ 6 Lymphatic Filariasis
โรค
เท้าช้าง เป็นโรคที่เกิดจากหนอนพยาธิตัวกลมฟิลาเรีย
มีลักษณะคล้ายเส้นด้ายอาศัยอยู่ในระบบน้ำเหลืองของคน โดยมียุงเป็นพาหะนำโรค
มีอาการที่เห็นได้ชัด คือ ขา แขน หรืออวัยวะเพศบวมโตผิดปกติ
เนื่องจากภาวะอุดตันของท่อน้ำเหลือง
โรคนี้มักเกิดมากในเขตร้อนเช่นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแอฟริกา
โดยจะเกิดการอุดกั้นหลอดน้ำเหลือง
อันดับ 5 Guinea Worms
พยาธิ
กีนีเป็นพยาธิที่พบมาแอฟริกา, อเมริกาใต้ และเอเซีย อินเดีย ปากีฯ ซาอุ
เยเมน จัดเป็นพยาธิที่เก่าแก่ที่สุดตัวหนึ่งที่โลกรู้จักมาแต่โบราณ
โดยพยาธิตัวร้ายนี้เวลาเป็นตัวอ่อนมันจะอาศัยอยู่ในน้ำ
ถ้ามีคนกินน้ำดิบที่มีมันเข้าไป ตัวอ่อนจะไชผ่านผนังลำไส้ออกมาอยู่ที่ขา
ซึ่งพยาธิตัวเมียเส้นยาว 70 ถึง 120 เซนติเมตร
เส้นผ่าศูนย์กลางลำตัวระหว่าง 0.09-0.17 เซนติเมตร
พอมันจะวางไข่มันจะทำให้เกิดแผลที่ ขา ข้อเท้า หรือ เท้า
ซึ่งจะปวดแสบปวดร้อนมากจนมันมีอีกชื่อว่า fiery serpent
ทำให้ผู้ป่วยทนไม่ได้ต้องเอาเท้าไปแช่น้ำ มันก็จะปล่อยไข่ออกมาสู่แหล่งน้ำ
วิธีการรักษาที่นิยมคือผ่าเอาออก
หรือเมื่อมันโผล่ออกมาจากแผลเปิดให้เอาไม้เล็กๆ
พันปลายของมันแล้วค่อยๆม้วนดึงออกมาทีละนิดไม่ให้ขาด
อาจใช้เวลาตั้งแต่หลายวัน จนถึงหลายสัปดาห์กว่าจะดึงออกมากหมด(สยองมากๆ)
ในปัจจุบันพยาธินี้หายากมากซึ่งจากการสำรวจพบผู้ป่วยเพียง 1% เท่านั้น
อันดับ 4 Cutaneous leishmaniasis
ลิ
ชมานิเอซิสของผิวหนัง เป็นการติดเชื้อโปรโตซัว
ที่ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยการเป็นปรสิตของคนและสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดอื่น ๆ
เกิดจากริ้นฝอยทรายที่มีเชื้อโรคกัดสัตว์ เช่น วัว สุนัข แมว หมู หนู
กัดสู่คน
เมื่อเชื้อเข้าไปในภายในเซลล์มันจะอาศัยอยู่
ทำให้เกิดโรคเริ่มจากมีตุ่มกลมแข็งขนาดเล็ก ๆ บนผิวหนัง แล้วมีขนาดใหญ่ขึ้น
ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นแผลเปื่อยและมีอาการปวดบ้างเล็กน้อย
อันเป็นลักษณะทั่วๆ ไปของโรคนี้ รอยของโรคจะเป็นแผลเดียวหรือหลายแผลก็ได้
ในบางครั้งพบบ้างที่ไม่มีร่องรอยหรือพบเพียงรอยแผลกระจายบางๆ
ซึ่งรอยแผลนี้อาจจะหายไปเองได้ต้องใช้เวลานานนับหลายสัปดาห์จนถึงหลายเดือน
หรือเป็นปี หากไม่รักษาแบบถูกวิธีอาจตายได้
โรคนี้ไม่พบในประเทศไทย แต่พบชาวต่างชาติเข้ามารักษาในประเทศไทยมากกว่า ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น ชาวปากีสถาน ชาวอินเดีย และชาวบังคลาเทศ
อันดับ 3 Screw-worm fly
แมลงวันซอนไซแผลหรือแมลงวันหัวเขียวนั้นแหละ
โดยทั่วไปแมลงวันธรรมดาก็น่ากลัวอยู่แล้ว แต่แมลงวันที่มีตาสีแดง
ตัวสีน้ำเงิน-เขียวเงา
ซึ่งมันจะวางไข่ที่บาดแผลของสัตว์รวมทั้งมนุษย์(โฮสท์)
และสามารถวางไข่บนจมูก ปาก หูและตาของสัตว์ได้อีกด้วย
หลังจากตัวหนอนฟักออกมาจากไข่
หนอนแมลงจำนวนมากจะอาศัยอยู่ในตัวสัตว์ที่มันวางไข่นั้นๆ(โฮสท์)
เพื่อดูดกินเนื้อเยื่อ ของเหลว หรืออาหารที่กินเข้าไป
ซึ่งสามารถเกิดขึ้นทุกจุดร่างกายไม่ว่าจะเป็น
ผิวหนังหรือชั้นใต้ผิวหนัง(หนอนแมลงวันไต่ขึ้นบนแล้วมาดูดกินเลือด),
ในทางเดินอาหาร, ที่เกิดในกระเพาะปัสสาวะ,ในอวัยวะสืบพันธุ์หญิง
อันดับ 2 African trypanosomiasis
โรค
อัฟริกันทริปาโน(African Trypanosomiasis ) หรือโรคง่วงหลับ
เป็นชื่อโรคร้ายแรงในแอฟริกา โดยสาเหตุเกิดจากติดเชื้อปรสิต Trypanosoma
gambiense โดยมีพาหนะมาจากแมลง tsetse (ซึ่งมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า
Glossina palpalis)เวลากัดคนหรือสัตว์เลี้ยง
ตัวปรสิตมัจจุราชนี้จะแพร่เข้าสู่ร่างกายคน และเมื่อเวลาผ่านไปเพียง 8
ชั่วโมง มันจะเริ่มแบ่งตัว
การแพร่พันธุ์อย่างรวดเร็วนี้มีผลทำให้คนที่ได้รับเชื้อมีไข้สูง
ร่างกายสั่นหนาว มีอาการปวดศีรษะรุนแรงจนอาเจียน
และเมื่ออาการไข้กำเริบมากคนไข้จะชัก พูดละเมอเพ้อคลั่งและกระสับกระส่าย
หรือถ้าคนไข้ไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที
พิษไข้ก็จะระบาดถึงสมองทำให้เขาต้องหลับสนิทติดต่อกันจนเสียชีวิตในที่สุด
และนี่ก็คือที่มาของชื่อโรคชนิด
ในอดีตเมื่อประมาณ 100 ปีมาแล้ว
คนแอฟริกาถูกไข้ง่วงหลับคุกคามมากจนมีคนล้มตายมากมหาศาล
เหตุการณ์นี้นอกจากจะสกัดกั้นการเดินทางเข้ามาเผยแพร่คริสต์ศาสนาของเหล่า
มิชชันนารีแล้ว ยังทำให้ชาวยุโรปนักล่าอาณานิคมต่างๆ
ต้องยับยั้งชั่งใจที่จะบุกสำรวจหรือยึดครองแอฟริกาด้วย
ปัจจุบันโรครนี้ยังคงอยู่ในแอฟริกา โดยส่วนใหญ่เกิดขึ้น
ทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกา ไม่ว่าจะเป็นประเทศ ซูดาน, แคเมอรูน, ซาเอียร์,
แองโกลา, อูกันดา
อันดับ 1 Naegleria
ฟัง
ดูเหมือนหนังพวกเอเลี่ยนเกณฑ์ B ไม่มีผิด กับ “อะมีบากินสมอง”
สายพันธุ์เน็กกลีเรียเป็นสิ่งมีชีวิตเซลเดียว ประเภทโปรโตซัว
ขนาดเล็กเพียง 7-20 ไมโครเมตร ความจริงมันไม่ได้กินสมองคน
หากแต่ทำให้เกิดทางอาการสมอง และเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
อะมีบ้ากินสมองนั้นพบได้ตามธรรมชาติทั่วโลกตามแหล่งน้ำที่ไหลช้าๆ
และในดินโคลน ในอุณหภูมิสูง 37 - 40 ํC จึงอาจพบได้ในน้ำพุร้อน
สามารถเข้าสู่สมองโดยการที่มีการสำลักน้ำหรือสูดหายใจไอละอองน้ำ
ที่มีเชื้อปะปนอยู่
และเมื่อเข้าสู่สมองคนมันแพร่พันธุ์แตกตัวกัดกินสมองจนผู้ป่วยเสียชีวิตใน
ที่สุด(ภาพข้างบนคือมันมี 3 ระยะ) โดยมีอาการเริ่มแรกคือปวดหัว มีไข้ ปวด
ต่อมาคอแข็ง สับสนและซึมลง ตาพร่า แขนขาเป็นอัมพาต และส่วนใหญ่จะเสียชีวิต
หากรักษาช้า และจะเสียชีวิตภายใน 10 วัน
แม้อะมีบ้าชนิดนี้พบทั่วโลก
แต่โรคนี้เกิดขึ้นน้อยมาก โอกาสที่เกิดน้อยมาก ยิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่ 1
สักอีก และในประเทศไทยมีคนเป็นโรคนี้ 6 ราย เท่านั้น(และตายหมดทั้ง 6 ราย)