.
.
.
.
3G มันคืออะไร มีความหมายยังไง
อย่างแรก 3G มันไม่ใช่ชื่อเทคโนโลยีนะครับ มันเป็นการแบ่งช่วง แบ่งยุคของโทรศัพท์เคลื่อนที่
เรียงลำดับกันมาแบบนี้ก่อน
- 1G
เริ่มมีกันครั้งแรกบนโลกตั้งแต่ปี 1980 เป็นการสื่อสารแบบ Analog
ก็ยุคที่มือถือนึงมีหูหิ้วอย่างกับกระเป๋า หรือว่าหน้าตาเหมือนกระดูกหมา
เครื่องใหญ่ๆ คาดเอวเอาไว้คุยกันอย่างเดียว อย่างในรูปก็ motorola dynatac 800x
- 2G
ถ้าใครที่อายุเลข 2 กลางๆ ขึ้นไปน่าจจะทันได้ยิน หรือได้เห็นโฆษณา
หรือ worldphone 800 ที่กลายมาเป็น worldphone 1800 และกลายเป็น dtac
ก็ืถือว่าเป็นการเปลี่ยนเทคโนโลยีของโทรศัพท์ในระลอกที่ 2
จากที่เคยใช้แค่โทรออก รับสาย
ก็เริ่มเรื่องมีบริการพวก non-voice เข้ามาละ
เช่น ดาวน์โหลดริงโทน วอลเปเปอร์ โดยผ่าน GPRS/Edge
เริ่มมีการท่องเว็บบนมือถือบ้าง อย่างสปีดอินเตอร์เน็ตจากไม่กี่ 10 K ก็วิ่งกันได้ 100 กว่าๆ
พูดง่ายๆ ก็คือยุคของเครือข่ายโทรศัพท์ที่เราใช้ๆ กันอยู่ทุกวันนี้ล่ะครับ
- 3G
คราวนี้ถึงยุคที่เครือข่ายโทรศัพท์จะไม่ใช่แค่โทรออกรับสาย
มันก็กลายเป็นสื่อในการนำส่งข้อมูลต่างๆมากมาย ทั้งภาพ ทั้งเสียง
อินเตอร์เน็ตความเร็วสูงและอื่นๆ จากที่เคยวิ่งกันได้ 100 ก็ว่า k ก็เริ่มกันที่หลักเม็ก
พูดง่ายๆ 3G ในอีกมุม ก็เหมือนอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงแบบที่ใช้ในบ้าน
แต่ไม่ต้องใช้สายโทรศัพท์ เราพกพามันออกนอกบ้านไปไหนมาไหนกับเราได้
ในพื้นที่ห่างไกล ถ้ามีการวางโครงข่ายโทรศัพท์แบบ 3G
คนในพื้นที่นั้นๆ ก็สามารถเข้าถึงอินเตอร์เน็ความเร็วสูงได้ โดยผ่านอุปกรณ์ที่รองรับ
ก็เพราะมันเป็นมีความเป็น mobile internet
เราก็เลยจะเห็นพวก usb modem
หรือว่า เห็น 3G Router ที่เสียบซิมโทรศัพท์สำหรับต่อคอมตั้งโต๊ะวางขาย
ตามศูนย์มือถือใหญ่ๆ สนนราคาแค่หลักพัน
ขณะที่พื้นที่ห่างไกล เมื่อก่อนใช้อินเตอร์เน็ตดาวเทียม
ลงทุนครั้งแรกหลักหมื่น ค่าใช้จ่ายหลักพัน
ตอนนี้ผู้ให้บริการเครือข่ายหลักๆ อย่าง AIS DTAC TrueMove
ก็มีให้ทดลองในบางพื้นที่บริการ เช่น ตามหัวเมืองใหญ่ หรือบางจุดใน กทม.
- ถ้ามีการเปิดเครือข่าย 3 G แล้ว พวก 2G จะโทรหากับเครื่องที่ใช้ 3G ไม่ได้หรือปล่าว
เอิ่ม..อันนี้เ็ป็นข้ออ้างของบางคน
ในหน่วยงานร้องเมี้ยวที่เสียผลประโยชน์จริงๆนะ
เอาเป็นว่าไม่ต้องกังวลใจว่ามันจะโทรหากันไม่ได้ครับ
การใช้เวลาติดตั้งโครงข่าย 3G แบบครอบคลุม
ทั่วประเทศ คงใ้ช้เวลาประมาณ 5 ปี
ยังมีเวลาเปลี่ยนเครื่องใหม่ ซิมใหม่อีกเยอะครับ
โอเปอเรเตอร์คาดหวังว่า
จะมีผู้ใช้บริการ 2G เปลี่ยนเข้ามาใช้ 3G ซัก 15% ในช่วงแรก
แล้วอีกอย่าง เครื่องที่ขายทุกวันนี้ ก็ใช่ว่าจะรองรับ 3G ไปซะทั้งหมด
- ถ้าซื้อโทรศัพท์ตอนนี้จำเป็นต้องซื้อแบบรองรับ 3G มั้ย
ถ้ามีเครื่องไว้โทรออกรับสายแค่นั้น
ในความเห็นผม ก็ไม่จำเป็นครับ อย่างน้อยก็ ณ ตอนนี้นะ
- จะซื้อโทรศัพท์ที่รองรับ 3G จะดูยังไง
ไม่ว่าเหตุผลของการซื้อจะเอาไปใช้แทน Modem ไว้ใช้งานอินเตอร์เน็ตบนโทรศัพท์มือถือ
หรือซื้อเพราะเผื่ออนาคตก็เถอะ
ถ้าจะมองหาโทรศํพท์ที่รองรับ 3G
เวลาดูตารางคุณสมบัติโทรศํพท์เคลื่อนที่
ให้ดูตรงที่การรองรับเครือข่ายครับ
ดูตารางไหน ที่เขียนว่า GSM 800/900/1800
ก็ดูต่อไป ถ้ามันมีเลข 2100 นั่นล่ะครับ รุ่นนี้รองรับ3 G
ขออ้างถึงเฉพาะระบบ GSM นะครับ
เพราะยังไงบ้านเราใช้ระบบนี้เยอะกว่า CDMA
- ค่าบริการโทรศัพท์มือถือจะแพงกว่าที่จ่ายอยู่ตอนนี้มั้ย เห็นเค้าลือๆกัน
และอยากทดลองใช้ 3G มีใครให้บริการบ้าง
ก็ไม่รู้ว่าทำไม พอเห็นว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่
ชอบโวยวายดักคอกันไปก่อนว่า มันต้องแพง ราคามันต้องแรง
ลองเปิดใจรับข้อมูลกันนิดนึงก่อนกว่า้เนอะ
ตอนนี้มีผู้ให้บริการ 3G ในกรุงเทพฯ เชิงพาณิชย์จริงๆ ก็มีของค่าย TOT
และผู้ให้บริการรายอื่นๆ ที่ไม่ไ่ด้โครงข่ายตัวเอง ที่เขาเรียกว่า MVNO
MVNO คืออะไร
อืม..นึกภาพพ่อค้าที่ไปรับสินค้าจากโรงงานมาขายก็แล้วกัน
ถ้าสนใจก็จิ้มรายชื่อตามข้างล่างนี้ไปครับ
ในเว็บเหล่านี้เขามีรายละเอียดเรื่องราคา และโปรโมชั่นอื่นๆ
ถ้ากวาดสายตาไป มันก็ไม่ได้แพงไปกว่า
ที่เราต้องจ่ายกันในตอนนี้ซักกี่มากน้อยหรอกครับ
- www.tot3g.net
- www.ifoxonline.com
- www.mojo3g.com
- www.i-kool.net
- www.i-mobile3gx.com
- www.365.co.th
ทิ้งท้ายกันดื้อๆว่า
ผมคิดว่าคนไทยมีโทรศัพท์เคลื่อนที่ใช้กันมาก็หลายปี
ในแต่ละขวบปี เทคโนโลยีข้างๆตัว
มันก็มีการเปลี่ยนแปลงตามยุคทั้งนั้นครับ
ทุกวันนี้ก็ไม่มีใครใครใช้โทรศัพยุคกระเป๋าหิ้ว หรือกระติกน้ำ จริงมั้ย
เมื่อถึงเวลาที่มันต้องเปลี่ยน
ปรกติเราเปลี่ยนเครื่อ เปลี่ยนซิมไปตามอายุขัยกันอยู่แล้ว
ไม่ต้องไปตื่นตกใจล่วงหน้าแบบหาเหตุผลไม่เจอครับ