ความฝันกับ 1 ปีที่รอคอยของโรนัลโด้

หลังจากที่มีกระแสข่าวการย้ายทีมตลอดเวลา ในที่สุดดูเหมือนความฝันที่จะได้ใส่ "ชุดขาว" ของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ใกล้จะเป็นความจริงเข้าไปทุกขณะ เมื่อทางด้านต้นสังกัดยอมรับข้อเสนอที่จะทำให้เจ้าตัวกลายเป็นนักฟุตบอลเจ้าของค่าตัวแพงที่สุดในโลกในบัดดล

 

80

เหตุผลไม่มีอะไรยาก

และความจริงก็ต้องเปิดเผยกันด้วยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานี้นั้น ทุกอย่างมันได้ถูก "กำหนด" เอาไว้เนิ่นนานแล้ว

เรื่องราวการย้ายทีมของ โรนัลโด้ แบบ "เข้มข้น" ต้องย้อนหลังกลับไปเมื่อฤดูกาลที่แล้ว ในช่วงที่ปีกโปรตุเกสก้าวผ่านจากการเป็นยอดดาวรุ่งพรสวรรค์สูงคนนึงมาสู่การเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดคนหนึ่งของโลกยุคใหม่

นาทีนั้น ทุกอย่างสำหรับโรนัลโด้ นั้นหอมหวานไปหมด ไม่ว่าจะเป็นผลงานในสนามกับสถิติการพังประตูที่ยากจะเชื่อว่าจะมีผู้เล่นในตำแหน่ง "ปีก" ที่ยิงได้ถึง

แต่อาการ "โลเล" ของโรนัลโด้ กลับสวนทางกับผลงานที่สุดยอดกับแมนฯ ยูไนเต็ด โดยเฉพาะถึงขั้นการประกาศตัวหลังจบฤดูกาลว่าต้องการจะย้ายไปเล่นให้กับ "ทีมในฝัน" อย่าง เรอัล มาดริด ซึ่งถือเป็นคำประกาศที่กล้าหาญอย่างมาก เมื่อคิดถึงว่ามันไม่ต่างอะไรจากการ "ตบหน้า" ปรมาจารย์ลูกหนังอย่าง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน สองฉาดใหญ่

"มหากาพย์" การย้ายทีมของ โรนัลโด้ จึงอุบัติขึ้นนับจากนั้น ท่ามกลางการต่อสู้กันอย่างหนักหน่วงทั้งหน้าฉากและหลังฉากของ

อย่างไรก็ดีท้ายที่สุดแล้วชัยชนะก็ตกอยู่กับทางด้าน แมนฯ ยูไนเต็ด และเฟอร์กี้ ที่ลงทุนบินไปกล่อมตัวนักเตะเองถึงโปรตุเกส ในช่วงหลังจบฟุตบอลยูโร

ล้านปอนด์ คือเงินก้อนมหาศาลที่แมนฯ ยูไนเต็ด จะได้รับจาก เรอัล มาดริด หลังจากที่มีการเจรจากันมาหลายคำรบตลอดขวบปีที่ผ่านมา ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ "ปีศาจแดง" ไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไป- เมื่อนักเตะไม่มี "ใจ" ก็ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะรั้งกันไว้อีก42 ประตูในฤดูกาลเดียว แนวโน้มมันชัดเจนว่าโลกลูกหนังกำลังจะสยบอยู่ใต้แทบเท้าของเขา3 ฝ่ายคือ แมนฯ ยูไนเต็ด ,เรอัล มาดริด และตัวของโรนัลโด้ เอง ที่พยายายามงัดทุกกลเม็ดออกมาเพื่อให้ได้ย้ายทีมสมใจ2008

วันนั้นไม่มีใครรู้ว่าเนื้อหาในการสนทนาที่แท้จริงระหว่างเฟอร์กี้ กับโรนัลโด้ จะเป็นเช่นไร

แต่หลายคนคาดเดาเอาไว้ว่าน่าจะมีการทำ "สัญญาลูกผู้ชาย" กันระหว่างทั้งสองว่าเฟอร์กี้ จะยินดีรับเรื่องการย้ายทีมไว้พิจารณาในฤดูกาลหน้า แต่ขอให้ฤดูกาลนี้โรนัลโด้ อยู่ช่วยทีมไปก่อนอีกปี เพราะการจะเสียนักเตะหมายเลขหนึ่งของทีมไปทั้งที่เพิ่งจะประสบความสำเร็จสูงที่สุดฤดูกาลหนึ่ง มันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะเกิดขึ้นกับสโมสรที่พยายามตั้งตัวเป็นหมายเลขหนึ่งของโลกอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด

เฟอร์กี้ ยังพยายามปกป้องโรนัลโด้ โดยชี้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเกิดขึ้นเพราะยังเด็กเกินไป และอาจหวั่นไหวไปกับตัวเลขเงินๆทองๆ รวมถึงโอกาสที่จะได้สวมเสื้อทีมที่ฝันถึงตั้งแต่เด็ก (ซึ่งแม้แต่ แม่ของโรนัลโด้ ก็เชียร์ออกนอกหน้าให้ย้ายทีม)

สุดท้าย โรนัลโด้ ก็ค่อยๆ "เนียน" กลับมาสวมเสื้อแมนฯ ยูไนเต็ด อีกครั้ง โดยอาศัยช่วงระยะเวลาที่รักษาอาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าเป็นตัวช่วยบรรเทาความขัดแย้งกับแฟนๆที่ไม่พอใจการกระทำของปีกจอมยโสอย่างแรง

และท้ายสุด โรนัลโด้ ก็ค่อยๆกลับมาเป็นกำลังสำคัญของแมนฯ ยูไนเต็ด อีกครั้ง ซึ่งแม้ฟอร์มในช่วงแรกหลังหายเจ็บกลับมาจะไม่ร้อนแรงนัก แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าผลงานในช่วง

ขณะที่ข่าวลือเรืองการย้ายทีมยังมาเป็นระยะ โดยจะมีข่าวรายเดือนให้ตื่นเต้นกันเรื่อยๆ แต่ในช่วงที่ผ่านมานั้นเจ้าตัวก็มีท่าทีเปลี่ยนไป โดยยืนยันเป็นมั่นเหมาะว่า "รัก" "มีความสุข" และเชือว่าโอลด์ แทรฟฟอร์ด คือ "ที่" ของเขาแล้ว

แน่นอนว่าคำพูดเหล่านี้มันย่อมน่าฟังมากกว่าการพูดบอกว่าการบอกว่าไม่อยากอยู่กับทีมต่อไป เหมือนที่เขาเคยพูดก่อนนี้

แต่ใครจะรู้ว่า ลมปากหอมหวานเหล่านั้นมันคือการเรื่อง

ใช่

ตัวอาจจะอยู่ที่แมนเชสเตอร์ แต่ใจของเขามันลอยไปที่มาดริด ตลอดเวลา

สิ่งที่น่าเศร้ากว่านั้นคือ คำหวานของโรนัลโด้ มันไปกลบคำพูดปริศนาของ รามอน กัลเดร่อน อดีตประธานสโมสรเรอัล มาดริด ที่บอกใบ้เอาไว้ว่ามีการ "ตกลง" กันระหว่างสองสโมสรแล้ว และใครก็ตามที่เข้ามาดูแลทีม ลอส บลองโก้ ต่อไปในฤดูกาลหน้า พวกเขาจะได้มรดกล้ำค่าที่ชื่อ คริสเตียโน่ โรนัลโด้

ระหว่าง (อดีต) ประธานสโมสรจอมโวที่ไม่เคยคว้าซูเปอร์สตาร์เข้ามาเสริมทีมได้แม้แต่คนเดียวตามที่เคยประกาศไว้

กับคำพูดจากปากของนักฟุตบอลที่คล้ายจะกลับตัวกลับใจใหม่

ทั้งที่หากย้อนกลับไปจะพบว่า "พ่อบุญธรรม" ของโรนัลโด้ ก็เคยพูดเอาไว้ว่า "สิ่งที่ทำให้โรนัลโด้ไม่ได้ย้ายทีมและเป็นความผิดพลาดก็คือการพูดถึง มาดริด มากเกินไป หากไม่มีการพูดถึงก็จะทำให้ทุกอย่างราบรื่นขึ้น"

อย่างไรก็ดี ในช่วงปลายฤดูกาลที่ผ่านมา ดูเหมือนว่า โรนัลโด้ จะเก็บอาการเบื่อเฟอร์กี้ เอาไว้ไม่อยู่

ปฏิกริยาต่อต้านที่โดนเปลี่ยนตัวออกในเกมพรีเมียร์ลีก ที่ฉุนถึงขั้นปาเสื้อทีมใส่เจ้าหน้าที่ และส่ายศรีษะตลอดเวลาทั้งที่สถานการณ์ตอนนั้นทีมนำอยู่และยังมีโปรแกรมต้องเล่นต่อเนื่องอีก มันทำให้หลายคนเริ่มฉุกคิด แม้เฟอร์กี้ จะออกมาปกป้องอีกครั้งหลังจากนั้นก็ตามว่าไม่ได้มีอะไรในกอไผ่

จากนั้นทุกอย่างก็เงียบไป จนกระทั่งถึงนัดชิงแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่โรนัลโด้ ดูจะขัดแย้งกับเฟอร์กี้อีกครั้ง เมื่อออกอาการ "เซ็ง" ทั้งในระหว่างเกมที่โดนนายใหญ่ดุเนื่องจากพยายามเล่นคนเดียวมากเกินไป และยังมีการให้สัมภาษณ์โจมตีแท็คติกการเล่นของ เฟอร์กี้ ว่า "ผิดพลาด" จนเป็นเหตุให้ทีมแพ้แบบหมดทางสู้

และจากนั้นก็มีคำพูดปริศนาอีกครั้งจากเจ้าตัว ที่ปฏิเสธที่จะยืนยันว่าจะอยู่ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ต่อไป โดยบอกเพียงว่า "ยังไม่รู้ ไว้ค่อยมาดูกันหลังจากนี้ ขอพักผ่อนก่อน"

นั่นคือจุดเริ่มต้นของกระแสข่าวการย้ายทีมอีกครั้งของ โรนัลโด้ ซึ่งประจวบเหมาะพอดีที่ เรอัล มาดริด แต่งตั้ง ฟลอเรนติโน่ เปเรซ เข้ามาเป็นประธานสโมสรอีกสมัย ซึ่งนโยบายของเปเรซ เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วในรหัส "กาลาคติกอส" ที่หมายถึงการรวบรวมซูเปอร์สตาร์ที่เก่งที่สุดในโลกเอามารวมกันให้ได้มากที่สุด

และถ้าจะคิดว่าการเดินหมากของ เปเรซ นั้นสุดยอดเนื่องจากประสบความสำเร็จอย่างง่ายดายในการเจรจาเพื่อคว้าตัว กาก้า เทพบุตรลูกหนังของเอซี มิลาน มาร่วมทีมด้วยสถิติโลก

แต่รายของโรนัลโด้ นั้นอย่างที่บอกว่าทุกอย่างมันมีการเคลื่อนไหวกันอย่างลับๆอยู่แล้ว และเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาความจริงก็ปรากฏในเรื่องคำพูดปริศนาของ กัลเดร่อน ที่ระบุว่ามีการทำข้อตกลงกันไว้แล้วในเรื่องของการซื้อ โรนัลโด้ ที่หาก เรอัล มาดริด ล้มเหลวขึ้นมาก็จะต้องจ่ายค่าเสียหายมหาศาล

3 เดือนหลังสุดนั้น ปีกจอมสับคือส่วนสำคัญในการพาทีมป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 สมัย และได้เข้าชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกสมัยด้วย "โกหกคำโต" และมันเป็นการพูดความจริงแค่ด้านเดียวเท่านั้น- โรนัลโด้ ก็รักและมีความสุขอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด จริง แต่จินตนภาพในการย้ายไปสวมชุดขาวและลงสนามในซานติอาโก เบอร์นาบิว ก็เป็นสิ่งที่ฝังอยู่ในใจตลอดมา และนั่นคือความ "ปรารถนา" ที่แท้จริงของเขา- การที่คำพูดของโรนัลโด้ จะมีน้ำหนักมากกว่าก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจอะไร56 ล้านปอนด์

 

ขณะที่เจ้าตัวหนีหายไป "พักร้อน" และปล่อยให้ข่าวทำหน้าที่ของมันเอง โดยที่ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้มากความ และ จนในที่สุดก็สมควรแก่เวลาที่โลกจะได้รู้ความจริงว่า คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เตรียมตัวที่จะได้ย้ายไปเล่นในเรอัล มาดริด สมกับที่ฝันและอดทนรอคอยมานานกว่า

ครั้งนี้ดูจะยังไม่มีปฏิกริยาต่อต้านจากแฟนๆมากเท่าครั้งก่อนด้วย เนื่องจากที่ผ่านมาทุกคนได้ "เผื่อใจ" เอาไว้แล้วว่าวันใดวันหนึ่ง ปีกหมายเลข

แต่ถึงจะเผื่อใจไว้แล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะ "ทำใจ"

แน่นอนว่าทีมระดับแมนฯ ยูไนเต็ด นั้นไม่ใช่ทีมที่จะขึ้นอยู่กับสตาร์คนใดคนหนึ่งอย่างถาวร และถ้าเสียโรนัลโด้ ไป คนระดับเฟอร์กี้ ก็มีปัญหาจะหาใครคนใหม่เข้ามาทดแทนได้

ทว่ามันก็ไม่ได้ "ง่าย" เสมอไป

ทางออกของเฟอร์กี้ ในเวลานี้อยู่ที่การล่าตัว ฟร้องก์ ริเบรี่ เข้ามาเดินเกมริมเส้นแทนโรนัลโด้ และอีกเป้าหมายที่อยากให้จับตามองคือ คาริม เบนเซม่า นักเตะเทวดาของลียง ที่พร้อมจะย้ายทีมด้วยเช่นกัน

และแม้จะไม่มีใครตอบได้ในเวลานี้ว่าสุดท้ายแล้วจะเป็นสองคนนี้หรือเปล่าที่เฟอร์กี้ จะนำมาแทนโรนัลโด้ หรือจะเป็นใครก็ตาม ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไปอยู่ดี

เช่นกันกับ โรนัลโด้ ที่ชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป เพราะถึงจะเป็นทีมในฝันที่อดทนฝืนใจเฝ้ารอมานานกว่าปี

ก็ไม่มีใครให้คำตอบได้เช่นกันว่าเขาจะประสบความสำเร็จอย่างที่เฝ้าฝันหรือไม่ในเสื้อสีขาวชุดนั้น...

เรื่องนี้แดงขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมๆกับการรุกเต็มสตรีมของ เรอัล มาดริด ที่กลับมาล่าโรนัลโด้ แบบออกหน้าออกตาอีกครั้ง1 ปี7 ที่สร้างความบันเทิงและนำความสำเร็จมาสู่โอลด์ แทรฟฟอร์ด มากมายในรอบหลายปีที่ผ่านมา อาจจะต้องย้ายทีม

12 มิ.ย. 52 เวลา 08:24 4,827 5 70
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...