อันดับ 5 กุ้งลอบสเตอร์ (Lobster)
เป็น เรื่องยากเนอะ จะให้เชื่อว่ากุ้งมังกรสีสันแดงสดใสนั้นครั้งหนึ่งเคยมีคนดูถูกว่าเป็นอาหาร ชั้นต่ำ กับอาหารทะเลแสนหรูหรา ราคาแพงนี้ ครั้งหนึ่งในทวีปอเมริกาเหนืออุดมไปด้วยกุ้งชนิดนี้มากมายหลายพันธุ์ตัว แบบว่าหว่านแหเมื่อไหร่เจอแต่กุ้งชนิดอยู่อยู่แต่เอี๊ยด
แต่... อนิจจา.....พวกเขาเห็นพวกมันเป็นเพียงส่วนเกินที่ไม่มีค่า เพราะสมัยนั้นไก่เป็นอาหารชั้นสูงมากกว่าอาหารทะเล อีกทั้งคนหลายคนเรียกมันว่า “แมลงทะเล” เชื่อว่ามันจัดอยู่ในสัตว์จำพวกแมงมุมยักษ์(กุ้งจัดในไฟลัมสัตว์ไม่มีกระดูก สันหลัง ชั้น Crustacea อันดับ Decapoda) ดังนั้นคนจึงเกลียดชังในการเอากุ้งชนิดนี้มาทำอาหารจึงทำเป็นปุ๋ยแทน....(โอ ..เสียดายแย่) เมนูของคนจนสมัยก่อนจะเต็มไปด้วยกุ้งมังกรทั้งนั้น การดูหมิ่นกุ้งมังกรนี้มานานกว่าศตวรรษ กว่าจะทำให้หลายคนยอมรับได้
ปัจจุบันละ กุ้งลอบสเตอร์กลายเป็นของหายากสุดๆ และกลายเป็นของมีราคาเสียแล้ว บางตัวราคาพัน-หมื่นกว่าบาท(ตามกิโล) เพราะรสชาติอร่อยเลิศรสเต็มไปด้วยความสดอร่อยที่นุ่มหวานฉ่ำลิ้น
อันดับ 4 หอยนางรม (Oysters)
หอยนางรม (วงศ์ Ostreidae)นั้นมีหลายสายพันธุ์ เป็นลูกพี่ลูกน้องกับหอยโข่ง(หอยทาก) หอยนางรมเป็นอาหารทะเลที่นิยมบริโภคกันอย่างแพร่หลาย เป็นอาหารที่จัดได้ว่ามีคุณค่าทางโภชนาการสูง
วันๆ หนึ่งเราจะรับรับประทานอาหารชิ้นนี้อย่างระมัดระวังเพราะมันอร่อยมากๆ แต่เชื่อหรือไม่ครั้งหนึ่งมันเคยถูกดูแคลนเช่นกันว่าเป็นอาหารชั้นต่ำ เนื่องจากหลายๆ คนคิดว่าการกินหอยนางรมเปรียบเสมือนกินหินที่ข้างในเป็นทารก บางคนก็นึกถึงเวลาดูดมันแล้วเหมือนดูด.....ช่องคลอดหญิง(รูปร่างมันเหมือนนิ ) นอกจากนี้ก็ยังเป็นชื่อของเครื่องทรมานชนิดหนึ่งของยุโรปอีกด้วย
ดัง นั้นจริงไม่แปลกใจอะไรเลยในยุโรปช่วงศตวรรษที่ 19 หอยนางรมนิยมกินกันมากในหมู่คนจนและคนทำงาน(ในขณะนั้นพวกเขายังไม่ทราบคุณ ค่าทางอาหารของมัน)
ปัจจุบันละ ตลาด หอยนางรมของโลกนั้น มีแนวโน้มขยายตัวได้อีกมากเพราะผลผลิตในปัจจุบันยังไม่เพียงพอต่อการบริโภค ภายในประเทศ ทำให้หอยนางรมมีราคาสูงมากเมื่อเทียบกับหอยชนิดอื่นๆ ที่ฝรั่งเศสเอามาวางแขนจานราคาหลายยูโรเลยแหละ แต่ลืมไปแล้วว่าครั้งหนึ่งเคยด่ามันว่าเหมือน...อวัยวะเพศหญิง
อันดับ 3 ฟัวกราส์ (Foie gras)
ฟัวกราส์ ได้ชื่อว่าเป็นอาหารฝรั่งเศสที่ดีที่สุด เช่นเดียวกับทรัฟเฟิล มีลักษณะนุ่มมันและมีรสชาติที่แตกต่างจากตับของเป็ดหรือห่านธรรมดา และเป็นหนึ่งในอาหารฝรั่งเศสที่ทั่วโลกรู้จักมากที่สุดนอกเหนือจาก ไข่ปลาคาเวียร์(caviar)...
แต่ใครจะรู้ว่า กว่าที่ฟัวกราส์จะเป็นอาหารหรูนั้น ต้องผ่านมาอะไรบ้าง ต้นกำเนิดฟัวกราส์แท้ๆ ไม่ใช้ฝรั่งเศส เพราะจากประวัติศาสตร์โลกพบว่าต้นกำเนิดคือประเทศอียิปต์โบราณ 2500 BC ต่อมาเมื่อกษัตริย์เมืองสปาตาชื่อ Agesilaus ได้ไปเยี่ยมประเทศอียิปต์ใน และเขาก็สนใจการขุนอาหารแบบนี้เลยเผยแพร่เข้าไปยุโรปในกาลต่อมา
แต่อนิจจา...ช่วง แรกฟัวกราส์ไม่ได้รับนิยมมากนัก เนื่องจากชาวไร่ชาวนายุคกลางฝรั่งเศสส่วนใหญ่เลี้ยงหมูมากกว่าสัตว์ปีก ทำให้สูตรอาหารนี้ตกอยู่ในมือของชาวยิว!!ซึ่งสมัยก่อนพวกยุโรปมักดูถูกชาว ยิวอยู่แล้ว พวกเขาต่อต้านวัฒนธรรมของชาวยิวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภาษา ศาสนา และทำให้มองอาหารชาวยิวต่ำไปด้วย ซึ่งกว่าฟัวกราส์จะได้รับความนิยมนั้นต้องทนเสียงบ่นด่าขนาดไหน(ตอนนี้ก็โดน ด่าอีก)
อันดับ 2 โปเลนต้า (Polenta)
โป เลนต้าเป็นข้าวโพดบด ใช้ทำอะไรหลายๆ อย่าง เช่นซูป ขนม อะไรก็ได้ อาหารของกลุ่มคน ที่นิยมวัยทำงานและเล่นกีฬา ครั้งหนึ่งมันเคยได้รับสมญานามว่าเป็นอาหารที่เลวร้ายที่สุดของโลก....ถึง ขั้นดูถูกว่ากินแล้ว เป็นโรค กระดูกอ่อน ให้แคลลอรีน้อย ใครกินกลายเป็นโรคจิตเสื่อม
ที่อิตาลีสบประมาทโปเลนต้าว่า "polenta-eater(แปลว่าโปเลนต้ากินคนมั้ง)"ในขณะที่ทางภาคเหนือของอิตาลี บอกว่ามันเป็นอาหารน่าเบื่อและไม่มีรส และรูปร่างน่าเกลียดขรุขะ เสมือนอะไรสักอย่างที่สีเหลืองๆ ที่ออกจากร่างกายวางบนข้าว........(นึกไม่ออกแล้ว ไม่เคยเห็นอาหารชนิดนี้ เขียนไม่ออก )
ปัจจุบัน ตอนนี้มันเป็นอาหารขึ้นชื่อของอิตาลี มีขายตามร้านทั่วไป ราคาขั้นต่ำราคา $25
อันดับ 1 ซูชิ(sushi)
และ ก็มาถึงอันดับ 1 ของเรากับอาหารเจ้าแห่งไอเดีย เพียงแค่คุณวางอะไรก็ตามที่บนข้าวหมักน้ำส้มสายชูมันก็กลายเป็นอาหาร แสนอร่อยนาม “ซูชิ”
มา นั่งงงๆ อยู่พักใหญ่ ทำไมซูชิติดอันดับ 1 ซึ่งทั้ง 4 อันดับที่กล่าวมาพอรู้เหตุผล(เลยมั่วได้) แต่เจ้าซูซิอาหารที่นิยมและประจำชาติของญี่ปุ่นทำไมครั้งหนึ่งเคยดูถูกว่า เป็นอาหารเกรด B
ก่อนอื่นลองไปหาประวัติซูชิดู พบว่า ซูซินั้นไม่ใช้อาหารดั้งเดิมของญี่ปุ่น ซึ่งญี่ปุ่นรับเอาวัฒนธรรมการรับประทานอาหารประเภทปลาหมักกับข้าวมาจาก ประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยและลาว การหมักปลามักทำกันแพร่หลายโดยเกษตรกรที่อาศัยอยู่ริมฝั่งโขง 9ต่อมาก็แพร่ในจีนและญี่ปุ่น ในปี 1336-1573 ญี่ปุ่น ค้นคิดวิธีการผลิตน้ำส้มสายชูจากการหมักข้าวได้ จึงนำน้ำส้มสายชูมาผสมลงในข้าวที่หุงเสร็จแล้ว เพื่อทำให้ข้าวอยู่ได้นานขึ้นและเพิ่มรสชาติข้าวอีกด้วย พอลองนำมารับประทานกับปลาดิบ กับวาซาบิก็พบว่ามันอร่อยขึ้น...จนเป็นซูซิตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ทำไม มันถึงดูถูก ที่ดูถูกไม่ใช้ญี่ปุ่น แต่เป็นอเมริกาต่างหาก เพราะตอนที่ซูชิเข้าประเทศอเมริกามาใหม่ๆ ฝรั่งมองว่ามันไม่ใช้อาหาร ไม่ยอมรับว่าข้าวดองนี้คืออาหาร และเป็นเรื่องยากที่ทำให้เขายอมรับอาหารดิบๆ นอกจากนี้พวกชาวตะวันตกคิดว่าข้าวคือธัญพืชไม่ใช้อาหารหลัก ซึ่งกว่าเปิดตลาดซูชิในอเมริกา ก็ต้องรอถึงปี 1980
ปัจจุบันซูชิกลายเป็นเมนูที่ได้ได้รับความนิยมไปทั่วโลก อาจกล่าวได้ว่าเป็นอาหารฟาสต์ฟู้ดของญี่ปุ่นที่ให้คุณค่าทางอาหารมากกว่า ฟาสต์ฟู้ดของอเมริกา จนเกิดเมนูที่เรียกว่า “แคลิฟอร์เนียโรส”