ส่งลูกเรียนโรงเรียนไบลิงกัวดีจริงหรือ..!!




คำถามประมาณว่า...
       
       โรงเรียนไบลิงกัวเป็นอย่างไร ?
       ให้ลูกเรียนโรงเรียนไบลิงกัวดีไหม ?
       เลือกโรงเรียนไบลิงกัวให้ลูกอย่างไร ?
       
       เป็นคำถามยอดฮิตของพ่อแม่ยุค พ.ศ. นี้จริง ๆ ก็ทำไงได้ล่ะ..โลกยุคโลกาภิวัตน์ใบนี้ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองตื่นตัวอยากให้ลู กสื่อสารได้หลายภาษา และภาษาที่ไม่สามารถปฏิเสธได้แล้วว่าต้องเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวั น ก็คือภาษาอังกฤษ
       
       ฉะนั้น การส่งให้ลูกเรียนโรงเรียนที่มีการเรียนการสอนสองภาษาน่าจะเป็นหนทางที่ดี ไม่ใช่หรือ..!!
       โรงเรียนไบลิงกัว (Bilingual School) คือ โรงเรียนที่มีการเรียนการสอนด้วยระบบ 2 ภาษา เช่น ไทย-อังกฤษ , ไทย-จีน ซึ่งปัจจุบันระบบการเรียนการสอนแบบนี้ถูกบรรจุในกระทรวงศึกษาธิการ โดยหลักสูตรจะระบุว่ามีภาษาไทยครึ่งหนึ่ง ภาษาที่สองอีกครึ่งหนึ่ง
       
       ปัจจุบันมีโรงเรียนหลายแห่งที่นำระบบไบลิงกัวมาใช้ในบ้านเรา ซึ่งก็มีความแตกต่างกันไปในเรื่องของการเรียนการสอน บุคลากร และมาตรฐานที่นำมาใช้ บางแห่งก็เริ่มใช้ตั้งแต่ระดับอนุบาล แต่บางแห่งก็เริ่มที่ระดับประถมศึกษา
       
       ผศ.จินนาภา สีตะบุตร อาจารย์ใหญ่โรงเรียนสองภาษาลาดพร้าว ซึ่งนำเอาระบบการศึกษาแบบไบลิงกัวมาใช้กับเด็กตั้งแต่ระดับอนุบาลกล่าวว่า ระบบไบลิงกัวสามารถนำมาใช้ได้ตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล เพราะเป็นช่วงวัยที่เด็กมีศักยภาพในการเรียนรู้ที่ดีที่สุด ซึ่งหากเด็กได้รับการกระตุ้นพัฒนาการที่ถูกวิธีและเหมาะสม ก็จะส่งผลต่อพัฒนาการที่ดีของเด็ก
       
       ?วิธีการเรียนการสอนก็ยังเป็นแนวโรงเรียนเตรียมความพร้อม เพียงแต่ใช้สื่อการเรียนการสอนภาษาอังกฤษโดยใช้เจ้าของภาษาจริง ๆ มาสอน เช่น อ่าน เขียน ก็จะสอนอ่านจากภาพ จากบัตรคำ เพราะการสอนเชิงนิทานและหนังสือภาษาอังกฤษ คุณครูจะมีบัตรคำและหนังสือให้เด็กอ่านตามนั้น แล้วเขียนเป็น pre-reading ก็ให้เขียนตามรอยประ บางครั้งในรูปภาพมีตัวอะไร ก็จะให้เด็กดูภาพ ให้ระบายสี มีการทำรอยประให้เด็กเขียนด้วย เมื่อฟังนิทานแล้วเด็กก็อยากอ่านอยากเขียนทั้งนั้น ทำให้เขาอยากเรียนรู้ต่อไป?
       
       ในระดับชั้นอนุบาลของโรงเรียนสองภาษาลาดพร้าวสอนแบบแนวเตรียมความพร้ อม โดยใช้สื่อภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ซึ่งจะมีครูไทยอยู่ในห้องเรียนกับครูต่างชาติด้วย ในแต่ละห้องเรียนจะมีคุณครู 3 คน มีครูต่างชาติพูดภาษาอังกฤษตลอดเวลาเหมือนโรงเรียนนานาชาติ และครูไทยคนที่ 1 คือครูไทยที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ดี คอยสื่อสารกับครูต่างชาติ เพื่อช่วยเด็กและช่วยครูด้วย ส่วนครูไทยอีกคนคอยสอนภาษาไทยตามหลักสูตร
       
       เป็นหน่วยบูรณาการเรียนรู้ผ่านกิจกรรม ซึ่งการเรียนรู้ผ่านกิจกรรมภาษาอังกฤษของไบลิงกัวก็เป็นบูรณาการเช่นกัน
       
       ?คุณครูของโรงเรียนต้องจบการศึกษาที่ได้มาตราฐาน และต้องสอบโทเฟลไม่น้อยกว่า 550 หรือ 5.5 ซึ่งครูที่สอนต้องจบปริญญาตรีทางด้านครู และต้องออกเสียงภาษาอังกฤษได้ชัดเจน บางโรงเรียนจะใช้ครูไทยสรุปสิ่งที่ครูต่างชาติสอนเด็กอีกที แต่ของเราไม่สรุป จะให้เด็กเข้าใจจากประสบการณ์ ซึ่งในอนุบาล 1 จะมีครูไทยคอยช่วย แต่อนุบาล 2 ปลายปีเด็กจะเข้าใจภาษาอังกฤษอยู่แล้ว ครูต่างชาติจะอยู่เป็นครูประจำชั้นเหมือนครูไทย ไม่ใช่มาเป็นรายชั่วโมง คนที่เป็นครูต้องเป็นไปตามกระทรวงศึกษาฯ กำหนด จำนวนการสอนต้องเป็น 50-50 และถ้าเด็กเข้าใจแล้วไม่จำเป็นต้องแปล เพราะถ้าแปลเด็กก็จะไม่ฟังภาษาอังกฤษ จะคอยฟังแต่ครูไทยโดยไม่เกิดผลอะไรเลย?
       
       ความสัมฤทธิผลก็ไม่ต่างจากหลักสูตรปกติ เพราะเป็นไปตามที่กระทรวงกำหนด และจะมีการวัดผลภาษาอังกฤษทุกบทเรียน
       
       โดยวิธีทดสอบจะใช้การสัมภาษณ์ ให้เด็กปฏิบัติจริง ให้ดูภาพแล้วพูด ตามรูปแบบมาตรฐานของระบบการศึกษา
       ส่วนความกังวลของพ่อแม่ผู้ปกครองต่อกรณีที่หากเด็กจบจากระดับชั้นอนุ บาลแล้วจะเข้าสู่ระดับประถมศึกษาปีที่ 1 จะเป็นปัญหาหรือไม่นั้น อาจารย์จินนาภากล่าวว่าเป็นเรื่องง่ายมาก ถ้าหากว่าได้เรียนระบบไบลิงกัวตามแนวทางที่ถูกต้อง ความจริงเด็กจะได้เปรียบในแง่ของการออกเสียงและการเรียนรู้ด้วยซ้ำ
       
       แต่สิ่งที่สำคัญสำหรับพ่อแม่ก็คือการเตรียมความพร้อมของพ่อแม่ผู้ปกค รองต่อระบบการศึกษาแบบนี้ เพราะต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจ และการเลือกโรงเรียนที่ได้มาตรฐาน
       
       การจะส่งให้ลูกเรียนโรงเรียนไบลิงกัวต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้
       
       ประการแรก พ่อแม่ผู้ปกครองต้องทำการศึกษาหาความรู้ ความเข้าใจเรื่องการเรียนการสอนแบบไบลิงกัวซะก่อน ต้องเข้าไปคุยกับผู้บริหารหลักสูตรหรืออาจารย์ของโรงเรียนนั้น ๆ ก่อน ว่าเป็นแนวทางที่เหมาะกับลูกของเราหรือเปล่า ซึ่งจำเป็นต้องศึกษาทั้งหลักสูตร ไม่ใช่เพียงแค่ระดับใดระดับหนึ่งเท่านั้น เพราะความเป็นจริงลูกต้องได้รับการศึกษาอย่างต่อเนื่อง
       
       ประการที่สอง ต้องสำรวจด้วยว่าคุณครูผู้สอนที่เป็นชาวต่างชาติเป็นเจ้าของภาษาที่แท้จริงห รือเปล่า เพราะในปัจจุบันมีชาวต่างชาติจำนวนมากที่แฝงเข้ามาเป็นอาจารย์สอนภาษาต่างชา ติ โดยที่ไม่ได้เป็นอาจารย์จริงๆ ฉะนั้น พ่อแม่ผู้ปกครองต้องสอบถามให้แน่ใจซะก่อน ที่สำคัญควรจะเป็นเจ้าของภาษาด้วย เพราะมีผลต่อสำเนียงของเด็กอย่างแน่นอน
       
       นอกจากนี้ ควรจะคำนึงถึงวิธีการเรียนการสอนของโรงเรียนด้วย ว่าน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน และเหมาะกับเด็กด้วยหรือไม่ เช่น ครูต่างชาติที่มีพฤติกรรมทางเพศที่เบี่ยงเบน ก็ต้องคำนึงด้วย เพราะเด็กต้องเห็นคุณครูเป็นแบบอย่าง
       
       ประการต่อมา ผู้ปกครองต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายว่ามากน้อยแค่ไหน เพราะแต่ละโรงเรียนก็มีความแตกต่างกัน บางโรงเรียนก็แพง บางแห่งก็ถูก ก็ต้องดูความเหมาะสมด้วย แม้บางแห่งจะมีราคาแพง แต่ทำให้เด็กได้รับประโยชน์ก็ควรจะต้องคำนึงด้วย
       
       ประการสุดท้าย พ่อแม่ผู้ปกครองต้องกล้าแสดงออก เพราะบางคนภาษาอังกฤษไม่แข็งแรง ก็เลยไม่กล้าพูดกับคุณครู หรือคุยกับลูก อย่ากลัวว่าออกสำเนียงไม่ถูกต้องตามหลักภาษา เพราะขนาดบ้านเราพูดภาษาเดียวกัน ยังหลายสำเนียงเลย ฉะนั้นไม่ควรกังวลเรื่องนี้
       
       สำหรับค่าเทอมของโรงเรียนไบลิงกัวทั่ว ๆ ไป มีตั้งแต่ระดับราคาปีละ 30,000 หรือ 100,000 บาท ขึ้นอยู่กับหลักสูตร และความพร้อมของระบบการเรียนการสอนของแต่ละแห่ง
       
       แต่ท้ายที่สุดแล้วพ่อแม่ผู้ปกครองต้องศึกษาระบบอย่างแท้จริง
       อย่าตัดสินใจส่งลูกไปเรียนเพียงเพราะกระแสเท่านั้น
       เพราะสิ่งที่ลูกได้ก็จะเป็นแค่กระแส ไม่ใช่รากฐาน
 

Credit: http://www.manager.co.th
15 ก.ย. 53 เวลา 17:03 15,021 20 388
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...