10 ตำนานเรื่องเล่าลึกลับที่น่าขนหัวลุก (ภาค 2 ตอนขวัญผวา)

         10.Creepy Gas Station Guy

 

คุณเคยดูภาพยนตร์อเมริกาหรือเปล่าครับ ในฉากที่คนกำลังขับรถในช่วงกลางคืน คิดจะแวะที่ปั๊มน้ำมันข้างทาง(และเจ้าปั๊มน้ำมันข้างทางนี้ก็ตั้งที่ไม่มีบ้านคนเหลือเกิน) มักประสบเหตุเรื่องไม่ดีทุกที เป็นต้นว่า เจอสัตว์ประหลาด เจอซอมบี้ เจอฆาตกรโรคจิต ฯลฯ

                เรื่องน่าขนลุกที่ปั๊มน้ำมันข้างทาง เป็นเรื่องเล่าสยองขวัญในขณะขับรถกับเพื่อนฝูงตอนดึกของอเมริกา ที่เราว่าในขณะที่ขับรถกลับบ้านในคืนฝนตกหรือมีพายุ คุณไม่ควรนำรถไปแวะปั๊มน้ำมันข้างทางเด็ดขาด ไม่งั้นคุณจะพบเหตุการณ์ที่น่าจนหัวลุก(ปั๊มน้ำมันอเมริกาข้างทางค่อนข้างน่ากลัว) ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย มีเงาแปลกๆ จ้องมองเราอยู่ และพนักงานที่เติมน้ำมันที่ไม่เป็นมิตรที่ดูแล้วน่าขยะแขยงกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่ ก่อนที่ผับพันนั้นพนักงานเติมน้ำมันจะทำร้ายคนในรถ(หรือหลอกล่อให้เปิดกระจกหรืออกนอกรถเพื่อทำร้าย) เขาพยายามทุบกระจกรถอย่างรุนแรง หากแต่โชคดีที่คนในรถมีสติทัน เขาเลยออกรถหนีไปได้เสียก่อน ก่อนที่จะเกิดเรื่องน่ากลัวมากกว่านี้(บ้างก็ว่าคนขับเป็นเหยื่อฆาตกรโรคจิตตายหมด)

 

            9.Three Men and Baby

 

"Three men and baby" เป็นภาพยนตร์ที่ฉายในปี 1987 (มีการรีแม็กใหม่ แต่มันก็สู้ของเดิมไม่ได้เพราะมันไม่ถ่ายติดผี )  โดยเนื้อหาเป็นเรื่องราวของสามหนุ่มที่อาศัยอยู่ด้วยกันในอพาร์ทเมนท์ที่ต้องเลี้ยงดูเด็กทารกที่ถูกนำมาทิ้งที่หน้าบ้านอย่างไม่คาดฝัน ภาพยนตร์นี้ดังมาก หากแต่ที่ดังเพราะเนื้อหาหรือการแสดงของตัวละครในเรื่อง แต่ดังตรงที่มีฉากหนึ่งมีสิ่งที่ไม่พึ่งปรารถนาติดมาด้วย

ฉากที่ว่าเป็นช่วงเกือบสุดท้ายของภาพยนตร์ เป็นฉากที่ แจ๊ค โฮลเด้น ( Ted Danson ) และแม่ของเขา ( Celeste Holm ) กำลังเดินไปหาทารกน้อยที่อยู่บนเตียงนอนให้สังเกตว่าตอนที่เดินนั้นมีปืนลูกซองอยู่ที่หน้าต่างที่มีผ้าม่านด้านซ้าย(ภาพเร็วมาก) จากนั้นเมื่อทั้งสองไปถึงทารกน้อย แม่ของเขาก็จับทารกขึ้นมาอุ้ม(สังเกตว่าด้านหน้าของฉากมีพระพุทธรูปไทยตั้งอยู่) จากนั้นแม่ของเขาก็อุ้มเด็กเดินกลับมาที่หน้าต่างที่มีปืนลูกซองวางยู่ จากนั้นให้สังเกตฉากที่หน้าต่างซ้ายมือที่ตอนแรกมีปืนลูกซองวางอยู่ตอนแรกได้หายไปและกลับกลายเป็นว่ามีเด็กชายแปลกหน้าลึกลับใส่เสื้อสีขาวและกางเกงสีดำกำลังยื่นอยู่หลังม่านติดมาด้วยแทน!!(ปรากฏตัว 40 วินาทีในหนัง) หลังจากภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายก็สร้างความฮื่อฮ่าต่อฝูงชนมาก และทีมงานภาพยนตร์ก็ยื่นยันว่าโดยที่ถ่ายทำฉากที่ว่าไม่มีคนนอกที่ไหนเข้ามาในกล้องเด็ดขาด นอกจากนักแสดงในฉากนั้น  และเมื่อเรื่องนี้หาคำตอบไม่ได้ทำให้เรื่องนี้โด่งดังในฐานะตำนานเมืองในปี 1990 โดยเล่ากันว่าเป็นลูกชายเจ้าของบ้านที่ถ่ายทำภาพยนตร์ที่ฆ่าตัวตายเพราะปืนลูกซองที่เอามาเล่นจนเกิดอุบัติเหตุลั่นใส่จนเสียชีวิต บางก็ว่าเป็นเด็กตกตึกตายเมื่อหลายปีก่อน แต่กระนั้นหลังจากผีในภาพยนตร์เรื่องนี้โด่งดังก็มีผีอีกจำนวนมากที่ถูกฝ่ายติดในกล้องวีดีโอ สำหรับใครที่อยากดูคลิปที่ว่าสามารถดูได้ที่ลิงค์ข้างล่าง

http://www.youtube.com/watch?v=LPEvJrs-1yM&feature=player_embedded#at=36

 

                            8.The Blair Witch

 

ตำนานแม่มดแห่งเมืองเบลล์เป็นในตำนานเมืองที่ปรากฏในภาพยนตร์ The Blair Witch Project เป็นภาพยนตร์ในแนวสารคดี ความยาว 86 นาที ออกฉายในปี ค.ศ. 1999 และเข้าฉายในประเทศไทยเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน ในชื่อสอดรู้ สอดเห็น สอดเป็น สอดตาย โดยเนื้อหาเป็นการถ่ายแบบกล้องวีดีโอเคลื่อนฟิล์ม 16 มม โดยเทปบันทึกไว้เมื่อ ในวันที่ 21 ตุลาคม ค.ศ. 1994 โดยนักศึกษา 3 คน ประกอบไปด้วย ฮีเธอร์  , โจซัว , ไมเคิล ได้เข้าไปในป่าแบล็กฮิลล์ มลรัฐแมรี่แลนด์ เพื่อถ่ายทำภาพยนตร์สารคดีเรื่องแม่มดเบลล์ อันเป็นตำนานความเชื่อของคนพื้นถิ่น  หากแต่ในเวลาต่อมาทั้งสามกลับหายตัวไปอย่างลึกลับ…………

จากนั้นหนึ่งปีให้หลัง หลักฐานต่าง ๆ ก็ถูกค้นพบ ไม่ว่าจะเป็นตลับฟิล์ม กล่องฟิล์ม กล้องขนาด 8 มม. และขนาด 16 มม. ซึ่งถ่ายทำวันที่ทั้งสามหายตัวไป และเมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายก็เกิดกระแสทำให้คนเชื่อว่าเรื่องภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง หากแต่ความจริงแล้วเนื้อหาในภาพยนตร์ทั้งหมดเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น โดยโฆษณาว่าเป็นเหตุการณ์จริงเพื่อกระตุ้นรายได้ภาพยนตร์ ผลก็คือมันได้ผลเพราะหนังประสบผลสำเร็จอย่างงดงาม

ความจริงแล้วตำนานแม่มดแห่งเมืองเบลล์นั้นเป็นเรื่องจริง เป็นตำนานเมืองของป่าแบล็กฮิลล์ มลรัฐแมริแลนด์ ที่ว่ากันว่าป่าแห่งนั้นมีแม่มดหรือหญิงชราวิกลจริตอาศัยอยู่ที่นั่นและมักปรากฏตัวให้ผู้คนที่เข้ามาในป่าแห่งเสมอ และบางครั้งอาจมาในสภาพครึ่งคนครึ่งสัตว์ประหลาด โดยมีข่าวลื่อมากมายว่ามีเด็กหายไปในป่าแห่งนั้นหลายราย บางรายก็ปรากฏตัวออกมาในสภาพเป็นศพที่ถูกคว้านไส้พุงออกมาอย่างหมดจด

 

         7.Babysitter Upstairs

  

เป็นเรื่องเล่าที่ฮิตของอเมริกาตลอดกาลที่เกี่ยวกับหญิงสาวที่รับเลี้ยงเด็กเวลาพ่อแม่ไม่อยู่บ้านในตอนกลางคืน โดยเฉพาะคืนนั้นเป็นคืนที่มีพายุหนัก และบ้านที่รับจ้างขนาดใหญ่ที่ว่าจ้างให้เธอรับเลี้ยงเด็ก และเมื่อเด็กนอนหลับเธอก็เริ่มได้รับโทรศัพท์แปลกโทรมา เมื่อเธอรับ เธอตกใจมากเมื่อปลายสายบอกว่าเขาจะมารับเธอ ด้วยความตกใจเธอเรียกตำรวจ ไม่กี่นาทีต่อมาตำรวจก็มาถึง ตำรวจเรียกเธอเพื่อบอกสิ่งที่พวกเขาสืบ โดยพวกเขาบอกเธอว่าสายมาจากภายในบ้าน และบางทีมันอาจจะอยู่ข้างบนบ้านแต่กระนั้นจะการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ก็ไม่พบคนแปลกหน้าอยู่ในบ้านเลยสักคน และนี้คือหนึ่งในเรื่องที่นิยมจนถูกนำไปทำภาพยนตร์สยองขวัญในเวลาต่อมา

 

 

              6.House so Haunted

 

หนึ่งในเรื่องเล่าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในอเมริกาและทั่วโลก ที่เล่ากันว่าให้ระวังการซื้อบ้านมือสอง ที่มีขนาดใหญ่หรือเป็นคฤหาสน์ ที่เปลี่ยนมือเจ้าของหลายราย ไม่งั้นจะได้สิ่งไม่พึ่งปรารถนาแถมมาด้วย นั่นก็คือวิญญาณร้ายที่สิ่งสถิตในบ้านหลังนั้นที่จะทำให้เจ้าของหรือผู้อยู่อาศัยต้องขวัญผวา จนผู้อยู่อาศัยต้องย้ายออกไปทุกครั้ง 

นอกจากนี้ในหมู่เด็กๆ ก็มักจะเล่าถึงบ้านขนาดใหญ่ร้างคนว่าใครก็ตามที่เข้าไปในบ้านหลังดังกล่าวจะไม่สามารถกลับออกมาอีกเลย เพราะมันเป็นบ้านกินคนที่มักกินคนที่หลงเข้ามาในบ้าน และสถานที่คาดว่ามีผีสิงคาดว่าจะอยู่ มิชิแกน, โอไฮโอ และแคลิฟอร์เนีย และเรื่องที่โด่งดังที่สุดคงจะไม่เกินไปกว่าเรื่องของ บ้านอมิตี้วิลล์ โอนอเวนิว ทางใต้ของนิวยอร์ค ซึ่งเป็นบ้านทรงดัทซ์ โคโลเนียล ที่ถูกสร้างตั้งแต่ปี 1924 แต่เมื่อ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1974 และได้เกิดการฆาตกรรมหมู่ครอบครัวหนึ่งจากนั้นเป็นต้นมาที่นี่ก็กลายเป็นบ้านผีดุ ไปในบัดดล โดยที่โด่งดังที่สุดคือกรณี ของครอบครัว ของจอร์จ ลัทซ์ก็อาศัยอยู่บ้านหลังนี้และพบเหตุการณ์ประหลาดแทบทุกคืนไม่ว่าจะเป็น เสียง รอยเท้า ผีอำ ฯลฯ จนครอบครัวนี้ทนไม่ไหวจนต้องย้ายบ้านในเวลา และเรื่องราวเหล่านี้ได้ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์โด่งดังหลายเรื่อง

ดูคลิปที่ http://www.youtube.com/watch?v=-s815xpAviU

 

        5.Baby Spiders Everywhere

                  

เป็นตำนานเมืองที่เกี่ยวกับผู้หญิงในวันหยุดปลายฤดูร้อน ที่กัวเตมาลา หรือไม่ก็คอสตาริกา เธอใช้วันหยุดอย่างชื่นบาน เธอใช้เวลาตลอดทั้งอาทิตย์เพลิดเพลินไปกับการละเล่น และกิจกรรมต่างๆ จนกระทั้งมันได้ท่องเที่ยวป่าในท้องถิ่นหนึ่งเพื่อไปดูแมลงที่หายาก แต่แล้วระหว่างนั้นมีบางสิ่งบางอย่างกัดเธอ แต่เธอไม่รู้สึกเจ็บและไม่กังวล เธอเลยกลับมาบ้านแต่แล้วเธอก็พบว่าแก้มของเธอกลับบวม สัปดาห์ถัดไปแผลบวมก็ใหญ่ขึ้นใหญ่ขึ้น และระเบิดออก จากนั้นลูกแมงมุมนับร้อยก็กระโดดออกจากบาดแผลนั้นและไต่ไปทั่วใบหน้าของเธอ และแน่นอนเรื่องแบบนี้ก็ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ตามระเบียบ

 

 

4.Aren’t you glad you didn’t turn on the lights?

 

http://theunexplainedmysteries.com/urban-legend1.html

เป็นตำนานเมืองที่ได้รับความนิยมตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ครับ โดยเกี่ยวกับหอพักที่มีนักศึกษาพักร่วมสองคน เรื่องเล่าก็แล้วแต่ว่าจะเป็นหอชายหอหญิง แต่เนื้อหาหลักๆ เหมือนกันคือสมมุติว่าเป็นหอหญิง หญิงเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งได้แอบพาคู่นอนที่เป็นผู้ชายมานอนร่วมเตียงด้วย ซึ่งเพื่อนร่วมห้องอีกคนทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เธอปิดไฟและพยายามจะไม่ดูเพื่อนร่วมรักกับผู้ชายที่เตียงนอนข้างเธอ จนกระทั้งวันหนึ่ง หญิงเพื่อนร่วมห้องได้พาผู้ชายคนใหม่มานอนบนเตียงด้วย เธอสาวปิดไฟเมื่อเห็นสองคนกำลังทำกิจกรรมร่วมรัก เธอพยายามนอนหลับ แต่ครั้งนี้ดูเหมือนแปลกไปเนื่องจากเธอได้ยินเสียงหลงกับเสียงหอบและเสียงสวดอะไรบางอย่างดังจากเตียงตรงกันข้าม ตอนแรกเธอคิดจะเปิดไฟดูแต่เธอไม่ทำ เธอใส่ชุดหูฟังพยายามกลบเสียงนั้น วันถัดมาตอนเช้าก็มีคนปลุกเธอ เธอลืมตาตื่นกลับพบว่าคนที่ปลุกนั้นเป็นตำรวจ และเมื่อเธอมองไปรอบๆ ก็ตกใจเมื่อพบว่าเตียงเพื่อนร่วมห้องของเธอเต็มไปด้วยเลือด อวัยวะภายใน และร่างของเพื่อนร่วมห้องที่ถูกฆาตกรรมโหดฆ่า และฆาตกรที่ว่าก็คือชายที่เธอแอบพาเขามาร่วมเตียง และเสียงที่เธอได้ยินนั้นเป็นเสียงแห่งความตายของเพื่อนร่วมห้องและเสียงฆาตกรนั่นเอง และที่กำแพงของห้องมีอักษรที่เขียนด้วยเลือดว่า Aren’t you glad you didn’t turn on the lights? “คุณดีใจไหมที่คุณไม่ได้เปิดไฟ(ในตอนนั้น)”

 

              3.Tanning to Death

        

เป็นเรื่องเล่าทางอินเทอร์เน็ตที่ได้รับความนิยมครับ และน่ากลัวด้วยคุณเคยเห็นเครื่องทำสีผิวแทนหรือเครื่องอาบแดดของชาวตะวันตกไหมครับ ที่รูปร่างเหมือนเตาปิ้งขนมปัง(หรือเครื่องทรมานยุโรปอะไรสักอย่าง)มีหลอดไฟแสงสีน้ำเงินอยู่ทั้งด้านบนด้านล่าง เวลาจะใช้ก็นอนแล้วปิดฝาเครื่องให้แสงอาบทั่วตัว ซึ่งเครื่องดังกล่าวน่ากลัวสุดๆ เลยสำหรับผม และมันก็กลายเป็นเรื่องเล่าที่น่ากลัวที่ได้รับความนิยมด้วย โดยส่วนที่ผมเอามาเป็นของในปี 1997 เล่ากันว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งได้แต่งงานกับชายในฝัน และเธอก็อยากให้เธอดูดีในวันแต่ง เธอเลยไปใช้บริการเครื่องอบผิวสีแทนในเมืองก่อนวันแต่งงานสักสัปดาห์

จนกระทั้งวันแต่งงานมาถึงเจ้าสาวก็มาในชุดเจ้าสาวสวยเลิศเชิด ผิวเธอเป็นสีแทนอย่างน่ารัก แต่แล้วเรื่องประหลาดก็เกิดขึ้น ในคืนแต่งงานเจ้าบ่าวพบว่าภรรยาใหม่ของเขามีกลิ่นแปลก มันเป็นกลิ่นเนื้อไหม้อะไรสักอย่าง เมื่อถึงวันที่ทั้งสองกินน้ำผึ้งพระจันทร์กลิ่นเหม็นก็เริ่มทวีความรุนแรงขึ้น แย่ขึ้น จนเขาแนะนำเธอให้ไปโรงพยาบาล ซึ่งผลตรวจของแพทย์พบว่าไม่สามารถหาแหล่งที่มาของกลิ่นได้

จนกระทั้งภรรยาคนใหม่ของเขาก็เสียชีวิตลง และเมื่อชันสูตรดูก็พบว่าเรื่องสยองขวัญเมื่ออวัยวะภายในของเธอนั้นสุก!! และเริ่มเน่า (บางเนื้อหาอาจเพิ่มรายละเอียดเสียชีวิตเช่น ควันออกจากตา หู และปากของเธอ)  อันเนื่องมาจากแสงฟอกของหญิงสาวนั้นมีหลักการเดียวกับเตาไมโครเวฟ ทำให้อวัยวะภายในของเธอสุกนั่นเอง........

เรื่องเล่านี้เป็นเรื่องเล่าที่เข้าใจผิดเยอะเพราะว่าเครื่องทำผิวสีแทนดังกล่าวใช้รังสีอัลตราไวโอเลต ไม่ใช้หลักการของไมโครเวฟที่ใช้ปรุงอาหาร แต่กระนั้นอันตรายของมันก็น่ากลัวอยู่ดีเพราะว่าเครื่องดังกล่าวอาจส่งผลทำให้เกิดมะเร็งในผิวหนัง หนังตาไหม้ ตาไหม้และต้อกระจก

 

                                   2.The Microwaved Pet

      

http://urbanlegends.about.com/od/dogs/a/microwaved_pet.htm

เป็นตำนานที่คนไทยคุ้นหูดีนะครับ เพราะปรากฏในการ์ตูนหลายเรื่องและเป็นโจ๊กอเมริกันที่บ่งบอกว่าอเมริกาเป็นคนขี้ฟ้อง เรื่องของเรื่อง(อินเตอร์เน็ตเริ่มในปี 1983) มีอยู่ว่ามีหญิงชราคนหนึ่งเลี้ยงแมวพันธุ์เปอร์เซีย(เว็บที่เอามาเป็นหมาพุดเดิ้ลแต่ผมเอาแมวดีกว่าเพราะมันฮิตกว่า)ที่แสนน่ารักผมยาว วันหนึ่งเธอทำความสะอาดแมวด้วยการอาบน้ำให้แก่มัน ทำขน และเธอมีความคิดอยากให้ขนของมันแห้งเร็วๆ เลยจับมันยัดใส่เตาอบไมโครเวฟและเปิดปุ่มทำงาน แต่แล้วปรากฏว่าแมวเปอร์เซียของเธอที่อยู่ไมโครเวฟแทนที่ขนจะแห้งเร็วกลับเกิดอาการปวดและเลือดออกห้าทวารจากนั้นก็ระเบิดเลือดสาดกระจายเต็มไมโครเวฟ(บางอันก็แค่สุกเฉยๆ) หญิงชราเสียใจต่อการตายของสัตว์เลี้ยงของเธอมาก เธอเลยฟ้องร้องบริษัทไมโครเวฟที่เธอซื้อโดยบอกเหตุผลฟ้องว่าบริษัทไม่ได้เขียนข้อห้ามว่า “ห้ามนำสัตว์เลี้ยงใส่ตาอบเพื่อให้ผมแห้ง”ผลคือหญิงชราชนะคดีและเรื่องดังกล่าวได้กลายเป็นตำนานว่าอเมริกาเป็นคนขี้ฟ้องในเวลาต่อมา

ความจริงแล้วเรื่องนี้มีหลายประเทศนะครับ ในรัสเซียก็มีตำนานว่ามีแม่คนหนึ่งอาบน้ำลูกที่อ่างน้ำอุ่นในเตาอบไม้เผา(แบบญี่ปุ่นเอามาเล่นกันไงครับเคยเห็นไหม) และเธอทิ้งลูกเพื่อไปห้องครัว ก่อนที่กลับมาก็พบว่าเด็กถูกต้มจนสุกตาย บางตำนานก็พี่เลี้ยงอบทารกที่เตาไมโครเวฟเพราะนึกว่ามันเป้นเครื่องอบทารกและแม่ของเด็กทารกมากินเพราะนึกว่าเป็นไก่อบ..... ส่วนที่มาเตาอบแมวนั้นมาจากจากความหวาดกลัวของเทคโนโลยีใหม่นะครับ เพราะสมัยก่อนไมโครเวฟถือว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่ที่หลายคนไม่รู้ว่ามันทำงานยังไง ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะเกิดตำนานนี้ขึ้น

 

 

 

                          The Hook

 

อันดับ 1 ของเรากลายเป็นตำนานที่โด่งดังในช่วง 1940 เกี่ยวกับการการเตือนเกี่ยวกับหนุ่มสาวที่ร่วมรักกันในรถข้างทางเปลี่ยว และเรื่องเล่านี้ก็กลายเป็นจริงอีกด้วย ดูคลิปที่ http://www.scaryforkids.com/the-hook/

เรื่องราวมีอยู่ว่ามีหนุ่มสาวคู่หนึ่ง เป็นผู้ชายหล่อและสาวเป็นเชียร์ลีดเดอร์ผมสีบลอนด์ พวกเขาเป็นแฟนกัน และ ตอนนั้นทั้งคู่กำลังขับรถกินลมชมวิว ฟังเพลงโรแมนติกอยู่ และด้วยบรรยากาศเป็นใจทั้งคู่เกิดอารมณ์ ทั้งคู่จูบอย่างดูดดื่ม และมีความรู้สึกอยากร่วมรัก ทั้งคู่เลยคิดจะจอดรถทางเปลี่ยวที่ไหนสักแห่งเพื่อทำกิจที่ว่า

ในระหว่างที่พวกเขากำลังหาที่เปลี่ยวนั้นเอง เพลงโรแมนติกก็หยุดลงพร้อมกับข่าวด่วน ว่ามีคนบ้าหนีออกมา โดยแจ้งลักษณะไปว่าให้มองหาคนผอมแห้งตัวสูงท่าทางปวกเปียกและมือซ้ายเป็นมือตะขอ

หญิงสาวกลัวข่าวนั้นเธอขอฝ่ายชายให้พาเธอกลับบ้าน แต่ฝ่ายชายบอกว่าไม่ต้องกลัว ฆาตกรที่ว่านั้นอยู่ไกลเกินกว่าจะมาที่นี้ได้ และเมื่อถึงที่เหมาะ ทั้งสองก็ร่วมรักกัน เมื่อเวลาผ่านไป ทันใดนั้นเองหญิงสาวได้ยินเสียงขูดนอกรถ เสียงได้ดังใกล้เข้ามา หญิงสาวเริ่มรู้สึกกลัวเธอบอกให้แฟนหยุดกิจกรรม แต่แล้วเสียงก็เงียบไป ทั้งคู่หันๆไปที่ด้านหลังรถก็ไม่พบอะไรที่ผิดปกติ แต่หญิงสาวกังวลเธอเลยบอกแฟนหนุ่มออกรถหนีไปจากที่นี้ซะ แฟนหนุ่มเลยต้องออกรถตามหญิงสาวขอ และเมื่อทั้งคู่ไปสถานที่ปลอดภัย ก็พบว่าที่ประตูรถของพวกเขามีมือตะขอเกี่ยวอยู่ (นอกจากนี้เรื่องนี้อาจมีการเพิ่มเรื่องสยองขวัญขึ้น เช่น ระหว่างที่แฟนหนุ่มกำลังพูดหญิงสาวเรื่องได้ยินเสียงขูดอยู่นั้น ทันใดนั้นเธอก็สะดุ้งเมื่อได้เห็นตะขอปลายแหลมคลั่งได้ผลักประตูรถ คนบ้าฆาตกรมือตะขอกำลังอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว  และแล้วประตูรถก็เปิดออกมันใช้ตะขอเกี่ยวแฟนหนุ่มของเธอออกนอกรถ หญิงสาวกรีดร้องและปิดประตู แล้ตั้งสติออกรถทันทีโดยไม่ทันไปมองแฟนหนุ่มของเธอและเมื่อเธอกลับมาถึงบ้านเธอก็พบว่าประตูจับรถนั้นเปื้อนเลือด มันเป็นเลือดของแฟนหนุ่มนั่นเอง)

และนี้คือเรื่องเล่าในตำนานที่ถูกไปสร้างภาพยนตร์มากมาย อีกทั้งยังกลายเป็นจริงอีกด้วย เมื่อฆาตกรเช่น ฆาตกรจักรราศี (Zodiac Killer) ฆาตกรต่อเนื่องซึ่งก่อเหตุในช่วงปลายทศวรรษที่ 1960 ในแถบพื้นที่ทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย หรือจะเป็นฆาตกรล่องหน (Phantom Killer) ฆาตกรต่อเนื่องที่เชื่อว่าเขาได้ฆ่าคนจำนวนหนึ่งในเขตมหานครเท็กซาร์คานาระหว่างวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 4 เมษายน 1946 ที่ฆาตกรสองรายล้วนชอบฆ่าหนุ่มสาวที่คิดจะร่วมรักในรถทางเปลี่ยวทั้งสิ้น

 

“Cammyเขียน” และ “สามารถก็อปไปที่อื่นได้แต่ห้ามไปลงเว็บไซต์ Dek- D

Credit: ผู้แต่ง : Cammy
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...