อาจจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อแต่ก็ต้องถือว่ามันเกิดขึ้นจริงแล้วกับการปฏิวัติวงการรถยนต์อีกครั้ง หลังจากที่เราใช้รถยนต์ที่ทำจากเหล็กมานานนับแรมปี วันนี้เรากำลังจะมีรถสปอร์ตซุปเปอร์คาร์ที่ทำจากไม้เป็นจริงขึ้นมา

โจ ฮามอน นักออกแบบสติเฟื่องที่เห็นความผิดปกติที่ปกติของรถยนต์ที่พวกมันนั้นถูกสร้างขึ้นมาจากเหล็กทำให้เกิดไอเดียสุดแหวกแนว แม้เหล็กจะมีความคงทนแข็งแรงสามารถตอบรับแรงบิดที่จะถูกส่งลงล้อเช่นเดียวกับแรงกระทำจากช่วงล่างได้เป็นอย่างดี แต่ชายหนุ่มผู้นี้กลับมีแนวคิดที่สุดพิลึกที่เขากลับรู้สึกว่าไม้ อาจจะสามารถตอบสนองทางด้านการออกแบบตัวถังและโครงสร้างทางวิศวกรรม ที่ทำให้รู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติมากกว่า

ในการนี้เขาเลยออกแบบรถยนต์ระดับซุปเปอร์คาร์ขึ้นมา โดยให้ชื่อว่า sprinter ที่พร้อมจะทะยานบนถนนด้วยเครื่องยนต์กล้ามโตกับ V8 4.6 ลิตร พร้อมซุปเปอร์ชาร์จ 2 ลูก ซึ่งมีการคาดการณ์กันว่ามันน่าจะมีกำลังมากกว่ารถยนต์จากค่ายพอร์ช ประมาณ 300 กว่าแรงม้าเลยทีเดียว

ตัวบอดี้ฮามอนได้ใช้ไม้ในการทำโครงสร้างตัวถังขึ้นมาทั้งหมด โดยเลือกใช้ไม้เนื้อแข็ง อย่างไม้เมเปิ้ลเป็นตัวทำแชสซีผสมผสานเข้ากับไม้อัด และ MDF หรือไฟเบอร์บอร์ด ซึ่งทำให้เจ้าสปอร์ตม้าไม้คันนี้มีน้ำรวมน่าจะเฉลี่ยอยู่ที่เพียง 1,134 กิโลกรัมเท่านั้น เอง

ทั้งนี้เมื่อพูดถึงข้อกังขาในเรื่องของไม้ต่อแรงบิด วิศวกรผู้ออกแบบอย่างฮามอนได้ให้ความเห็นว่า ไม้เป็นวัสดุที่ดีที่สุดที่ให้ความเหนียวเท่ากับเหล็กและอลูมิเนียม แต่สามารถให้อิสระทางการออกแบบได้มากกว่า ซึ่งแผนงานของ Sprinter นั้น มันจะเป็นซุปเปอร์คาร์ที่มีขนาดยาวกว่า 15 ฟุต มาพร้อมด้วยล้อขนาดใหญ่ขนาด 20 นิ้ว และเมื่อพูดถึงสมรรถนะแล้วเขาเตรียมให้เครื่องยนต์กำยำ V8 เจอคู่ขากับระบบเกียร์ 6 สปีด

รถคันนี้น่าจะมีความเร็วสูงสุดที่ 240 ไมล์ต่อชั่วโมง หรือประมาณ 380 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และฮามอนเองก็คาดหวังว่ามันจะมีอัตราสิ้นเปลืองที่เฉลี่ยประมาณ 20 ไมล์ต่อแกลลอน เช่นเดียวกับอัตราเร่ง 0-100 ที่น่าจะใช้เวลาเพียง 3 วินาที ซึ่งหากเป็นจริง Sprinter จะเป็นรถซุปเปอร์คาร์ที่ทำจากไม้คันแรกของโลก

Sanook Auto Comment

นี่ทำให้เรานึกถึงการ์ตูนสมัยเด็กๆ อย่าง ฟรินสโตน ที่รถทำมาจากไม้ แต่ก็อย่างว่าจินตนาการนี่แหละที่ช่วยขับเคลื่อนชีวิตมนุษย์ ซึ่งสำหรับฮามอนแล้ว เราว่าการที่เขาได้สร้างอะไรที่มีแนวทางแปลกใหม่นับเป็นสิ่งที่น่ายกย่องอย่างยิ่ง แม้มันอาจจะมองดูเป็นไปไม่ได้ก็ตามทีเถอะ แต่ไม่มีอะไรยากเกินไปกว่าความสามารถของเรา

ทั้งนี้สิ่งที่คิดหนักคงเป็นเรื่องการดูแลรักษา เมื่อมันเป็นไม้แล้วต้องเจอกับสภาพที่ต้องการใช้งานจริง คงต้องดูต่อไปว่าเจ้าม้าไม้คันนี้ จะมีชีวิตจริง เมื่อใด และมันจะสวยแค่ไหน