.
.
.
.
.
วันนี้พาไปเที่ยวอลาสก้า (Alaska) รัฐที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศสหรัฐอเมริกากัน รัฐอลาสก้ามีเนื้อที่กว้างใหญ่ และยังเป็นธรรมชาติอยู่มาก เนื้อที่ส่วนใหญ่ยังไม่มีถนนเข้าถึง บางที่ต้องนั่งเรือไป บางที่ต้องนั่งเครื่องบินหรือเฮลิคอปเตอร์ไป ทำให้สัตว์โลกที่หาชมได้ยากสามารถใช้เป็นที่พำนักอาศัยได้อย่างไม่ต้องกลัว การรบกวนจากมนุษย์ผู้บุกรุก
รัฐอลาสก้าเป็นรัฐที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศสหรัฐ อเมริกา เป็นรัฐที่ 49 ไม่มีอาณาเขตติดกับรัฐอื่น ๆ อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปอเมริกาเหนือ สหรัฐอเมริกาซื้อดินแดนที่เป็นรัฐอลาสก้ามาจากประเทศรัสเซียเมื่อวันที่ 30 มีนาคม ค.ศ. 1867
สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอลาสก้าคือยอดเขาที่สูงที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ ชื่อยอดเขาแมกคินลีย์ (Mount McKinley) หรืออีกชื่อว่าดีนาลิ (Denali) สูงถึง 20,320 ฟุตหรือ 6,194 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล อยู่ในอุทยานแห่งชาติดินาลี (Denali National Park) ซึ่งเต็มไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิด
สัตว์เจ้าถิ่น หมีกริซลี (grizzly bear) หรือหมีสีน้ำตาล (brown bear) เห็นน่ารักแบบนี้ อยู่ให้ไกลเลยนะครับ ดุร้ายมาก
เมืองหลวงของรัฐอลาสก้ามีชื่อว่าเมืองจูโน (Juneau) เป็นเมืองที่ไม่มีถนนเชื่อมกับเมืองอื่น ๆ จะขับรถไปเมืองนี้ ต้องเอารถใส่เรือบรรทุกไป หรือว่าจะนั่งเรือสำราญล่องไปเรื่อย ๆ ก็ย่อมได้
แต่เมืองที่ใหญ่ที่สุดและมีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น ที่สุดคือเมืองแองเคอเรจ (Anchorage) เป็นเมืองท่าสำคัญ มีสนามบินนานาชาติขึ้นลงที่เมืองนี้ มีฉากหลังเป็นภูเขาปกคลุมด้วยหิมะ สวยงามมาก
จากเมืองแองเคอเรจ สามารถขับรถไปเที่ยวธรรมชาติที่สวยงามเลียบชายฝั่งได้ จะเห็นฟยอร์ดและธารน้ำแข็งสวยงามมากมาย รูปนี้จะเห็นธารน้ำแข็ง (glacier) สามอันเรียงกัน
อุทยานแห่งชาติคีนายฟยอร์ด รถเข้าไม่ถึงครับ ต้องไปทางเรือ ล่อง cruise ไปตามฟยอร์ดสวย ๆ
Portage Glacier อยู่ไม่ไกลนักจากเมืองแองเคอเรจ เห็นธารน้ำแข็งที่ไหลลงน้ำ
ที่อลาสก้ามีธารน้ำแข็งที่เรียกว่าเกลเชียร์มากมาย ที่เห็นนี้คือเกลเชียร์เบย์ (Glacier Bay) เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติขององค์การยูเนสโก้ด้วย
อีกรูปสำหรับธารน้ำแข็งที่อุทยานแห่งชาติแรงเกล-เซนต์อีเลียส (Wrangell-St.Elias National Park and Preserve)
เศรษฐกิจหลักของอลาสก้าได้มาจากการขุดเจาะน้ำมันทางตอนบนที่ติดทะเลอาร์กติก มีท่อลำเลียงน้ำมันมายังท่าเรือทางตอนใต้ของทวีปเพื่อใส่เรือไปยังอีก 48 รัฐ
ท่อลำเลียงนี้พาดผ่านเป็นระยะทางยาวกว่า 1300 กิโลเมตรจากเหนือที่เมือง Prudhoe Bay จรดใต้ที่เมือง Valdez ลองดูรูปจากแผนที่ข้างล่างนะครับ ไม่รู้รัสเซียจะเสียใจหรือเปล่าที่ขายดินแดนแห่งนี้ในราคาถูก ๆ ให้อเมริกา แล้วมาค้นพบน้ำมันในภายหลัง
เนื่องจากอลาสก้ายังไม่ค่อยมีผู้คนอาศัยนอกจากตามเมืองใหญ่ ๆ ฉะนั้นธรรมชาติยังอุดมสมบูรณเต็มไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิด ทำให้นึกว่าสมัยก่อนที่มนุษย์ยังไม่ได้สร้างบ้านเรือนจนแน่นขนัดเหมือนทุก วันนี้ โลกนี้คงเต็มไปด้วยสัตว์ที่หากินอย่างอิสระ อย่างเจ้ากวางมูส (moose) ตัวนี้ที่หากินตามหนองน้ำ
มาถิ่นขั้วโลกเหนือนึกถึงอะไรครับ นึกถึงซานตาคลอสหรือเปล่า พาหนะของซานตาคลอสคือกวางเรนเดียร์ หรือที่รู้จักอีกชื่อว่า แคลิบู (Calibou)
กวางแคลิบูชอบอยู่กันเป็นฝูง มีเขาสวยงามมาก
สัตว์เจ้าถิ่นของอลาสก้าคือหมีกริซลี่ ที่อลาสก้ามีหมีสามชนิดคือหมีดำ หมีน้ำตาลหรือหมีกริซลี่ และหมีขาวหรือหมีโพลาร์
อาหารโปรดของมัีนคือปลาแซลมอน หมีกริซลี่พวกนี้จะไปดักปลาแซลมอนที่กระโดดข้ามแก่งน้ำเพื่อขึ้นไปวางไข่ คงมีปลาแซลมอนจำนวนมาก ถึงเป็นอาหารของหมีบ้างก็คงยังเหลือรอดไปวางไข่อีกเยอะ
พุดถึงขั้วโลกเหนือ คนมักจะนึกถึงหมีขั้วโลกหรือหมีขาว (polar bear) แต่หมีชนิดนี้จะอาศัยอยู่ทางเหนือสุดของรัฐเท่านั้น เพราะอากาศที่อื่นอุ่นเกินไปสำหรับหมีขั้วโลก
ควายประหลาดใกล้สูญพันธุ์ เหลืออีกไม่กี่ตัวในโลก ชื่อมัสกอกซ์ (muskox) ที่อลาสก้า ทำฟาร์มให้มันอยู่เพื่ออนุรักษ์ไว้ไม่ให้สูญพันธุ์
ในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม และมีนาคม-เมษายน จะเห็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นเฉพาะบริเวณใกล้แถบขั้วโลกเหนือและ ขั้วโลกใต้ คือปรากฏการณ์แสงออโรร่่า (aurora borealis) หรือแสงเหนือ (northern lights) เป็นแสงมลังเมลืองที่พาดผ่านท้องฟ้าตอนค่ำ เกิดจากปรากฏการณ์สนามแม่เหล็กโลก รายละเอียดขอเชิญติดตามได้ที่นี่นะครับ
ปรากฏการณ์แสงเหนือแสงใต้
ที่มา http://cherokee.exteen.com/20090725/entry