ทารกเพศหญิงวัย 10 เดือนคนหนึ่ง ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ขึ้นในสังคมเวียดนาม
เธอสิ้นลมหายใจไปในสัปดาห์นี้.. ยังไม่เคยได้หัดคลานและหัดพูด ยังไม่เคยได้ลุกขึ้นยืนตั้งไข่ หรือหัดเดินเตาะแตะเยี่ยงทารกคนอื่นๆ ในวัยเดียวกัน แต่หนูน้อยเญินอ๋าย (Nhan Ai) กลายเป็นศูนย์กลางแห่งความรักความสามัคคีของผู้คน และปลุกจิตแห่งความเมตตาสงสารกับการเสียสละ อันเป็นแก่นแกนแห่งธรรมะ.. ให้กลับคืนมาอีกครั้ง
เวลาผ่านไปหลายวัน ชาวเวียดนามนับหมื่นๆ ยังอาลัยหนูน้อยเญินอ๋าย ด้วยความรู้สึกอันเดียวกันคือ ขอให้ได้ร่วมส่งเทพธิดาองค์น้อย กลับคืนสู่สรวงสวรรค์....
เกิดมาด้วยอาการผิดแผกหลายอย่าง พ่อกับแม่บังเกิดเกล้านำไปส่งโรงพยาบาลเด็กหมายเลข 2 นครโฮจิมินห์ หลังจากนั้นก็ไม่เคยกลับไปเยี่ยม ทิ้งไว้ที่นั่นให้เป็นภาระของแพทย์หาทางเยียวยา
แต่ทว่า.. หลังจากสำนักข่าวซเวินจี๊ (Dan Tri) ตีแผ่เรื่องราวของทารกคนไข้อนาถาวัย 2 เดือน ออกมาเป็นครั้งแรก ผู้คนนับหมื่นๆ หากไม่ใช่เรือนแสน ต่างพากันเมตตาสงสาร ช่วยกันบริจาคเงินช่วยเป็นค่ารักษาพยาบาล ในส่วนที่อยู่นอกเหนือจากโรงพยาบาลจะสามารถหาให้ได้
ตัวเลขเงินบริจาคทะยานขึ้นเป็นหลายแสนดอลลาร์ในช่วงหลายเดือนมานี้ ผู้คนอีกจำนวนมากได้ไปที่โรงพยาบาลพร้อมของขวัญ และส่งของเครื่องใช้จำเป็นต่างๆ สำหรับทารก
โรงพยาบาลแห่งนี้กล่าวว่า ได้เปิดบัญชีเงินฝากให้กับเจ้าหนู เพื่อว่า.. เมื่อหายป่วยแล้วจะได้มีเงินติดตัวสำหรับอนาคต
ไม่เฉพาะชาวเวียดนามเท่านั้น ชาวต่างประเทศที่ทราบข่าวได้แวะเวียนไปหา ช่วยกันบริจาคหาทางช่วยเหลือให้เจ้าหนูรอดชีวิต และให้กำลังใจคณะแพทย์-พยาบาล
จากทารกนิรนามคนหนึ่งที่พ่อแม่บังเกิดเกล้าทอดทิ้งอย่างตั้งใจเมื่ออายุได้เพียง 1 เดือน สังคมเวียดนามรู้จักเจ้าหนูในชื่อใหม่.. "เญินอ๋าย" เป็นชื่อที่บรรณาธิการของซเวินจี๊ตั้งให้ โดยมีความหมายว่า "เป็นที่รักดั่งดวงใจ
หนูน้อยเญินอ๋าย (Nhan Ai) อายุ 10 เดือน ไม่ขาดไม่เกิน.. เธอเกิดมาเพื่อบอกกับทุกคนว่า เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก
ชาวเวียดนามจำนวนไม่น้อยแสดงความรู้สึกต่อ หนูน้อยเหมือนเป็นสมาชิกครอบครัวคนหนึ่ง ผู้คนนับหมื่นๆ ร้องไห้เมื่อได้อ่านเรื่องราวของเธอ หลายคนเข้าไปโพสต์ข้อความในเว็บ เพื่อบอกกับเญินอ๋ายว่า “สู้ๆ อย่ายอมแพ้”
ในเดือน ก.ค.ทุกคนพากันโล่งอกเมื่อคณะแพทย์เปิดเผยว่า อาคารของหนูอ๋ายดีขึ้นมาก ปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างได้ ข่าวนี้ได้สร้างความปลาบปลื้มให้กับผู้คน ซึ่งต่างอวยชัยให้พรเพื่อให้แม่หนูหายเร็วๆ
ชาวเวียดนามหลายครอบครัว รวมทั้งชาวต่างประเทศจำนวนหนึ่ง ยังแสดงความจำนงจะรับหนูน้อยเป็นบุตรบุญธรรม เมื่อหายป่วยและออกจากโรงพยาบาลแล้ว แต่อาการนั้นหนักหนาสาหัส เริ่มจากลิ้นหัวใจพิการแต่กำเนิด นำมาสู่โรคแทรกซ้อนระหว่างการดูแลรักษา
10 เดือนที่ผ่านมา หมอต้องให้เญินอ๋ายหายใจทางท่อออกซิเจนมาตลอด โรงพยาบาลยืนยันว่า จะผ่านตัดหัวใจได้ ต้องรักษาอาการแทรกซ้อนให้หายดีเสียก่อน..
แต่โรคแทรกซ้อนมากมายเกินกว่าที่ทารกวัย 10 เดือนจะรับไหว เญินอ๋ายจากทุกคนไปอย่างสงบในวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา
ผู้อ่านคนหนึ่งเขียนเอาไว้บนเว็บไซต์ของซเวินจี๊ว่า "เทพธิดาน้อยๆ ได้จากพวกเรากลับสู่สรวงสวรรค์ เราจะไม่มีวันลืมเธอเลย ดวงตาน้อยๆ คู่นั้นจะอยู่ในความทรงจำของเราตลอดไป"
ผู้คนนับหมื่นนับแสนในเวียดนาม คุ้นเคยกับนัยน์ตาดวงน้อยคู่นี้ เป็นเวลานานนับสิบเดือน และจะจดจำไปชั่วนิรันดร
อีกคนหนึ่งเขียนเอาไว้ว่า "แม้ว่าจะยังไม่มีโอกาสกระทั่งส่งเสียงอ้อแอ้.. แต่เธอเกิดมาเพื่อบอกกับพวกเราว่า เมตตาธรรมค้ำจุนโลก"
วันที่ 8 ก.ย. ชาวต่างประเทศที่ชื่อโจนาธาน ฮับเกต (Johnathan Hubgate) ได้โพสต์ข้อความไว้บนเว็บไซต์ว่า "ขอให้เธอได้พบกับโลกที่ดีกว่า เราหวังว่าเธอคงอยู่ในภพนั้นแล้ว แม่หนูที่รัก.. ผู้คนกำลังร้องไห้.. เศร้าโศก.. ได้โปรดเถิด..โปรดยิ้มให้กับฉันด้วย.. ฉันรักเธอ.." ฯลฯ
สำนักข่าวซเวินจี๊ ได้เป็นเจ้าภาพจัดงานศพให้กับหนูน้อยเญินอ๋าย อัฐิของเธอเก็บไว้ที่วัดญือลาย (Nhu Lai) นครโฮจิมินห์ จนถึงวันนี้ผู้คนนับพันๆ ยังตามไปที่วัดอย่างตอเนื่อง เพื่อจุดธูปส่งเทพธิดาน้อยกลับคืนสู่สวรรค์
สำนักข่าวแห่งนี้กล่าวว่า เมื่อหลายเดือนก่อนสามารถติดตามพ่อแม่ของเจ้าหนูได้แล้ว แต่ทั้งคู่ซึ่งยังเป็นนักศึกษา ไม่แสดงความประสงค์จะรับเจ้าหนูกลับไป แม้กระทั่งวันฌาปนกิจที่ผู้คนนับพันๆ ไปร่วม พ่อกับแม่ก็ไม่ยอมโผล่ เพื่อไปส่งดวงวิญญาณของลูกน้อย..
สิ่งของบริจาค รวมทั้งเงินบริจาคของเญินอ๋าย โรงพยาบาลได้นำเข้ากองทุน "รักดั่งดวงใจ" ซึ่งก่อตั้งขึ้นมาสำหรับช่วยเหลือคนไข้เด็กด้อยโอกาสที่ล้มป่วยเกี่ยวกับโรคหัวใจ เช่นเดียวกันกับเทพธิดาน้อยๆ คนนี้..
หนูน้อยเญินอ๋ายในวันท้ายๆ ของชีวิต ซึ่งเต็มไปด้วยอาการแทรกซ้อน มันมากเกินกว่าทารกวัย 10 เดือนจะรับไหว
พิธีทางศาสนาส่งเทพธิดาน้อยสู่สวรรค์
สิ่งของที่ได้รับบริจาคส่วนหนึ่ง สำหรับเจ้าหนูเญินอ๋าย เพื่อนำไปใช้ในภพหน้า