แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว จ.เลย

 

สถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดเลย

เมื่อกล่าวถึง “จ.เลย” ดินแดนเหนือสุดของอีสานนั้น หลายคนอาจนึกไปถึงภูต่างๆที่มีมากมายของเมืองเลยและมีความสวยงามชนิดที่ถ้าใครได้ไปเห็นอาจจะนึกว่าไม่ได้อยู่บนพื้นดิน แต่อยู่บนพื้นฟ้าเลยทีเดียว 

ดังจะเห็นได้จากคำขวัญประจำ จ.เลย ที่กล่าวไว้ว่า “เมืองแห่งทะเลภูเขา สุดหนาวในสยาม ดอกไม้งามสามฤดู” โดยสถานที่ตั้งตัวเมืองเลยอยู่ท่ามกลางภูเขาน้อยใหญ่ ดินฟ้าอากาศจึงคล้ายกับภาคเหนือ คือมีอากาศหนาวเย็นมีหมอกปกคลุมอยู่เสมอ เป็นจังหวัดเดียวในประเทศที่อากาศเคยหนาวจัดจนอุณหภูมิลดลงถึงศูนย์องศาเซลเซียส 

จ.เลย ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขามากมาย ณ ที่แห่งนี้จึงเป็นที่ตั้งของสถานที่ที่น่าท่องเที่ยวมากมาย ทั้งป่าเขา น้ำตก และแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติอื่นๆแต่ที่ได้รับความนิยมและมีชื่อเสียงมากที่สุดคือภูกระดึง ยอดเขาที่นักธรรมชาตินิยมทุกคนใฝ่ฝันจะมาพิชิตถึงแม้ว่าจะต้องใช้ความพยายามอย่างสูงในการเดินทางขึ้นเขาพร้อมๆ กับการต่อสู้กับอากาศอันหนาวเหน็บแต่ผู้ที่ได้มาเยือนภูกระดึงทุกคนต่างลงความเห็นว่าถึงจะต้องลำบากกว่านี้ก็ยังนับว่าคุ้มค่า....



                                                            ผาหล่มสัก.....ภูกระดึง

ซึ่งอุทยานแห่งชาติภูกระดึง จัดเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย เพราะมีสภาพธรรมชาติอุดมสมบูรณ์ ประกอบด้วยระบบนิเวศน์และภูมิประเทศหลากหลาย ทั้งทุ่งหญ้า ป่าสนเขา ป่าดิบ น้ำตก และหน้าผาชมทิวทัศน์ สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่เด่นๆ ก็มี ผาหล่มสัก ผานกแอ่น ผาหมากดูก น้ำตกโผนพบ น้ำตกเพ็ญพบ ป่าสน ดงเมเปิ้ลแดงในช่วง มกราคม-กุมภาพันธ์ของทุกปี 
ในช่วงฤดูหนาวจะมีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมากเดินทางมาชมความงามของภูกระดึง แต่กว่าจะได้ชมความงามนั้น จะต้องผ่านการเดินเท้าขึ้นภูและปีนป่ายเขาที่มีระยะทางกว่า 9 กิโลเมตร (ขึ้นเขา 5 กิโลเมตร ทางราบอีกประมาณ 3-4 กิโลเมตร) นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่วัดใจของคู่รักได้เป็นอย่างดี ว่าพร้อมจะดูแลช่วยเหลือซึ่งกันและกันจริงยามลำบากหรือไม่ 

แต่ใช่ว่าเส้นทางขึ้นภูกระดึงจะมีแต่ความยากลำบากเพียงอย่างเดียว ตลอดระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร ถึงแม้จะเป็นเส้นทางที่ค่อนข้างชัน แต่ระหว่างทางจะมีจุดพักที่เรียกกันติดปากว่า “ซำ”หมายถึงบริเวณที่มีแหล่งน้ำใต้ดินผุดขึ้นมา แต่ละจุดมีเครื่องดื่มและอาหารบริการ 
อย่าคิดว่าจ.เลยมีแต่ภูกระดึงที่สวยงามเพียงภูเดียว ที่ ภูหลวง ก็จัดได้ว่ามีความสวยงามและมีเอกลักษณ์ไม่แพ้กัน 

                                                                     ภูหลวง 

ภูหลวง หมายถึงภูเขาใหญ่ ภูหลวงมีเนื้อที่ประมาณ 140 ตารางกิโลเมตร มีเทือกเขาสลับซับซ้อน ประกอบด้วยภูเขาหลายลูก ด้วยสภาพอากาศที่หนาวเย็น ภูหลวงจึงเป็นถิ่นพันธุ์ไม้เมืองหนาว เช่น ไม้สนแผงหรือต้นแปกลม ต้นเมเปิ้ล หรือที่เรียกว่าไฟเดือนห้า บ๊วยจีน และเป็นแหล่งกำเนิดกล้วยไม้ป่าอีกกว่า 160 ชนิด มีโตรกผา สวนหินธรรมชาติงามน่าชม บริเวณโคกผาเตลิ่น ด้านตะวันออกของเทือกภูหลวงมีการค้นพบซากหินรอยเท้าไดโนเสาร์อายุกว่า 120 ล้านปี 
ในแต่ละฤดูฝนภูหลวงนั้น ก็จะมีสีสันและความสวยงามแตกต่างกันออกไป ถ้าเดินทางมาในฤดูร้อน ดอกไม้ป่าที่บานจะมีสีสันเจิดจ้าสวยงามอย่าง เอื้องตาเหิน กล้วยไม้ป่าดอกขาว มีกระเปาะสีเหลืองลักษณะคล้ายแคทลียา ชอบขึ้นตามก้อนหิน หรือกุหลาบขาว ซึ่งออกเป็นช่อ แต่ละดอกมีลักษณะคล้ายดอกชบา

 

ดอกไม้สีสันสวยงามน่าชม....ที่ภูหลวง

 หรือถ้ามาฤดูฝน ก็จะได้พบกับพืชล้มลุกต้นเล็กๆที่ชอบขึ้นตามพื้นดิน อย่างเปราะภู ดอกไม้ป่าดอกเล็กๆสีชมพูอมม่วง และเทียนน้อย ดอกสีม่วงขึ้นกระจายริมผา ฤดูนี้ตามโขดหินยังมีเฟิร์นและไลเคน สีสันสวยงามน่าชม ถ้าจะให้ถูกใจจริงๆต้องมาฤดูหนาว เพราะอากาศเป็นใจ มองไปทางไหนก็สวยงาม แถมยังมีต้นก่วมแดงหรือที่เรียกกันติดปากว่า ต้นเมเปิ้ล จะเปลี่ยนสีเป็นสีแดงแล้วผลัดใบ มองต่ำลงไปอีกนิดที่พื้นดินจะเป็นต้นกระดุมเงิน ออกดอกสีกลมๆขาวๆ แต่ที่น่าตื่นตาตื่นใจที่สุดเห็นจะเป็นรองเท้านารีปีกแมลงปอ ซึ่งขึ้นอยู่บนก้อนหินและตามพื้นป่าดิบเขา

                                                            อุทยานแห่งชาติภูเรือ 

แต่ถ้าใครที่อยากเห็นแม่คะนิ้งและทะเลหมอก ต้องมาที่ ภูเรือ แห่งอุทยานแห่งชาติภูเรือ ซึ่งเป็นหนึ่งในเทือกเขาใน อ.ภูเรือ มีลักษณะพิเศษรูปร่างคล้ายเรือสำเภาใหญ่ ที่ราบบนเขามีลักษณะคล้ายท้องเรือ 
ภูเรืออุดมสมบูรณ์ด้วยป่าหลากชนิด ไม่ว่าจะเป็นป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ป่าดิบชื้น ป่าดิบเขา สัตว์ป่าก็มีหลายชนิด และในฤดูหนาวจะมีนกอพยพมาจากประเทศจีนเป็นจำนวนมาก บริเวณยอดภูเรือจะพบป่าสนเขาสลับกับสวยหิน และลานหินธรรมชาติ สีสายน้ำซึ่งไหลตลอดปี สภาพอากาศบนภูเรือนั้นก็เย็นสบายตลอดปี ในช่วงที่มีหมอกลงนักท่องเที่ยวสามารถชมทะเลหมอกได้ตามจุดต่างๆริมหน้าผา และบางช่วงที่อากาศหนาวจัด อาจได้พบกับปรากฏการณ์ธรรมชาติ หรือที่รู้จักกันดีในนาม “แม่คะนิ้ง”คือน้ำค้างบนยอดหญ้าที่จับตัวเป็นน้ำแข็ง

สวยงามและแปลกตามากลงจากภูมาสู่พื้นดินกันบ้าง เดี๋ยวจะคิดว่าที่ จ.เลย มีดีแต่ภู แต่ที่จริงๆแล้วบนพื้นราบข้างล่างยังมีส่วนที่น่าเที่ยวอีกหลายกลาก ไม่ว่าจะเป็นพระธาตุสัจจะ ซึ่งเป็นเหมือนพระธาตุพนมจำลอง สร้างขึ้นเพื่อเป็นการต่อชะตาพระธาตุพนม และเพื่อเป็นการตั้งสัจจะบารมีตามอธิษฐานของผู้สร้างให้พุทธศาสนาดำรงสืบไปในดินแดนแถบนี้

พระธาตุสัจจะ ซึ่งเป็นเหมือนพระธาตุพนมจำลอง

ด้านศิลปวัฒนธรรม งานประเพณีต่างๆก็น่าสนใจ เพราะ จ.เลย เป็นเมืองชายแดนที่ติดต่อกับลาวหรือล้านช้างในอดีต ในเมืองเลยจึงมีกลิ่นอายของศิลปะแบบล้านช้างแผ่เข้ามา จะสังเกตได้จากโบสถ์ วิหาร หอพระไตรปิฏกที่มีเครื่องบน หรือหลังคาเป็นชั้นซ้อนลดหลั่นกันลงไป แต่ละชั้นมุงด้วยแป้นเกล็ดหรือกระเบื้องไม้ อันเป็นลักษณะที่นิยมในศิลปะล้านช้างหรือลาว

ทางขึ้นไปสักการะ...พระธาตุศรีสองรัก

สำหรับสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญก็คือ พระธาตุศรีสองรัก ซึ่งเป็นพระธาตุก่ออิฐถือปูน สูงประมาณ 30 เมตร ฐานสี่เหลี่ยมจตุรัส ย่อมุมไม้สิบสอง มีองค์ระฆังทรงบัวเหลี่ยม เช่นเดียวกับพระธาตุพนม

พระธาตุศรีสองรัก   เป็นสิ่งศักดิ์ สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเลย

และด้วยความที่เป็นสิ่งศักดิ์ สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเลย ชาวเลยก็ได้จัดงานสมโภชพระธาตุศรีสองรักขึ้นทุกปีในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ซึ่งถือเป็นงานประจำปีที่ยิ่งใหญ่สำหรับชาวเลย โดยในงานชาวบ้านจะนำต้นผึ้งมาเวียนเทียนรอบองค์พระธาตุฯ แล้วส่งเทียนที่นำฟั่นรวมกันเป็นมัดต่อๆกันไปจนครบ 3 รอบ นอกจากงานสมโภชพระธาตุศรีสองรักแล้วแล้ว จ.เลยก็ยังมีอีกหนึ่งงานประเพณีที่น่าสนใจ นั่นก็คือ งานบุญหลวง ในช่วงระหว่างปลายเดือน 7 และต้นเดือน ซึ่งเป็นงานที่ผนวกประเพณีที่สำคัญของชาวอีสาน คืองานบุญพระเวส (เทศน์มหาชาติ)กับบุญบั้งไฟ งานบุญนี้จะจัดขึ้นในเขตสุขาภิบาลอ.ด่านซ้าย สัญลักษณ์ที่โดดเด่นในงานคือขบวนผีตาโขน ซึ่งมีอยู่ 2 ชนิด คือผีตาโขนใหญ่และผีตาโขนเล็ก โดยผีตาโขนใหญ่ทำมาจากหุ่นโครงไม้ไผ่ สูงราว 2-3 เมตร จะทำเพียง 2 ตัวเท่านั้น ส่วนผีตาโขนเล็กนั้นใครจะทำก็ได้ แต่ส่วนมากจะเป็นเด็กชายและพวกหนุ่มๆ เพราะเป็นการเล่นที่ค่อนข้างผาดโผนและซุกซน

ผีตาโขนเล็ก

หรืออีกงานที่มีความแปลกและพิเศษไม่เหมือนใคร เห็นจะเป็น งานแห่ต้นดอกไม้ เล่ากันว่าเป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบมาตั้งแต่ครั้งสร้างพระธาตุดินแทนของชาวบ้านแสงภา อ.นาแห้ว ในวันที่ 13 เมษายน ชาวบ้านจะช่วยกันทำต้นดอกไม้ในหมู่ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง หรือคนในละแวกบ้านเป็นกลุ่มๆ ต้นดอกไม้ทำด้วยไม้ไผ่ประดับดอกไม้และเครื่องไทยทาน รูปทรงอย่างปราสาทผึ้ง พอถึงเวลาพลบค่ำแต่ละบ้านจะช่วยกันแห่ไปถวายเป็นพุทธบูชาที่วัดศรีโพธิ์ชัย ซึ่งเป็นวัดศูนย์กลางของชาวบ้านแสงภา

วัดศรีโพธิ์ชัย


นอกจากงานแห่ดอกไม้แล้ว ที่ อ.นาแห้วยังมีแห่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงานอีกแห่งคือ อุทยานแห่งชาติภูสวนทราย (นาแห้ว) ด้วยสภาพขุนเขาที่สูงสลับซับซ้อนกันในพื้นที่ อำเภอนาแห้ว ประกอบกับเป็นผืนป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์ สภาพป่าโดยส่วนใหญ่เป็นป่าดิบชื้น ซึ่งมีที่ราบน้อย จุดที่สูงที่สุดประมาณ 1,408 เมตร จากระดับน้ำทะเล สภาพอากาศค่อนข้างเย็นสบายตลอดปี เนื่องจากความสมบูรณ์ของป่าธรรมชาติซึ่งมีพันธุ์ไม้อยู่หนาแน่น ในช่วงฤดูหนาวอากาศค่อนข้างจะหนาวเย็น และยังมีน้ำตกน้อยใหญ่อีกหลายแห่งให้เที่ยวชมกัน

 

 

อุทยานแห่งชาติภูสวนทราย (นาแห้ว)

สวนหินผางามหรือคุนหมิงเมืองไทย 
อยู่ที่บ้านผางาม หมู่ 10 ตำบลปวนพุ จากกิ่งอำเภอหนองหินเข้าไปประมาณ 18 กิโลเมตร สวนหินผางามเป็นสวนหินที่ประกอบด้วยภูเขาขนาดเล็ก ขนาดใหญ่กระจายอยู่ทั่ว ภูเขาบางลูกสามารถเดินผ่านทะลุได้ สวนหินแห่งนี้จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า “คุนหมิงเมืองไทย”

คุนหมิงเมืองไทย

แก่งคุดคู้ เป็นแก่งหินขนาดหใญ่ขวางอยู่กลางลำน้ำโขง ห่างจากตัวอำเภอเชียงคานประมาณ 3 กิโลเมตร ประกอบด้วยหินก้อนใหญ่ ๆ เป็นจำนวนมาก ตัวแก่งกว้างใหญ่เกือบจรดสองฝั่งแม่น้ำโขง มีกระแสน้ำไหลผ่านไปเพียงช่องแคบ ๆ ใกล้ฝั่งทะเลไทยซึ่ง กระแสน้ำเชี่ยวกราก เวลาที่เหมาะชมแห่งคุดคู้ที่สุดคือ เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นเวลาที่น้ำแห้ง มองเห็น เกาะแก่งต่าง ๆ ชัดเจน บริเวณแก่ง มีร้านอาหารจำหน่ายมากมายด้วยครับ

แก่งคุดคู้

นับว่าจ.เลย แม้จะเป็นเมืองเล็กๆแต่ทว่ามากมายด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมาย เป็นจุดมุ่งหมายของนักเดินทางที่ชอบผจญภัยไปตามภูต่างๆ นอกจากนี้ประเพณีก็แปลกตาและน่าค้นหา ไม่แพ้ที่ไหนๆเลย 

จังหวัดเลย อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 520 กิโลเมตร มีพื้นที่ 11,424 ตารางกิโลเมตร ในอดีตเป็นชุมชนเล็กๆของอาณาจักรที่มีความรุ่งเรืองควบคู่กับกรุงศรีอยุธยาของไทย ภายหลังอาณาจักรล้านช้างเริ่มอ่อนแอลง จึงมาขึ้นอยู่กับกรุงศรีอยุธยา ต่อมาชุมชนนี้ได้รับการยกฐานะเป็นเมืองเลยในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว 

จังหวัดเลยนับเป็นอีกจังหวัดหนึ่งในเมืองไทย ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่ง สำหรับผู้ที่สนใจสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ใน จ.เลย สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ททท.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเขต 5 โทร.0-4232-5406-7 หรือที่ประชาสัมพันธ์จังหวัดเลย 0-4281-1258


Credit: http://swangkeelee.is.in.th/?md=content&ma=show&id=17
10 ก.ย. 53 เวลา 14:56 10,682 4 30
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...