10 สิ่งประดิษฐ์ที่สมควรมีในอนาคต

30 ทิปคอมฯที่ไม่ควรมองข้าม

   
1. ในขณะที่คุณกำลังจะ Restart เครื่องใหม่ ก่อนที่จะกดปุ่ม OK ให้คุณกด Shift ค้างไว้ จะทำให้คุณ Restart ได้เร็วขึ้น 
2. ในบาง Web Site หากคุณกด Ctrl ค้างไว้ และเลื่อน Scroll ที่ Mouse จะทำให้ตัวอักษรของ Web Site นั้นใหญ่ขึ้น 
3. หากกดปุ่ม Refresh หรือ F5 แล้วยังเป็นข้อมูลเดิม ลองกด Ctrl + F5 รับรองจะได้ข้อมูลที่ใหม่ล่าสุดแน่ๆ 
4. คุณสามารถเปิดไฟล์ Tips.txt ขึ้นมาเพื่ออ่านเทคนิคต่างๆ ได้ ซึ่งไฟล์นี้จะอยู่ใน c:windows ของคุณ 
5. ในระหว่างที่คุณกำหลังใช้งาน IE อยู่นั้น สามารถกดปุ่ม F4 เพื่อเป็นการเปิดดู URL List ในช่อง Address ได้เลย 

6. การกดปุ่ม Esc ระหว่างการใช้ IE จะทำให้ IE ของคุณนั้นหยุดโหลดได้ โดยที่ไม่ต้องกดปุ่ม Stop 
7. ระหว่างการใช้ IE สามารถกดปุ่ม Alt + D หรือ Ctrl + Tab เพื่อเข้า Address bar อย่างเร็วได้ 
8. คุณสามารถเพิ่มความเร็วให้กับ Internet ได้โดยทำการถอดสายเครื่องโทรศัพท์ ที่มีการต่อพ่วงอยู่กับสายที่ใช้ต่อ Internet ออก 
9. คุณสามารถ ไปที่ Start -> Run และพิมพ์ว่า welcome กด Enter เพื่อเปิดหน้าต่างต้อนรับของ Windows ได้ 
10. ที่ Notepad หรือ ICQ หากคุณลืมเปลี่ยน Mode ภาษา ให้กดปุ่ม Ctrl + Back Space เพื่อแก้คำที่พิมพ์ผิดไปแล้ว 

11. คุณสามารถ เปิด Folder Desktop อย่างรวดเร็ว โดย Start -> Run พิมพ์จุด (.) ลงไปแล้วกด Enter 
12. ใน IE สามารถกด Space Bar เพื่อนเลื่อนหน้า Page ลงได้ ส่วนเลื่อนขึ้นคือ Shift + Space Bar 
13. ใน Windows คุณไม่สามารถ สร้าง Folder ที่ชื่อ "con" ได้ 
14. ใน IE ที่ช่อง Address ปุ่ม Ctrl+Enter สามารถช่วยคุณ ในการพิมพ์ URL ได้เร็วยิ่งขึ้น 
15. การกด Ctrl ค้างเอาไว้ ตอนเวลา BOOT เครื่อง จะทำให้คุณไม่พลาด Startup Menu 

16. คุณสามารถปิดนาฬิกาที่ Taskbar ได้ โดยคลิกขวาที่ Task bar > Properties > เอาเครื่องหมาย Show Click ออก 
17. หากคุณกด F11 ใน Windows Explorer จะช่วยให้มีการทำงานที่สะดวกขึ้น 
18. ใน ICQ การส่ง Message หากคุณกด Ctrl+Enter จะสะดวก กว่าการ Click Mouse ที่ปุ่ม send 
19. คุณสามารถกด F2 เพื่อ ใช้ในการเปลี่ยนชื่อ Icon ต่างๆ ได้ 
20. การกด F5 ใน NotePad จะเป็นการแทรก เวลา และวันที่ ปัจจุบัน 

21. การกด Windows + E จะเป็นเปิด Windows Explorer ขึ้นมา 
22. เปิด System Properties อย่างรวดเร็วคือการกด Window + Pause Break 
23. การย่อยทุกๆ หน้าต่างที่เปิดใช้งาน ให้ยุบไปให้หมด คือการกด Window + D ถ้าจะขยายคืนมาอีก ให้กดซ้ำ 
24. การเคาะวรรคในโปรแกรม Dreamweaver คือ Shift + Ctrl + Space Bar ส่วนการเว้นบรรทัดคือ Shift + Enter 
25. การลบไฟล์แบบ ไม่เก็บไว้ใน Recycle Bin คือการกด Shift + Delete 

26. การกด Shift ค้างไว้ เวลาใส่แผ่น CD-Rom จะเป็นการไม่ให้มันเปิด Autorun ของแผ่น CD-Rom นั้นขึ้นมา 
27. การ Restart เครื่องอย่างเร็ว คือไปที่ Start -> Shut Down... -> Restart จากนั้น ก่อนที่จะ OK ให้กด Shift ค้างเอาไว้ 
28. ในระหว่างใช้ Browser คุณสามารถกดปุ่ม Space Bar เพื่อเลื่อนหน้าลง และ Shift + Space Bar เพื่อนเลื่อนหน้าขึ้นได้ 
29. กด Shift + คลิก จะเป็นการเปิดหน้าต่างขึ้นมาใหม่ โดยไม่ต้อง back กลับ 
30. คุณสามารถ ไปที่ Start -> Run และพิมพ์ว่า hwinfo /ui กด Enter เพื่อดูรายงานต่างๆ ของ HardWare 

---------------------------------------------------------------------
10 สิ่งประดิษฐ์ที่สมควรมีในอนาคต

อันดับที่ 10  
Interstellar Travel

มนุษย์มีความกระหายและกระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้จากดินแดนใหม่ๆ มาเป็นเวลานาน ภายหลังจากที่มนุษย์คิดค้นจรวดได้ เป็นแรงปรารถนาอันยิ่งใหญ่ที่จะส่ง ยานอวกาศ ไปพร้อมกับจรวดเพื่อสำรวจดินแดนอันกว้างใหญ่ในอวกาศ จวบจนกระทั่งมาถึงปัจจุบัน แต่ ก็มีปัญหาก็คือเชื้อเพลิงที่ต้องใช้อย่างมหาศาลและระยะทางมหาศาลที่มีหน่วย วัดเป็นปีแสง มีวิธีไหนที่เราสามารถการเดินทางระหว่างดวงดาวได้ง่ายๆ บ้างหนอ สังเกต ไหมครับว่าทำไมมนุษย์ต่างดาวถึงมายังโลกได้ ทั้งๆ ที่มีโลกมีระยะทางไกลหลายหมื่นปีแสดง ก็เพราะยานของพวกเขาต้องมีระบบอะไรสักอย่างในการย่นระยะทางการเดินทางแน่นอน หากเรารู้เทคโนโลยีนี้เราสามารถเดินทางไปดวงดาวไหนๆ ก็ได้ในจักรวาล โดยแนวคิดนี้ปรากฏอยู่ในนิยายวิทยาศาสตร์มานานแล้ว ปัจจุบันดูเหมือนว่า NASA จะพยายามทดลองโครงการการขับเคลื่อนเช่นนี้อยู่ และบางทีมันอาจเป็นไปได้ในอนาคต

อันดับที่ 9
Terraforming

มีความหมายว่า การเปลี่ยนสภาพของดาวเคราะห์(Terraform) กระบวนการสมมุติที่ให้ดาวที่แห้งแล้ง มีบรรยากาศเบาบาง มีความเปลี่ยนแปลงทางธรณีวิทยา การเปลี่ยนแปลงสภาพภายในดาว จนเกือบปราศจากสนามแม่เหล็ก(และรังสีต่างๆจากดวงอาทิตย์ ชการปรับเปลี่ยนบรรยากาศ, อุณหภูมิ, พื้นผิว และนิเวศวิทยาให้ดวงดาวนั้นมีลักษณะคล้ายโลก ที่เราสามารถเข้าไปอยู่อาศัยได้ เช่นดวงอังคารที่มีโครงการมายาวนานแล้วว่าสักวันเราจะสามารถอพยพไปอยู่ที่ นั้นได้เหมือนกับอยู่บนโลก โดยแนวคิดนี้เป็นขององค์การนาซา ที่เริ่มมีโครงการจะไปเริ่มสร้างเมืองในอวกาศ โดยเลือกพื้นที่ดาวอังคาร เพราะมีสภาพเหมือนกับโลก ขณะที่ดาวดวงอื่นเต็มไปด้วยอากาศพิษ ดาวพุธอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์เกินไป ดาวพฤหัสฯ มีสภาพเป็นกรด ดาวอังคารแม้อากาศหนาวและมีสภาพไร้น้ำหนัก แต่มนุษย์อยู่ได้ด้วยการไปสร้างเมืองกระจกทำให้มีแรงโน้มถ่วงเหมือนกับอยู่ บนโลกได้ ในเบื้องต้นจะส่งคนออกไปสร้างอุตสาหกรรมในอวกาศ ใช้วัตถุดิบจากดวงจันทร์ของดาวอังคาร ซึ่งมีอยู่ 2 ดวง จะมีสารทุกอย่างที่เราต้องการ ไม่ว่าจะเป็นเหล็ก ยิปซัม แร่ธาตุต่างๆ และการขนย้ายแร่ธาตุเหล่านี้จะเป็นไปโดยง่ายบนสภาพไร้น้ำหนัก และองค์การนาซาวางแผนไว้ปี ค.ศ. 2020 มนุษย์จะลงไปบนดาวอังคารเป็นครั้งแรก 

อันดับที่ 8
Space Elevator

แนวคิดเรื่องลิฟต์อวกาศ ถูกเสนอขึ้นครั้งแรกโดยผู้เชี่ยวชาญด้านอวกาศ และจรวดขับดัน ชาวรัสเซีย ชื่อ คอนสแตนติน โซลคอฟสกี (Constantin Tsiolkovsky, ค.ศ. 1857 - 1935) ได้เขียนบทความชื่อ "Daydream about the Earth and the Heaven" (ฝันกลางวันเกี่ยวกับโลกและสวรรค์) ในปี 1985 กล่าวถึง "หอคอยสูงเสียดฟ้าจากผิวโลกถึงอวกาศ” จากนั้นเป็นต้นมาก็มีหลายคนวางโครงการที่ยิ่งใหญ่โดยพยายามสร้างทางเชื่อม โลกกับดวงดาวต่างๆ ไว้มีวัตถุประสงค์เคลื่อนย้ายคนและสิ่งของจากพื้นผิวโลกขึ้นไปในอวกาศ รูปแบบที่มีการนำเสนอมักเป็นโครงสร้าง โดยสร้างต่อเนื่องจากผิวโลก ขึ้นไปยังวงโคจรค้างฟ้า และสร้างต่อเนื่องออกไป โดยมีตุ้มน้ำหนักถ่วงที่ปลายอีกด้านหนึ่ง วัสดุที่มีการเสนอให้ใช้ มีลักษณะเป็นเคเบิล หรือแถบรับน้ำหนัก ที่สามารถรับกำลังได้สูง โดยทำเลที่ตั้งโครงสร้างจะอยู่บริเวณแถบเส้นศูนย์สูตร แนวคิดเรื่องลิฟต์อวกาศมีเค้าลางแห่งความเป็นจริงมากขึ้นเมื่อ นาซ่า ได้ให้ความสนใจโครงการดังกล่าวอย่างจริงจังและได้นำแนวคิดดังกล่าวเข้าร่วม พิจารณาในปี คศ.1999 ทั้งได้มีการทดลองเชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานของ "ลิฟต์อวกาศ" หรือชื่อในภาษาอังกฤษว่า Geostationary Orbiting Tether "Space Elevator" โดยได้ซึ่งจัดขึ้น ณ ศูนย์การบินอวกาศมาร์แชล เมืองฮันสวิลล์ รัฐอลาบามา ประเทศสหรัฐอเมริกา รวมทั้งนาซ่าจัดให้มีการวิจัยในประเด็นต่างๆที่เกี่ยวข้อง เช่น การศึกษาวิจัยความเป็นไปได้จริงของลิฟต์อวกาศมีมากน้อยเพียงใด การวิจัยและพัฒนาหาวัสดุเหมาะสมสำหรับใช้เป็นสายเคเบิลของลิฟต์อวกาศ การทดลองขั้นต้นเกี่ยวกับลิฟต์อวกาศโดยยานขนส่งอวกาศโดยได้ทดลองปล่อยสายเค เบิ้ลหลายกิโลเมตรเป็นจำนวนหลายครั้ง โครงสร้างของลิฟต์อวกาศ ระบบขับเคลื่อน รวมทั้งเรื่องผลตอบแทนทางด้านเศรษฐศาสตร์

อันดับที่ 7
Force field

สนามพลังงาน, บาเรีย, เกราะพลังงาน เกราะบาเรีย โล่มหัศจรรย์ ที่เราพบเห็นในหนังนิยายไซไฟแหละครับ เคยเห็นไหมจำพวกสงครามอวกาศที่ปล่อยพลังงานโดยใช้อนุภาคอะไรสักอย่างป้องกัน อาวุธหรืออุกาบาตต่างๆ ไม่ให้เข้ามาทำอันตราย ยาน, ดวงดาวได้ มันคงดีไม่น้อยหากเรามีเทคโนโลยีชนิดนี้ เพราะหากมีโลกเราก็จะปลอดภัยเรื่องอุกาบาตรชนโลก ยานอวกาศสามารถป้องกันชั้นบรรยากาศก็ได้ สหรัฐก็ไม่ต้องกลัวนิวเคลียร์เกาหลีเหนือโจมตีประเทศของตน ป้องกันน้ำท่วม ป้องกันเมียที่เห็นเราเจ้าชู้เอาปืนมายิง ทุกอย่างป้องกันด้วยบาเรีย รู้สึกว่าเทคโนโลยีเป็นจริงอีกครั้งเมื่อมหาลัยกลุ่มวอชิงตันพยายามทดสอบโดย ใช้ม่านพลาสม่าห่อหุ้มยานอวกาศ เพื่อใช้ป้องกันรังสีจากดวงดาวและอนุภาคบางอย่างเวลาท่องอวกาศ เช่นเดียวกับคนงานในโรงไฟฟ้า 3M ในมลรัฐเซาท์แคโรไลนา ในเดือนสิงหาคม 1980 ได้พบผนังไฟฟ้าสถิตมองไม่เห็นในพื้นที่หนึ่งในแผ่นฟิล์มพอลิโพรไพลีนซึ่งบาง ทีมันอาจสามารถดัดแปลงเป็นบาเรียในอนาคตก็เป็นไปได้

อันดับที่ 6
Panacea (medicine)

ยาแก้สารพัดโลก(ภาษาอังกฤษตั้งชื่อตามเทพธิดาแห่งการรักษาของกรีก)แน่นอนว่า เทคโนโ,ยีสำคัญต่อชีวิตเราแน่นอน ต่อไปนี้เราก็ไม่ต้องกลัวโรคร้ายที่รักษาไม่หายอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็น เอดส์, มะเร็ง, ไวรัสทุกอย่าง อีกทั้งยังมีสรรพคุณในการยืดอายุอีก เรียกได้ว่าครอบจักรวาลเลย และความคิดเหล่านี้กำลังเป็นจริงเมื่อความก้าวหน้าทางการแพทย์ โดยพวกเขากำลังศึกษายีนพันธุกกรมและสิ่งแวดล้อมที่ ในการสร้างระบบภูมิคุ้มกันเพื่อให้มนุษย์มีอายุยืนยาวขึ้นในยุคปัจจุบัน

อันดับที่ 5
Anti-Gravity

พลังงานต้านแรงโน้มถ่วง มันเป็นแนวคิดในการสร้างสถานที่หรือวัตถุที่เป็นอิสระจากแรงโน้มถ่วงของโลก 8คือแรงโน้มถ่วงของโลกจะไม่แสดงหรือไม่สามารถใช้ได้กับสถานที่หรือวัตถุ เหล่านั้น พลังงานต้านแรงโน้มถ่วงนั้นไม่ใช่ของใหม่ มนุษย์เราใฝ่ฝันถึงเรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว ทั้งในนิยายวิทยาศาสตร์และโลกของวิชาการ สำหรับในประวัติศาสตร์ของฟิสิกส์นั้น ความคิดเกี่ยวกับ Anti-Gravity ที่สำคัญที่สุด ได้ถูกประดิษฐ์เมื่อต้นศตวรรษที่ 20 โดยนักวิทยาศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในศตวรรษที่แล้ว ซึ่งในเวลานั้นเป็นเพียงแค่เสมียนธรรมดาๆคนหนึ่งในสำนำงานจดลิขสิทธิ์ เขาผู้นั้นคือ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นั่นเอง และต่อมาก็มีการพัฒนาเรื่องนี้หลายโครงการและบางทีมันอาจจะเป็นจริงในอนาคต ก็ได้ 

อันดับที่ 4
Bionics

Bionics หมายถึงการพัฒนาเทคโนโลยีเฉพาะที่เลียนแบบการปรับตัวทางชีวิภาพในสิ่งแวด ล้อม เช่นเรือดำน้ำผิวเหมือนปลาโลมา, ภาพอัลตราซาวด์เลียนแบบคลื่นความถี่ของค้างคาว นอกจากนี้คำนี้ยังหมายถึงการเปลี่ยนหรือเพิ่มประสิทธิภาพร่างกายหรืออวัยวะ ของมนุษย์ให้เข้ากับเครื่องจักร เช่น หัวใจเทียม, ประสาทหูเทียม เลนส์ตา ฯลฯ แนวความคิดที่จะจับเอาบางส่วนของหุ่นยนต์มาใส่ให้แก่คนที่มีสมรรถนะร่างกาย ต่ำกว่าคนปกติ เช่น แขนเทียม ขาเทียม ไปจนถึงมือเทียม ได้รับการตอบรับอย่างกว้างขวางจากทั้งผู้วิจัยและพัฒนา และผู้ใช้ทั่วโลก ในปี ค.ศ. 2006 โลกได้กำเนิดมนุษย์กึ่งหุ่นยนต์ทั้งเพศชายและเพศหญิงเป็นครั้งแรก ทั้งคู่ได้สูญเสียแขนจากอุบัติเหตุ คลาวเดีย มิทเชล (Claudia Mitchell) เล่าว่าในช่วงแรกที่เธอกลับมาใช้ชีวิตที่มีแขนข้างเดียว เวลาจะรับประทานกล้วย เธอต้องเอาเท้าทั้งสองจับกล้วยแล้วใช้มือขวาที่เหลืออยู่ปอกกล้วย “การปอกกล้วยเข้าปากไม่ใช่เรื่องง่ายๆ อย่างที่เคยคิด” ถึงแม้ในที่สุดเธอจะยังสามารถทำภารกิจแบบนี้ได้ มันก็มักจะทำให้อารมณ์เธอแปรปรวนทุกครั้ง แต่ตอนนี้เธอเพียงแต่เอาแขนกลมาอยู่ใกล้ๆ กล้วยแล้วพยายามคิดที่จะจับกล้วย แขนกลนั้นจะตอบสนองคำสั่งจากสมองของเธอด้วยการจับกล้วยลูกนั้น ก่อนที่เธอจะใช้มือจริงของเธอปลอกเปลือกมันออกเพื่อรับประทาน ทหารผ่านศึกพิการจากสงครามในอิรักของสหรัฐอเมริกาจำนวนหลายร้อยคน ต่างก็รอคอยการกลับไปใช้ชีวิตที่ถึงไม่ใช่แต่ก็ใกล้เคียงกับสิ่งที่เคยทำ อยู่เดิม เทคโนโลยี Bionics จักเป็นความหวังให้ผู้พิการทางร่างกายทั่วโลก ได้ใช้ชีวิตเทียบเท่ากับคนธรรมดา

อันดับที่ 3

Global Municipal Wi-Fi

เครือข่ายระบบไร้สายทั่วโลก หรือ Wi-Fi(WLAN = Wireless Local Area Network) เป็นแนวคิดการเปลี่ยนทุกที่ในโลกในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตไร้สารให้เป็น แบบบริการสากล โดยใช้โปรแกรมเครือข่ายไร้สาร อุปกรณ์ทุกตัวที่ต่างยี่ห้อกันจะสามารถติดต่อสื่อสารกันได้โดยไม่ประสบ ปัญหา โดยระบบการสื่อสารข้อมูลแบบไร้สารนี้มีความคล่องตัวมาก เพราะใช้การส่งคลื่นความถี่วิทยุในย่านวิทยุ RF และ คลื่นอินฟราเรด ในการรับและส่งข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่อง ผ่านอากาศ ทะลุกำแพง เพดานหรือสิ่งก่อสร้างอื่นๆ โดยปราศจากความต้องการของการเดินสาย อีกทั้งยังสามารถทำงานได้โดยสะดวก ไม่เหมือนระบบ LAN แบบใช้สาย ที่ต้องใช้เวลาและการลงทุนในการปรับเปลี่ยนตำแหน่งการใช้งานเครื่อง คอมพิวเตอร์ แต่เทคโนโลยีดังกล่าวนั้นอาจไม่สามารถเป็นจริงได้เพราะขาดความเข้าใจกัน ระหว่างบริษัท เอกชน และรัฐบาล ที่ไม่สนับสนุนเท่าใดนัก

อันดับที่ 2

Transatlantic tunnel

อุโมงค์ข้ามหมาสมุทรแอตแลนติก เป็นอุโมงค์ของรถไฟฟ้าที่คิดจะสร้างขึ้นเพื่อใช้ข้ามระหว่างทวีปอเมริกา เหนือและทวีปยุโรป โดยรถไฟฟ้านั้นจะใช้เทคโนโลยีในการขับเคลื่อนด้วยความเร็วสูง 300 ถุง 5000 mph(500 ถึง 8000 km/h) พูดง่ายๆ ก็คือสามารถเดินทางจากนิวยอร์กไปลอนดอนได้โดยใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง หรือจัดส่งสินค้าต่างประเทศได้อย่างสะดวกสบาย ความเป็นไปได้ของโครงการดังกล่าวนี้ความจริงไม่เกินความสามารถของเรา หากแต่อุปสรรคสำคัญในการสร้างอุโมงค์ดังกล่าวคือค่าใช้จ่ายที่สูงมาก ประมาณ 12,000,000,000,000 ดอลลาร์(เลขศูนย์ครบทุกตัว)และเทคโนโลยีที่จำเป็นต้องใช้วัสดุอย่างดี พร้อมระยะเวลาในการสร้างที่ยาวนานซึ่งบางทีอาจใช้เวลา 3,000 ปี 

อันดับที่ 1

Ocean Colonization

หากวันหนึ่งน้ำท่วมโลกเราจะไปอยู่ที่ไหน คำตอบคือเทคโนโลยี “การสร้างอาณานิคมใต้น้ำ” จะดีขนาดไหนที่เราสามารถสร้างโลกใต้น้ำโดยไม่ต้องกังวลน้ำท่วมได้ Ocean Colonization เป็นทฤษฏีที่มีความคิดว่ามนุษย์น่าจะสามารถสร้างชุมชนถาวรขนาดใหญ่ที่สามารถ จุคนได้เป็นแสคนในโลกใต้ทะเลได้โดยไม่ต้องกลัวเรื่องความกดดันอากาศของน้ำ หรือเรื่องอากาศหายใจ โดยอาณานิคมนั้นใช้พลังงานหมุนเวียน ทำให้เกิดแสงสว่างเสมือนกับหนึ่งโลกข้างบน(ความจริงความหมายนี้รวมไปถึงการ สร้างอาณานิคมที่พื้นน้ำด้วย) แน่นอนว่าเทคโนโลยีนี้ก็ยังคงเป็นทฤษฏีในฝันต่อไปเนื่องจากความเป็นไปได้ต่ำ มาก ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงสิ่งแวดล้อมอารยธรรมและสภาพเศรษฐกิจและสังคมใน อาณานิคม การสร้างสิ่งมีชีวิตที่สามารถปรับตัวกับโลกใต้ทะเล ระบบพลังงานมหาศาล การขนส่งทางทะเล

Cap. Jack Sparrow

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...