นายทันสมัย กมมสิทธิ์ ผู้อำนวยการทั่วไป บริษัท ลาว เทเลคอมมูนิเคชั่น ผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3จี รายแรกของประเทศลาว เผยว่า ถึงเวลาที่ประเทศไทยจะต้องมีเทคโนโลยี 3จี ได้แล้ว เพราะขณะนี้ทั่วโลกมีหมดแล้ว แม้กระทั่งประเทศลาวที่มีผู้ใช้โทรศัพท์มือถือเพียง 58% ของจำนวนประชากร 7 ล้านคน ก็ยังเปิดบริการ 3จี มา 2 ปีแล้ว
ทั้งนี้หลังเปิดให้บริการ 3จี พบว่า เทคโนโลยีนี้ เป็นปัจจัยสำคัญหนึ่งที่จะช่วยดึงเม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติเข้าประเทศได้มาก ขึ้น เพราะการสื่อสารข้อมูล หรือ ดาตา จำเป็นมากในการติดต่อธุรกิจ รวมทั้งช่วยให้กลุ่มคนรุ่นใหม่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้มากขึ้นด้วย
สำหรับลาว เทเลคอม นั้นรัฐบาลลาวถือหุ้น 51% และไทยคม กลุ่มชิน คอร์ปอเรชั่น ถือหุ้น 49% ปัจจุบันมีฐานลูกค้า 1.4 ล้านราย หรือมีส่วนแบ่งตลาด 52% จากผู้ให้บริการที่มีอยู่ 4 ราย และมีฐานลูกค้า 3 หมื่นราย คาดว่าสิ้นปีจะมีลูกค้า 3จี เพิ่มขึ้นเป็น 1 แสนราย มีรายได้รวม 140 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยการให้บริการ 3จี เสียค่าธรรมเนียมให้รัฐบาลปีละ 2 ล้านเหรียญสหรัฐ
นายอดิศัย สุนทรรัตนารักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็มโฟน ผู้ให้บริการมือถือประเทศกัมพูชา กล่าวว่า ระบบ 3จี จะทำให้การแข่งขันในตลาดมือถือเปลี่ยนสู่เรื่องของคอนเทนต์มากขึ้น แทนที่จะแข่งขันแต่เรื่องราคาเหมือนที่ไทยเป็นอยู่ ซึ่งไม่ทำให้ตลาดก้าวไปข้างหน้า
ปัจจุบันเอ็มโฟนมีฐานลูกค้า 8 แสนราย ครองส่วนแบ่งอันดับ 3 รองจากโมบิเทล และเวียตเทล จากผู้ให้บริการ 9 ราย มีผู้ใช้มือถือทั้งหมด 3.5 ล้านราย และมีประชากร 15 ล้านราย
ด้านนายสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานการตลาด บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือ เอไอเอส กล่าวว่า เอไอเอสได้ร่วมมือกับลาว เทเลคอม และเอ็มโฟน เปิดซิมฝั่งโขง มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าภาคอีสานโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การทำตลาดแบบเซ็กเมนเตชันและเน้นความร่วมมือกับ พันธมิตร และเพื่อเพิ่มยอดลูกค้าในต่างจังหวัดให้มากขึ้น