ผ้าห่อศพพระเยซู


ไม่รู้ว่ามีอาถรรพ์อะไร เขียนเอนทรี่นี้บราวเซอร์ค้างจนต้องเขียนใหม่แต่ต้น 3 ครั้งแล้วค่ะ ถ้าจะอัพช้าไปหน่อยก็ต้องขออภัยด้วยค่ะ
เนื่องจากเนื้อหาของเอนทรี่ใน วันนี้มีความเกี่ยวข้องกับศาสนาสูง หากมีข้อผิดพลาดประการใด หรือทำให้ผู้อ่านเกิดความไม่สบายใจเช่นไร ข้าพเจ้าก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
คุณ K9 ขอบคุณมากค่ะสำหรับรีเควส



Shroud of Turin หรือHoly Shroud

เป็นเวลานาน หลายร้อยปีแล้วที่ผู้คนพากันค้นหาหลักฐานวัตถุเพื่อยืนยันความจริงในไบเบิ้ล ทั้งจอกศักดิ์สิทธิ์อันมีชื่อเสียง เศษซากเรือโนอา หอกซึ่งปลิดชีวิตพระเยซูบนไม้กางเขน ....และผ้าห่อศพแห่งตูรินนี้ก็เป็นหนึ่งในสมบัติศักดิ์สิทธิ์จากเรื่องราวใน พระคัมภีร์

ผ้าห่อศพนี้เป็นที่รู้จักกันมาแต่โบราณแล้วแต่ไม่มีผู้ ค้นพบเป็นเวลาเนิ่นนานจนกระทั่งปรากฏเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นครั้งแรกในปี 1353 เป็นสมบัติของตระกูลชาลนี่ในประเทศฝรั่งเศส ภายหลังถูกนำไปเก็บรักษาที่ชางเบลีจนกระทั่งเกิดเพลิงไหม้ในปี 1532
ปี 1578 ผ้าห่อศพตกเป็นของราชวงศ์อิตาลีและถูกย้ายไปเก็บที่ตูริน และมีการย้ายสถานที่เก็บรักษาอีกหลายครั้งจนกระทั่งอุงเบลที่ 3 แห่งตระกูลซาวอยเสียชีวิตลง ผ้าห่อศพจึงถูกส่งให้กับวาติกันตามคำสั่งเสียของเขา


หีบใส่ผ้าถูกนำ ออกจากวิหารขณะเกิดไฟไหม้

ผ้าห่อศพดังกล่าวเป็นผ้าลินินขนาด 1.1 เมตร ยาว 4.36 เมตร เดิมน่าจะเป็นสีขาวซึ่งปัจจุบันซีดลงเป็นสีเหลืองงาช้าง บนผ้ามีรอยเป็นรูปด้านหน้าและด้านหลังของชายซึ่งประสานมือไว้ยังช่วงเอวกล่าวกันว่าผ้าดังกล่าวถูกใช้ห่อศพของพระเยซูในแนวยาวโดยพับกึ่ง กลางที่ศีรษะและถูกเหลือทิ้งไว้ในสุสานเมื่อพระองค์ฟื้นคืนชีพอีก 3 ให้หลังจากสิ้นพระชนม์บนกางเขน


ภาพแบ่งครึ่ง ของผ้าห่อศพ

มีรอยเปื้อนเป็นเส้นขนานตลอดความยาวของผ้าและรอยซึ่ง อยู่บริเวณช่วงไหล่และขารอยเหล่านี้คือรอยไหม้ซึ่งเกิดจากไฟไหม้เมื่อปี 1532 ขณะที่ผ้าห่อศพถูกเก็บรักษาอยู่ที่ฝรั่งเศส นอกจากนี้ ยังมีรอยเลือดอยู่บริเวณศีรษะ มือซึ่งประสานอยู่ที่เอว หัวเข่า แผ่นหลัง และเท้า (แต่รอยเลือดบางส่วนถูกน้ำระหว่างการดับไฟไหม้เมื่อปี 1532 จนซึมกระจายไปประมาณครึ่งพื้นที่ผ้า)

มีการทำการวิจัยเกี่ยวกับผ้า ห่อศพแห่งตูรินจากหลายสถาบันทั่วโลกมาจนทุกวันนี้ หากก็ยังไม่มีข้อสรุปใดที่สามารถชี้ชัดลงไปได้ว่าผ้าดังกล่าวเป็นของจริง หรือไม่ พอๆกับที่ไม่มีข้อพิสูจน์ว่าเป็นของปลอมเช่นกันการวิจัยในช่วงแรกมีการสรุป ว่า รอยรูปคนบนผ้าน่าจะเกิดจากการใช้สีเขียนมากกว่า (มีการอ้างว่าลีโอนาโด ดาร์วินซี่ น่าจะเป็นผู้วาด เนื่องจากรอยดังกล่าวมีความละเอียดทางด้านสรีระวิทยาสูงมาก)
ภาพถ่ายของ ผ้าห่อศพแห่งตูรินถูกประกาศออกสู่สายตาชาวโลกเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1898 เมื่อช่างภาพได้เอาฟิมล์ลงแช่ในน้ำยาก็ปรากฏว่ารูปรอยคนนั้นเป็นเนกาทีฟใน ขณะที่รอยเลือดกลับเป็นโพสิทีพ (เมื่อล้างภาพออกมาเป็นรูป รอยร่างคนจะเป็นโพสิทีฟและรอยเลือดจะเป็นเนกาทีฟ) ความจริงนี้ทำให้ทั่วโลกพากันตกตะลึง เนื่องจากเทคนิคในเวลานั้นยังไม่สามารถวาดรูปให้เป็นเนกาทีฟได้ เท่ากับว่าผ้าห่อศพแห่งตูรินนี้ไม่ใช่ภาพวาดด้วยมือนั่นเอง



จากการ วิจัยในช่วงหลัง มีการกล่าวว่ารอยดังกล่าวน่าจะเกิดจากปรากฏการณ์ Electrostatic discharge(ESD) มากกว่า ซึ่งนักวิจัยได้อธิบายว่า ศพน่าจะถูกฝังโดยมีแผ่นหินกดทับอยู่ด้านบนและด้านล่างซึ่งบนผ้าน่าจะมีฝุ่น จับอยู่ และเมื่อเกิดแผ่นดินไหว หินก็ปล่อยคลื่นไฟฟ้าออกมา (หินจะปล่อยคลื่นไฟฟ้าออกมาเมื่ออยู่ภายใต้แรงดัน) ฝุ่นจึงเกาะติดกับเนื้อผ้าโดยสะท้อนรูปร่างของศพตามหลักการเดียวกับเครื่อง ถ่ายเอกสาร เมื่อเวลาผ่านไป สีของเนื้อผ้าเปลี่ยนจึงกลายมาเป็นรอยเช่นที่เห็นกัน
(จะอย่างไรก็ดี หากจะเชื่อตามสมมติฐานนี้ก็เท่ากับว่า ศพต้องถูกฝังอยู่เป็นเวลานานมากกว่า 3 วัน ซึ่งเท่ากับเป็นการปฏิเสธการคืนชีพของพระเยซู สมมติฐานนี้จึงไม่เป็นที่ยอมรับเท่าใดนัก)

ปี 1988 ได้มีการตัดส่วนหนึ่งจากผ้าห่อศพส่งไปทำการตรวจโดยเรดิโอคาร์บอน ผลปรากฏว่าผ้าดังกล่าวถูกทำขึ้นในยุคกลางช่วงปี 1260 ถึง 1390 หากก็มีคำค้านเกี่ยวกับผลการตรวจนี้มากมาย เนื่องจากมีการวิจัยพบว่าเนื้อผ้ามีไบโอพลาสติกซึ่งสร้างโดยแบคทีเรียครอบ คลุมอยู่ทั่วเนื้อผ้า ซึ่งน่าจะเป็นเหตุให้การตรวจสอบอายุมีการคลาดเคลื่อนได้เป็นจำนวนมาก และโดยการตรวจสอบด้วยวิธีอื่นพบว่าผ้าถูกทำขึ้นในช่วงอารยธรรม Dead Sea scrolls ซึ่งอยู่ประมาณศตวรรษที่ 1 ซึ่งการวิจัยดังกล่าวก็ยังดำเนินมาจนกระทั่งทุกวันนี้ว่าผ้าผืนนี้เป็นของ จริงหรือไม่ และหากเป็นของจริงศพที่เคยถูกผ้าผืนดังกล่าวห่อหุ้มไว้คือพระเยซูจริงหรือ ไม่

ปัจจุบันผ้าห่อศพถูกเก็บรักษาอยู่ที่วิหารเซนต์ยอห์นที่เมืองตู ริน แต่เนื่องจากแสงได้ทำให้ผ้าเสื่อมสภาพลง ปัจจุบันจึงไม่มีการนำออกแสดงในที่สาธารณะบ่อยครั้งนัก ครั้งล่าสุดที่ผ้าห่อศพแห่งตูรินปรากฏต่อชาวโลกคือมื่อปี 2000 และมีหมายกำหนดการว่าจะออกนำแสดงครั้งต่อไปในปี 2025

 

ขอขอบคุณเนื้อหาดีดีจาก : http://ohx3.exteen.com/20070105/shroud-of-turin

Credit: sitthipan
8 ก.ย. 53 เวลา 16:17 3,428 1 36
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...