โรงแรมน้ำแข็ง (The Ice Hotel)

โรงแรมน้ำแข็ง : The Ice Hotel

โรงแรมน้ำแข็ง เป็นโรงแรมที่ทำด้วยน้ำแข็งสมชื่อ และนับว่าเป็นสถาปัตยกรรมที่เป็นธรรมชาติมากที่สุดทีเดียว เพราะทำด้วยน้ำแข็งล้วนๆ แต่จะยั่งยืนหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิเป็นสำคัญ ถ้าร้อนมาก ก็ละลายเร็วเป็นธรรมดา และเมื่อโรงแรมละลายไปในช่วงหน้าร้อน (ประมาณเดือนพฤษภาคม-พฤศจิกายน) ในช่วงฤดูหนาวเขาก็จะสร้าง igloo ยักษ์นี้ขึ้นมาใหม่ ทุกๆปี (การสร้างโรงแรมน้ำแข็งขึ้นนี้ ก็คงได้แนวความคิดมาจากกระท่อม igloo ของเอสกิโมนั่นเอง) เมื่ออากาศเริ่มเย็นจนได้ที่ในเดือนพฤศจิกายน และเปิดให้บริการได้ตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเดือนเมษายน น้ำแข็งก็จะเริ่มละลายจนต้องปิดให้บริการประจำปี แต่ก็เป็นข้อดีอย่างหนึ่ง เพราะการสร้างใหม่ในปีต่อๆไป ก็จะมีการพัฒนารูปแบบให้ดีขึ้น และสวยงามขึ้น พร้อมทั้งเทคนิคการสร้างที่ก้าวหน้าขึ้นตามไปด้วย เพราะนอกจากห้องพักแบบต่างๆ 32 ห้องแล้ว ยังมีส่วนอำนวยความสะดวกที่โรงแรมทั่วไปเขามีกัน เช่น โรงหนัง ไนท์คลับ บาร์น้ำแข็ง แกลลอรี่และห้องแสดงนิทรรศการ และที่พิเศษที่สุดคือโบสถ์เล็กๆ สำหรับการแต่งงานอันสุดแสนเย็นยะเยือก รวมๆกันแล้ว ทั้งโรงแรม สามารถรองรับแขกทั้งหมดได้ถึง 400 คน ทีเดียว

การสร้างโรงแรมน้ำแข็งนี่ ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องซีเรียสอะไรนักหรอกครับ ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรมประเภทไหน เพราะเขาสร้างกันแบบ เอามันเข้าว่ามากกว่า เอาความแปลกมาเป็นจุดขาย และสถาปนิกก็พยายามออกแบบอย่างสุดฝีมือ แม้จะมีข้อจำกัดเรื่องวัสดุก่อสร้างก็ตาม เขาสามารถทำได้บรรลุตามวัตถุประสงค์ สามารถดึงดูดคนชอบของแปลกทั้งหลาย มาใช้บริการได้อย่างมากมาย ปัจจุบันโรงแรมน้ำแข็ง มีอยู่ 5 แห่งคือที่
The Ice Hotel : Jukkasjärvi Sweden
Ice Hotel Canada : Quebec, Canada
The Ice Castle : Kemi, Finland
The Alta Igloo Hotel : Alta, Norway
Balea Lac Ice Hotel : Romania
Aurora Ice Hotel : Fairbanks, Alaska

แต่ที่ Jukkasjärvi ใน Sweden และที่ Quebec ใน Canada เป็นโรงแรมที่ดึงดูดผู้คนให้เข้ามาสัมผัสกับประสบการณ์แปลกใหม่ในชีวิตได้มากกว่าเพื่อน เพราะที่ Jukkasjärvi ใน Sweden เป็นโรงแรมที่สร้างมาก่อนถือเป็นต้นแบบ และเจ้าของโรงแรมที่ Quebec ใน Canada ได้ไปเที่ยวชมและปรึกษากับโรงแรมที่ Jukkasjärvi จนได้รับการสนับสนุนและร่วมกันสร้างโรงแรมที่ Quebec ในเวลาต่อมา และได้รับความนิยมกว่าที่อื่น

โรงแรมน้ำแข็งสร้างขึ้นจากวัสดุผสมคือ SNICE (Snow + ICE = เป็นคำที่เรียกกันในพื้นที่ซึ่งมีอุณหภูมิทั่วไปต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง) คือเป็นทั้งน้ำแข็งและหิมะรวมกัน ตัวโรงแรมและเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้น แม้แต่โคม chandelier และแก้วเครื่องดื่มก็ทำด้วยน้ำแข็งทั้งหมด แต่ระบบไฟทั้งหมดไม่ใช้ไฟธรรมดา ไม่มีไฟฟ้าให้ใช้ ไฟแสงสว่างจะเป็นสาย fiber optic เดินไปตามฝ้าเพดาน หรือบางห้องก็จะใช้แสงเทียนใส่ในแท่งน้ำแข็ง แม้แต่เตียงก็ทำด้วยน้ำแข็ง ปูด้วยหนังกวางเรนเดียร์ แต่ถ้ายังไม่อุ่นพอ ก็มีถุงนอนให้ใช้ เพราะอุณหภูมิจะอยู่ระหว่าง -4 ถึง -50 องศาทีเดียว ดังนั้นในส่วนต่างๆของโรงแรม จึงต้องใช้น้ำแข็งไม่ต่ำกว่า 12,000 ตัน รวมกับพวกของใช้ต่างๆอีก 400 ตัน เพื่อสร้างโรงแรมนี้ขึ้นมา รวมพื้นที่ทั้งหมดได้ 3,000 ตารางเมตร

โบสถ์เล็กๆ สำหรับประกอบพิธีแต่งงาน

จุดขายของโรงแรมอีกอย่างหนึ่งซึ่งอาศัยความเย็นเป็นปัจจัยคือ การที่หนุ่มสาวต้องมาอยู่ร่วมเตียงกันในห้องที่เย็นจัดนี้ สิ่งที่แก้ความเย็นได้ ก็คือความอบอุ่นของร่างกายคนเรานั่นเอง บวกกับการออกกำลังให้เกิดพลังงาน ทั้งสองอย่างนี้ เมื่อเอามารวมกันแล้ว ก็จะเป็นกิจกรรมแก้หนาว.......(เว้นวรรคให้จินตนาการ) ที่หนุ่มสาวชอบเป็นอย่างมากนั่นเอง จึงไม่น่าสงกะสัยเลยว่า ทำไมโรงแรมน้ำแข็งที่หนาวเย็นนี้จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากบรรดาหนุ่มสาวไฟแรงทั้งหลาย จนต้องสร้าง wedding chapel เล็กๆสำหรับพิธีแต่งงานเพิ่มขึ้นมาจากห้องพักธรรมดา

บาร์น้ำแข็ง จะใช้แสงสีช่วยเสริมบรรยากาศ เพราะตัวน้ำแข็งเองมันใส ไม่มีสี ถ้าไม่ใช้แสงสีเข้าช่วยแล้ว ตัวโรงแรมทั้งหมดคงดูเย็นยะเยือกและจืดชืดทีเดียว

ถึงแม้ว่าแขกที่มาพักบางคน ถึงกับออกปากว่า จะขอมาพักที่นี่เป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย เพราะทนต่อความหนาวเย็นไม่ได้ก็ตาม แต่ถ้าใครอยากจะพักที่โรงแรมนี้บ้าง ก็ควรจะจองห้องล่วงหน้าด้วย เพราะคิวจองยาวข้ามปีทีเดียว