เจี๊ยบ กาญจนาพร
ปรียานุช ปานประดับ
จอห์น มกจ๊ก หรือ ศุภาพิชญ์ บัวติ๊ก
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก youtube.com
ในโลกนี้ คงไม่มีใครใคร่จะประสบพบเจอสิ่งที่เรียกกันว่า "ความทุกข์" แต่ในความเป็นจริงความทุกข์มักแวะเวียนมาทักทายชีวิตเราอยู่เสมอ ขึ้นอยู่กับว่าจะมากน้อยต่างกัน ต่างรูปแบบ ต่างช่วงเวลา และต่างการหาหนทางพ้นจากทุกข์นั้น...
3 หญิงแกร่งในวงการบันเทิง จากรายการ คนค้นฅน พวกเธอคือตัวอย่างบุคคลที่สูญเสียความสุขในการมีชีวิตอยู่ เพราะความทุกข์ที่ถาโถมเข้ามาอย่างหนักหนาสาหัส แต่นั่นก็ทำให้พวกเธอพบกับจุดเปลี่ยนในชีวิต และค้นพบเส้นทางสายใหม่ที่จะพาให้ชีวิตพ้นจากความทุกข์ที่รุมเร้านานหลายปี
เจี๊ยบ กาญจนาพร
เจี๊ยบ กาญจนาพร
เจี๊ยบ กาญจนาพร
เจี๊ยบ กาญจนาพร
เจี๊ยบ กาญจนาพร
เจี๊ยบ กาญจนาพร
เจี๊ยบ-กาญจนาพร ปลอดภัย ผู้หญิงเก่งที่คร่ำหวอดอยู่ในวงการบันเทิงมานานกว่า 20 ปี เธอผ่านงานในวงการมาแล้วแทบจะทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ดารา นางแบบ พิธีกร ผู้จัดละคร จนเรียกได้ว่า ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน แม้ว่าอีกด้านของชีวิตครอบครัวจะล้มเหลวไม่เป็นท่า แต่ก็การันตีได้ว่า เธอคือหญิงแกร่งตัวจริง ที่สามารถเลี้ยงลูก 3 คน มาได้เพียงลำพัง
แต่แล้วเส้นทางชีวิตที่ดูเหมือนจะราบรื่นของ เจี๊ยบ กาญจนาพร ก็ต้องสะดุดกึก เมื่อจู่ ๆ เธอต้องมีหนี้สินก้อนใหญ่จากการที่ไปทำธุรกรรมร่วมกับเพื่อน ซึ่งเธอไว้วางใจเพื่อนที่รับปากจะจ่ายคืนภาษีในการทำธุรกิจ แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้เป็นไปตามที่รับปากไว้ เมื่อรู้ตัวอีกครั้งหนี้สินจาก 6.8 แสนบาท ก็พอกพูนถึง 3.7 ล้านบาท ทำให้บ้านของเธอถูกยึด ขณะเดียวกัน งานละครที่ทำอยู่ก็เริ่มมีปัญหา และลูกก็กำลังรอเงินก้อนไปจ่ายค่าเล่าเรียนที่สหรัฐอเมริกา
"ตอนนั้นรู้สึกแย่มาก เราอธิบายได้เลยนะว่า ความรู้สึกอกจะแตกมันเป็นอย่างไร มันอัดอั้น เราทำดีทุกอย่างแล้ว แต่ทำไมมันเกิดขึ้น บ้านถูกยึดความรู้สึกเราคือมันร้ายแรงมาก ยอดเงิน 3.7 ล้านบาท ไม่รู้จะเอาเงินมาจากไหน ไม่มีใครเชื่อว่าเราไม่มีเงิน มันอีรุงตุงนังไปหมด มันงง เหมือนถูกชกเลย ไม่อยากคุยกับใครเลยแม้กระทั่งลูก" เจี๊ยบ กาญจนาพร เล่า
วัดป่าหนองแสง จ.ยโสธร เป็นสถานที่ที่ เจี๊ยบ กาญจนาพร เลือกพาตัวเองไปหาธรรมะอันเป็นยาขนานเอกที่ช่วยเยียวยาจิตใจของตัวเอง โดยเธอบอกว่า การมาวัดแห่งนี้ทำให้ได้ข้อคิดเตือนสติจากหลวงปู่ที่สอนไม่ให้ยึดติดกับทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ให้ยึดติดกับบ้านที่ถูกยึด หลังจากนั้นเธอก็นำคำพระสอนมาพิจารณาในทุก ๆ วัน จนสามารถผ่านมรสุมนั้นมาได้
ปรียานุช ปานประดับ
ปรียานุช ปานประดับ
ปรียานุช ปานประดับ
ในขณะที่หญิงเก่งคนหนึ่งในวงการบันเทิงต้องเจอมรสุมหนี้สิน ปรียานุช ปานประดับ ดาราสาวอดีตนางงาม ที่ผันตัวจากเบื้องหน้ามาทำงานละครเบื้องหลัง เป็นผู้จัดละคร "น้ำดี" ที่มีรางวัลการันตีมาแล้วหลายเรื่อง และนอกเหนือไปกว่านั้นเธอยังมีคู่ชีวิตที่ลงตัว จนดูเหมือนว่าชีวิตจะมีความสุขเหลือเฟือ แต่ทว่าเธอคนนี้กลับต้องเผชิญความทุกข์ในอีกรูปแบบ จากโรคที่รุมเร้า จนต้องผ่านการผ่าตัดมากว่า 7 ครั้ง และเคยเดินไม่ได้มานานกว่า 1 ปี
"ตอนนั้นเราต้องนั่งรถเข็น เดินไม่ได้ สืบเนื่องมาจากการที่กินยานอนหลับเป็นประจำ 20 กว่าปี ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 ทำให้เป็นโรคหลายโรค และมีอาการเข่าเสื่อมกระทันหัน ต้องได้รับการผ่าตัดเข่า แต่เราไม่ต้องการผ่า เพราะได้รู้จักกับคนที่ผ่านการผ่าตัดเข่ามาแล้ว เขาบอกว่าไม่ค่อยหาย เราเลยหาวิธีอื่น" ปรียานุช เล่าถึงอาการป่วยของเธอ
เกือบ 4 ปีที่ผ่านมา ปรียานุช ปานประดับ เลือกที่จะรักษาอาการเดินไม่ได้ของตัวเองด้วยวิธีการแพทย์ทางเลือกที่ มูลนิธิไทยกรุณา จ.กาญจนบุรี สถานพยาบาลแห่งนี้จะรักษาผู้ป่วยด้วยการใช้สมุนไพรบำบัด ซึ่งในช่วงแรกเธอต้องใช้ความอดทนอย่างสูงต่อสู้กับความทรมานจากการกินยาสมุนไพรเพื่อบำบัดรักษาโรคที่ตัวเองเป็น เพราะต้องการให้ตัวเองหายเป็นปกติ ด้วยคิดว่าจะได้ไม่เป็นภาระให้กับคนใกล้ตัว
"ตอนที่ป่วยหนัก รู้สึกเลยว่าความตายมันอยู่แค่เอื้อม แต่ไม่กลัวนะ เป็นห่วงแม่กับสามีมาก เพราะกลัวว่าถ้าเราตาย แล้วมันจะเร็วเกินไปสำหรับเค้า เราจึงฮึดสู้ วันแรกที่ตัดสินใจมารักษาที่มูลนิธิไทยกรุณา เราไปถามเค้าเลยว่าเราจะหายไหม จะเดินได้ไหม เค้าบอกว่าเดินได้ เราโอเค ให้ทำอะไรก็จะทำ"
และแล้วความมุ่งมั่นอดทนของเธอก็เป็นผล ปรียานุช ปานประดับ สามารถกลับมาเดินเหินได้อีกครั้ง แต่ปัจจุบันเธอยังคงต้องเดินทางไปกลับมูลนิธิไทยกรุณาอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพื่อรักษาอาการป่วยของตัวเองต่อไป นั่นอาจเพราะเธอได้ค้นพบแล้วว่า ความทุกข์จากโรคภัยไข้เจ็บทำให้รู้สึกถึงความสุขของการมีชีวิตอยู่...
จอห์น มกจ๊ก หรือ ศุภาพิชญ์ บัวติ๊ก
จอห์น มกจ๊ก หรือ ศุภาพิชญ์ บัวติ๊ก
จอห์น มกจ๊ก หรือ ศุภาพิชญ์ บัวติ๊ก
จอห์น มกจ๊ก หรือ ศุภาพิชญ์ บัวติ๊ก
ด้าน "จอห์น มกจ๊ก" หรือ ศุภาพิชญ์ บัวติ๊ก หรือที่รู้จักกันในฐานะภรรยาของ โจ้ มกจ๊ก ตลกแคระ ที่เสียชีวิตจากฝีมือของแก๊งปาหิน เมื่อปี พ.ศ. 2547 เธอคนนี้ต้องเผชิญความทุกข์ ในรูปแบบของการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน จนยากเกินทำใจ เพราะเพียง 3 ปีหลังการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของสามี เธอต้องพบกับสูญเสียอีกครั้งเมื่อ "น้องเจนนี่" ลูกสาววัยอนุบาลเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ
"ตอนนั้นจอห์นเจ็บมาก ภายนอกจอห์นร่าเริง แต่ข้างในจอห์นเจ็บ ถ้าอยู่คนเดียวก็จะร้องไห้ ตอนโจ้เสีย จอห์นก็เสียหลักไปครั้งนึง แต่ก็ยังมีลูกเป็นกำลังใจ พอลูกมาเสียอีก เราเหมือนอยู่ตัวคนเดียวในโลก ภาพที่เคยวาดไว้ว่าจะไปอยู่บ้านนอกกับลูกกับแฟน ตั้งร้านขายของเล็ก ๆ ฝันมันสลายหมดเลย"
จอห์น มกจ๊ก ยอมรับว่า เคยรู้สึกแค้นใจคนปาหินที่พรากชีวิตสามีไปจากเธอ แต่ยิ่งสาปแช่งคนที่กระทำมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกปวดใจมากเท่านั้น และเมื่อมาเสียลูกสาวอีก ทำให้เธอรู้สึกเหมือนหมดสิ้นทุกอย่างในชีวิต จนต้องพึ่งยานอนหลับ ในเวลาตื่นจอห์นก็จะมาพูดคุยกับรูปภาพของบุคคลอันเป็นที่รักทั้งสอง และนอนกอดในทุกยามที่คิดถึง จนถูกมองจากคนภายนอกว่าเป็นบ้า แต่นั่นก็เปรียบเสมือนยา(ใจ) ที่จะทำให้เธอไม่คิดฟุ้งซ่าน และเข้มแข็งมีชีวิตอยู่มาได้จนทุกวันนี้
จากเรื่องราวมรสุมชีวิตของผู้หญิงทั้ง 3 คน จะเห็นได้ว่าพวกเธอเลือกที่จะยอมรับและเผชิญความจริงอย่างกล้าหาญ และกล้าลุกขึ้นมาสู้กับปัญหาโดยไม่จำนนต่อความทุกข์...แล้วคุณล่ะ ท้อแท้กับชีวิตตั้งแต่ยังไม่ได้ลุกขึ้นสู้อยู่หรือเปล่า
คนค้นฅน จุดเปลี่ยนชีวิต พบความสุขจากทุกข์ Part 1/4
คนค้นฅน จุดเปลี่ยนชีวิต พบความสุขจากทุกข์ Part 2/4
คนค้นฅน จุดเปลี่ยนชีวิต พบความสุขจากทุกข์ Part 2/4
คนค้นฅน จุดเปลี่ยนชีวิต พบความสุขจากทุกข์ Part 3/4
ขอขอบคุณข้อมูลจาก