แบรท - ไมเคิล วูล์ฟ
แด่ แบรท และ ไมเคิล!! ความรักที่ความตายไม่มีวันแยก พ่อลูกจากกัน (พัทยาเดลินิวส์)
เรื่องโดย .. คุณวารีนา ปุญญาวัณน์
"พ่อ" .. แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นเพศที่เข้มแข็งแค่ไหน แต่เมื่อต้องแบกรับความรู้สึกแห่งการสูญเสียลูกอันเป็นที่รัก อาจจะทำให้ "พ่อ" กลายเป็นคนอ่อนแอได้ง่าย ยิ่งการสูญเสียลูกที่ผู้เป็นพ่อคิดว่าตัวเองมีส่วนด้วยแล้ว อาจจะยิ่งทำให้จิตใจอันแข็งแกร่งต้องอ่อนแรง และเกิดเหตุการณ์ดังที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดขึ้น ดังเช่นกรณีของ แบรท วูล์ฟ ที่เขาเลือกทางเดินปัดเป่าความทุกข์ใจทั้งหมดให้หายไป ... ด้วยการฆ่าตัวตายตามลูกน้อยของเขา...
ภาพที่พ่อร่ำไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ และพยายามปั๊มหัวใจลูกน้อยที่ตกจากตึกชั้น 10 หวังเพื่อดึงลมหายใจลูกกลับมาดังเดิม แต่ก็สายเกินกว่าจะเกิดปาฏิหาริย์ เป็นภาพติดตาของผู้พบเห็นไปอีกนานแสนนาน ผู้คนสงสัยว่าผู้เป็นพ่อจะทำอย่างไร เขาจะผ่านเหตุการณ์นี้ไปได้อย่างไร แต่ในที่สุด ผู้เป็นพ่อก็เลือก "ทางออก" ที่ดีที่สุดด้วยตัวเอง
แบรท พยายามช่วยชีวิต ไมเคิล วูล์ฟ ลูกชายของเขา หลังตกจากคอนโด
แบรท พยายามช่วยชีวิต ไมเคิล วูล์ฟ ลูกชายของเขา หลังตกจากคอนโด
แบรท พยายามช่วยชีวิต ไมเคิล วูล์ฟ ลูกชายของเขา หลังตกจากคอนโด
แบรท วูล์ฟ ร่ำไห้อย่างอาลัยอาวรณ์
เมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา แบรท วูล์ฟ พ่อสัญชาติอเมริกัน ครูฝึกมวยไทยค่ายดัง ได้พลั้งเผลอปล่อยลูกชายวัย 4 ขวบเล่นใกล้ระเบียง พลัดตกจากคอนโดชั้น 10 โดย รปภ. เห็นคาตาร่างเด็กลอยละลิ่วลงมา กระแทกพื้นอย่างแรง
ผู้เขียนเองรู้สึกเศร้าสลดใจ วาดภาพว่า แบรท วูล์ฟ ผู้เป็นพ่อคงทั้งเสียใจและเครียดจัด เพราะความรักที่มีต่อลูกคงมากเกินกว่าที่ผู้คนภายนอกอย่างเราจะเข้าถึง อีกทั้งพิธีการและขั้นตอนต่าง ๆ ทั้งส่งศพไปพิสูจน์ การติดต่อสถานทูต การขอรับศพ ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ได้แต่ภาวนาให้เขาผ่านช่วงนี้ของชีวิตไปให้ได้
แต่แล้วเมื่อวานนี้ ข่าวที่สลดใจเป็นที่สุดในรอบปีของเมืองพัทยา ก็ถูกรายงานไปทั่วโลก ว่าพ่อชาวอเมริกันคนนี้ เครียดจัด กินยาตายตามลูก !!
สภาพศพที่ถูกพบ แบรท วูล์ฟ ได้ตัดสินเลือกที่จะปลิดชีวิตตนเองด้วยความเต็มใจ เขาแต่งกายเรียบร้อย แพ็คข้าวของเครื่องใช้ไว้อย่างดี ไม่พบว่ามีการดื่มแอลกอฮอล์ ปราศจากอาการเมามาย แต่จิตใจเขาคงว้าวุ่นและตกต่ำอย่างย่ำแย่ที่สุด เพราะลายมือที่ เขียนโน้ตต่างๆ ทิ้งไว้ อ่านไม่ชัดเจน สื่อความหมายที่สับสน นอกจาก โน้ตแผ่นเดียวที่ ยืนยันมั่นคงว่า "I love my son Michael" ผมรักลูกของผม ไมเคิล
จดหมายที่ แบรท วูล์ฟ ทิ้งไว้
ย้อนหลังกลับไปเมื่อ ปี 2551
ที่เมืองอริโซน่า สหรัฐอเมริกา เมื่อวันศุกร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา 12.00 น.ข่าวรายงานว่า . . .
ด้านหน้า สำนักงานตำรวจ สถานี เซอร์ไพรส์, ไมเคิล อยู่ในอ้อมกอดพ่อ หน้าตาอิดโรย ง่วงนอน ดูดนมจากขวดที่พ่อของเขากำลังป้อนอยู่ ในขณะที่ แบรท วูลฟ์ กอดลูกเอาไว้แน่นและ ลูบผมลูกชายอย่างทะนุถนอม
แบรท วูลฟ์ แถลงข่าวว่า เขาดีใจที่ได้เจอลูกแล้ว และได้มาอยู่ด้วยกันอีก ลูกเขาผ่านสิ่งเลวร้ายมาแล้ว "ตอนนี้เขาปลอดภัยครับ เขาคงอยากพักผ่อนเต็มที" แบรท วูลฟ์ กล่าวสั้น ๆ
24 ชั่วโมงก่อนหน้านั้น แบรท วูลฟ์ อยู่กับสิ่งที่เขาเรียกว่า "ฝันร้าย" มาตลอด เมื่อพบว่าลูกชายวัยเกือบสองขวบของเขาหายไปจากบ้านในวันพฤหัสบดี พร้อมกับพี่เลี้ยง
เหตุการณ์นี้สร้างความตื่นตระหนกมากพอที่ FBI จะให้ความร่วมมือกับตำรวจท้องที่ จนสามารถสืบทราบได้ว่าไมเคิล และพี่เลี้ยงวัย 15 ปี ได้รับความปลอดภัยโดยพบตัวทั้งคู่ที่ นิวพอร์ต อพาตเม้นท์ คอมเพลกซ์ ถนนไดสาต เมือง อะวอนเดล
อย่างไรก็ตาม ตำรวจไม่เปิดเผยสาเหตุ ว่าทำไมไมเคิลและพี่เลี้ยงถูกนำตัวไปที่นั่น ส่วน ผู้เป็นพ่อ แบรท วูลฟ์ ก็พูดเพียงสั้น ๆ ว่า เขาน่าจะนึกถึงคำพร่ำสอนของพ่อแม่ ที่บอกว่า "อย่าไว้ใจ พี่เลี้ยงเด็ก ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรก็ตาม ต้องขอบัตรประจำตัวไว้เสมอ"
คุณย่า ของไมเคิล นางเชอริล วูลฟ์ ขับรถมาที่สถานีตำรวจเพื่อเยี่ยมลูกและหลานด้วยเธอกล่าวทั้งน้ำตาว่า "ฉัน ดีใจจริงๆ ที่หลานฉันปลอดภัย"
ก่อนหน้านั้นมีพยานเห็นหญิงวัยกลางคนขับรถไปกับไมเคิลและพี่เลี้ยงในวันพุธ ต่อมามีรายงานว่าถูกจับกุมโดยตำรวจ ซึ่งตำรวจไม่ระบุชื่อหญิงวัยกลางคนรายนี่หรืออธิบายความสัมพันธ์ของเธอกับพี่เลี้ยง เดิมเจ้าหน้าที่บอกว่าหญิงรายนี้และพี่เลี้ยงของไมเคิลพบกันครั้งแรกในวันอังคารที่สวนสาธารณะ แต่ตำรวจเชื่อว่า ทั้งคู่ต้องเคยรู้จักกันมาก่อนหน้านี้แน่นอน
ตำรวจบรรยายรูปร่างลักษณะของพี่เลี้ยงเด็กว่า เป็นเด็กใจแตกหนีออกจากบ้านและน่าจะติดยา โดยเธอได้ถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลในเมือง วัน ซิตี้ เวสต์ เธออ้างว่ามีปัญหาเรื่องกระเพาะอาหาร ตำรวจปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลมากไปกว่านี้ โดยกล่าวว่าพี่เลี้ยงเด็ก เป็นวัยรุ่นที่มีอดีต และเคยมีรายงานว่าหายไปจากแม่ของเธอในเดือนธันวาคม อย่างไรก็ตามตำรวจจะต้องรอเธอออกจากโรงพยาบาลเพื่อสืบสวนสอบสวนเพิ่มเติม
พี่เลี้ยงเด็กคนนี้ แบรท วูลฟ์ หามาเลี้ยงลูกของเขาโดยโฆษณา ผ่าน Craigslist Advertisement เมื่อเธอมาสมัครและบอกเขาว่า เธออายุ 19 (แต่ในความเป็นจริงเธออายุเพียง 15 เท่านั้น) เขาตกลงจ้างเธอให้มาเริ่มทำงานในวันจันทร์ ของสัปดาห์ที่เกิดเหตุ
ตำรวจกล่าวว่า วูลฟ์ โทรหาตำรวจในวันพุธตอนดึก โดยแจ้งว่าเขาสงสัยลูกชายจะถูกลักพาตัว วูลฟ์ เล่าว่าเขาอนุญาตให้พี่เลี้ยงพาลูกชายไปเดินเล่นในสวนสาธารณะ เมื่อเวลาประมาณ 4 โมงเย็น มีพยานเห็นว่าทั้งคู่ถูกพาตัวไปโดยขึ้นรถ ปิ๊กอัพ สีน้ำตาล ผู้ขับเป็นหญิงวัยประมาณ 40 รูปร่างอ้วน
ก่อนหน้านั้น วูลฟ์ได้รับโทรศัพท์จากคนคนหนึ่ง แจ้งว่าสนใจจะซื้อบ้านของเขา ซึ่งเขาได้ปิดป้าย บอกขายไว้หน้าบ้าน โดยผู้โทรมา ขอนัดพบกับเขาที่ร้าน สตาร์บัค ถนนเบล ติดกับ แกรนด์ อะเวนิว ในวันพุธ เมื่อถึงเวลานัด เขาก็เดินทางไปตามนัด แต่ไม่เจอผู้นัดหมาย และต่อมาก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามาบอกให้เขารอหน่อย เขารู้สึกหงุดหงิดและกังวลนิด ๆ จึงตัดสินใจกลับบ้าน
เมื่อเขากลับบ้าน เขาพบว่าข้าวของพี่เลี้ยงหายไปพร้อมกับลูกชายและเสื้อผ้าของเขา วูลฟ์ จึงเรียกตำรวจทันที
แบรท - ไมเคิล วูล์ฟ
ปูมหลัง แบรท วูลฟ์ พ่อลูกอ่อนวัย 36 ปี (ในขณะนั้น)
แบรท วูลฟ์ ได้แต่งงานกับภรรยาชาวฟิลิปปินส์ ชื่อ Relaiza Galope Labadan มีลูกคนเดียวคือ ไมเคิล ต่อมาได้หย่าจากภรรยาแล้วย้ายกลับไปอยู่ในอเมริกา ตามคำแนะนำของพ่อแม่ โดย แบรท วูลฟ์ ได้สิทธิในการเลี้ยงดูลูก ก่อนที่จะมาเกิดเหตุการณ์ ดังกล่าว
นางเชอริล วูลฟ์ แม่ของเขากล่าวว่า เธอเคยเตือนเรื่องที่ลูกชายต้องการหาพี่เลี้ยงให้ลูก โดยให้อาศัยอยู่ในบ้านด้วย แต่ดูเหมือนเขาจะเป็นคนไว้ใจคนง่าย อย่างไรก็ตามนางเชอริล กล่าวว่า ดีใจที่ลูกชายเพิ่งจะได้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และคาดว่าจะกลับไปทำงานทันที
"พ่อของแบรท คิดว่าเค้าคงมีชีวิตที่ดีขึ้นที่นี่ในสหรัฐอเมริกามากกว่าในฟิลิปปินส์" เธอกล่าว
รูปถ่ายที่กลายเป็นเพียงความทรงจำ ของ แบรท และ ไมเคิล วูล์ฟ
พัทยา ปลายทางชีวิตของสองพ่อลูก
แบรท หอบลูกมาอยู่พัทยา หลังผ่านเรื่องราวฝันร้ายในชีวิตครั้งนั้น เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยการเป็นครูฝึกมวยแก่ค่ายมวยชื่อดังตามที่เป็นข่าว .. พัทยา เมืองแห่งจุดหมายปลายทางของนักสร้างฝันหลากหลายเชื้อชาติและภาษา จริงหรือ?
ไมเคิล เด็กวัย 4 ขวบ ผู้เป็นขวัญใจของเพื่อนบ้านที่อาศัยใน วิวทะเลคอนโด เป็นเด็กที่น่ารักและซุกซนตามประสาเด็ก ซึ่งทำให้เกิดอุบัติเหตุสลดใจดังกล่าว ไม่สามารถกล่าวได้เต็มปากว่าเป็นความเลินเล่อของผู้เป็นพ่อหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าเราจะรู้สึกตะขิดตะขวงใจหรือขัดเคือง แต่ แบรท วูล์ฟ ก็ได้ตัดสินใจเลือกปลิดชีวิตตนเอง เนื่องจากความเศร้าโศกและความเครียดอย่างรุนแรง แต่เราก็อยากจะเรียกการตัดสินใจของ แบรท ว่าเป็น "อัตวินิบาตกรรม แห่งความรับผิดชอบที่สง่างาม"
เรื่องราวนี้ คงเป็นอีกหนึ่งบทละครชีวิตที่เศร้าสลด เป็นเหตุการณ์ที่ทุกครอบครัวต้องจดจำ และระมัดระวังก่อนเกิดการสูญเสียที่น่าเศร้า จนไม่สามารถย้อนกลับคืนสู่ภาพความสุขของครอบครัวได้อีกต่อไป ..
สภาพข้าวของ ของ แบรท วูล์ฟ
สภาพศพ แบรท วูล์ฟ และยาที่เขาใช้ปลิดชีวิต
"I Love You My Son Micheal" ข้อความสุดท้ายที่ แบรท วูล์ฟ ทิ้งไว้
ข่าวการจากไปของ แบรท วูล์ฟ
หมายเหตุ : การฆ่าตัวตายไม่ใช่ทางออกของการแก้ไขปัญหา หรือแนวทางออกที่ดี ทุกปัญหาล้วนมีทางออกเสมอ อย่าตัดสินใจจบชีวิตลงด้วยการฆ่าตัวตาย ให้คิดถึงพ่อกับแม่ คนที่รักเราให้มากที่สุด หรือหากหมดทางแก้ไขจริง ๆ สามารถโทรปรึกษาปัญหาได้ที่ สายด่วนสุขภาพจิต โทร 1667
"กว่าที่เราจะเกิดมาเป็นคนได้นั้นแสนยากเย็น คุณได้โควตามาเป็นคนแล้ว ก็ควรใช้คุณค่าที่ได้ มาให้เกิดประโยชน์ สูงที่สุด" (ว.วชิรเมธี)
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก