พระราชดำรัสพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่องเศรษฐกิจพอเพียงนั้น ไม่ว่าจะกี่ยุคกี่สมัยสามารถนำหลักการมาใช้ได้อยู่เสมอ ประเทศไทยต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลงมาตลอด แต่ต้องรู้จักปรับตัวเมื่อเจอกับผลกระทบ ซึ่งปรัชญาความพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานเพื่อให้คนไทย มีความเข้มแข็ง มีภูมิคุ้มกัน เมื่อเจอกับการเปลี่ยนแปลงจะได้รับมือได้
" ในปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงจะเตือนตลอดเวลาว่า เราต้องมีสติ มีปัญญาในการดำเนินชีวิต การเปลี่ยนแปลงเป็นวงจรมีขาขึ้นและขาลง สำคัญอยู่ที่ขาลงจะเจอวิกฤตไหม วิกฤต คือการเปลี่ยนแปลง ถ้าไม่แก้ไขจะนำไปสู่ความเสียหายมากขึ้น หรือสูญสิ้นสิ่งนั้น สังคมไทยกำลังมีวิกฤตแตกแยกกัน เราต้องตั้งโจทย์ว่าจะปล่อยอย่างนี้ไปอีกนานเท่าไร จะเกิดความเสียหายมากจนกระทั่งประเทศไทยเป็นประเทศล้มเหลวได้ไหม ซึ่งสหประชาชาติให้ความหมายนี้ว่า fail the stage เป็นรัฐที่ล้มเหลว ไม่มีใครเคารพกฎหมายอีกแล้ว เราออกไปซื้อกับข้าวอาจจะโดนตีโดนทุบก็ได้ บังเอิญวันนั้นใส่เสื้อผิดสี อย่างนี้เรียกว่า fail the stage เป็นรัฐที่ล้มเหลวแล้ว คำถามคือ เราจะปล่อยให้เป็นขาลงอย่างนี้หรือ อีก ว่า เคยมีคนใส่ร้ายว่าปรัชญานี้อย่านำไปใช้ ใช้แล้วทำให้คนไม่คิด ซึ่งไม่ใช่เลย ปรัชญานี้ต้องการให้ก้าวทันโลกโลกาภิวัตน์ ใครเก่งอย่างไรก็สู้เขาให้ได้ แต่ต้องมีความซื่อสัตย์ สุจริต มีคุณธรรม เคยคุยกับนายแบงก์ใหญ่ บอกว่า 4 ปีมีฟุตบอลโลกครั้งหนึ่ง ทุกครั้งพนักงานจะต้องโกงเงินลูกค้าและแบงก์เพื่อเล่นพนันบอล ดังนั้นต้องสร้างความพอเพียง การออม หากเกิดวันหนึ่งมีการเดินขบวนสีใดสีหนึ่ง ทำให้รายได้หดหายจะทำอย่างไร ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไม่ว่าจะกี่ปียังใช้ได้ในปัจจุบัน เราเป็นคนไทยต้องมีจิตใจหวงแหนที่ดินทำกิน หวงแหนแผ่นดิน ช่วยเหลือกัน เพราะทุกคนเป็นสมาชิกของประเทศ คือเป็นคนไทยทุกคน " ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย องคมนตรี กล่าว