วันนี้จะพาไปชมอพาร์ทเมนท์ “รีเวอร์สิเบิ้ล เดสตินี่ ลอฟท์ส” (Reversible Destiny Lofts) หรือ “ห้องพลิกโชคชะตา” ในย่านมิกาตะ ใจกลางกรุงโตเกียว ที่ได้รับการออกแบบสุดพิสดาร หวังให้เป็นที่พักสำหรับผู้สูงอายุและผู้ที่ต้องการมีชีวิตยืนยาวขึ้นโดยเฉพาะ
ในขณะที่คนส่วนใหญ่ต้องการให้พ่อแม่หรือ ญาติผู้ใหญ่มีชีวิตที่สุขสบายในช่วงบั้นปลายชีวิต จึงจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ นานาไว้รองรับ ทั้งยังคอยเอาใจใส่ดูแลสุขภาพ ระมัดระวังการเคลื่อนไหวเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุลื่นล้ม แต่ 2 สามีภรรยา “อารากาว่า และจินส์ ” ที่อาศัยอยู่ในกรุงนิวยอร์ก กลับเชื่อว่า “การอยู่ในบ้านที่สะดวกสบายมากเกินไปจะทำให้ตายเร็วขึ้น” ทั้งคู่มีคำขวัญประจำใจว่า “เราจะไม่ยอมตาย” จึงออกแบบและก่อสร้าง “รีเวอร์สิเบิ้ล เดสตินี่ ลอฟท์ส” (Reversible Destiny Lofts) อพาร์ทเมนท์ให้เช่าดีไซน์ประหลาดที่มีหลากสี หลายรูปทรง เป็นโครงการนำร่องในย่านมิกาตะ ใจกลางกรุงโตเกียว
นายอารากาว่า (วัย 72) ศิลปินชื่อดังชาวญี่ปุ่น และนางจินส์ (วัย 67) สถาปนิกชาวนิวยอร์ก เชื่อว่าคนเราสามารถยืดอายุขัยให้ยืนยาวขึ้นได้ จึงคิดค้นวิธีที่จะช่วยให้คนตายช้าลง และกลับมากระฉับกระเฉงเหมือนเด็กอีกครั้ง โดยผ่านทางการออกแบบสถาปัตยกรรมที่มีดีไซน์สุดพิสดาร
อพาร์ทเมนท์ดังกล่าวมีห้องพักทั้งหมด 9 ยูนิต แต่ละยูนิตมี 3-4 ห้อง ทุกห้องล้วนได้รับการออกแบบที่แปลกประหลาดและผิดไปจากบ้านธรรมดาทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นห้องรูปทรงกระบอก สี่เหลี่ยม และทรงกลม ที่มีสีสันสดใส แต่ละห้องได้รับการออกแบบให้อยู่ห่างจากกันและ “ไม่มีประตู” โดยมีทางเดินที่ขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อคล้ายผิวดวงจันทร์หรือเป็นเนินลาดเชื่อมต่อแต่ละห้อง
ส่วนพื้นห้องยังมีหลายระดับ และมีลักษณะขรุขระ ไม่ราบเรียบ ในขณะที่ประตูและหน้าต่างก็มีรูปร่างแปลกๆ โดยเฉพาะประตูที่เชื่อมต่อกับระเบียงทางด้านนอก ซึ่งอยู่ในระดับต่ำมากจนต้องหมอบคลานออกไป แถมปลั๊กไฟในบางจุดยังห้อยลงมาจากเพดาน ผนังห้องน้ำก็เป็นแบบโปร่งใส นอกจากนี้ บริเวณผนังและเพดานยังมีสีสันสดใสอีกด้วย
ทั้งอารากาว่า และจินส์ เชื่อว่าร่างกายคนเราจะเสื่อมโทรมและตายเร็วขึ้น หากอาศัยอยู่ในบ้านที่สะดวกสบายเกินไป ด้วยเหตุนี้ พวกเขาจึงออกแบบห้องพักให้มีลักษณะดังกล่าว เพื่อบังคับให้ผู้พักอาศัยได้เคลื่อนไหว มีสติ รู้สึกตื่นตัว และสังเกตสิ่งรอบข้างตลอดเวลา ส่งผลให้กลายเป็นคนกระฉับกระเฉง คล่องแคล่ว ร่างกายแข็งแรงเหมือนคนหนุ่มสาว ทั้งยังช่วยให้ร่างกายและจิตใจมีความสมดุล กระตุ้นภูมิต้านทาน เป็นการยืดอายุขัยไปโดยปริยาย
อย่างไรก็ตาม แนวความคิดของคนทั้งคู่ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่ายด้วยกัน นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกันคนหนึ่งถึงกับบอกว่า แนวคิดเรื่องที่พักสำหรับยืดอายุขัยของทั้งคู่นั้นไร้สาระสิ้นดี และถือเป็นการออกแบบที่แย่สุดๆ ทั้งยังแนะนำว่าถ้าต้องการยืดอายุผู้สูงวัย ควรให้พวกท่านอาศัยอยู่ในอาคารที่เสี่ยงต่อการลื่นล้มน้อยที่สุด ให้รับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอยังดีเสียกว่า
แต่อย่างน้อยก็มีผู้เช่า 1 คน ที่บอกว่าตนเองรู้สึกเด็กลงเรียบร้อยแล้ว...
นายโนบุทากะ ยามาโอกะ ผู้กำกับวิดีโอ วัย 45 ปี ซึ่งย้ายเข้ามาอยู่กับภรรยาและลูกๆ 2 คน เมื่อ 4 ปีที่แล้ว บอกว่าตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ที่อพาร์ทเมนท์แห่งนี้ตนเองน้ำหนักลดลงไป แล้วอย่างน้อย 20 ปอนด์ ( 9 ก.ก.) รู้สึกกระฉับกระเฉงมากขึ้น และไม่เคยมีอาการของโรคภูมิแพ้อีกเลย
เขายังกล่าวด้วยว่า เสียอย่างเดียวที่อพาร์ทเมนท์แห่งนี้ไม่มีตู้ และเขาก็ไม่สามารถซื้อเฟอร์นิเจอร์มาวางเพิ่มในห้องนั่งเล่นหรือห้องครัวได้ เพราะพื้นไม่เรียบ ถึงอย่างนั้นเขาก็ชอบไลฟ์สไตล์แบบนี้ โดยบอกว่าเป็นห้องพักที่แตกต่างและหาไม่ได้จากที่อื่น ในขณะที่ภรรยาของเขาบ่นว่าที่นี่เย็นเกินไป แถมทางออกระเบียงยังเตี้ยและอยู่ติดพื้น ทำให้ศีรษะชนขอบประตูบ่อยๆ เวลาที่เธอมุดออกไปตากผ้า
อพาร์ทเมนท์แห่งนี้สร้างเสร็จเมื่อ 5 ปีที่แล้ว โดยใช้งบประมาณในการก่อสร้างราว $6 ล้าน (กว่า 190 ล้านบาท) ส่วนค่าเช่าสำหรับผู้ที่ต้องการมีชีวิตยืนยาวขึ้นนั้น มี 2 อัตราตามขนาดและลักษณะของห้องพัก ได้แก่ ห้องพักที่มีอัตราค่าเช่า 220,000 เยน (ราว 81,620 บาท) และ 250,000 เยน (ราว 92,750 บาท) ต่อเดือน
นอกจากอพาร์ทเมนท์ดีไซน์ประหลาดแล้ว ทั้งคู่ยังออกแบบสวนสาธารณะภายใต้คอนเซ็ปต์ดังกล่าวที่ประเทศญี่ปุ่น (สร้างเสร็จเมื่อสิบกว่าปีก่อน) ภายใต้ชื่อ “สวนพลิกโชคชะตา” (Site of Reversible Destiny) และยังสร้างบ้านดีไซน์ประหลาดมูลค่า $2 ล้าน (ราว 64 ล้านบาท) อีกหลังที่กรุงนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา โดยใช้เวลาในการก่อสร้างถึง 8 ปี
เดิมทีทั้งคู่มีแผนออกแบบก่อสร้าง “โรงแรมและโรงพยาบาล” ภายใต้คอนเซ็ปต์เดียวกัน แต่บังเอิญหานายทุนไม่ได้ ที่สำคัญก่อนหน้านี้ทั้งคู่ได้สูญเสียเงินที่เก็บมาทั้งชีวิตไปกับ “นายเบอร์นาร์ด มาดอฟฟ์” เจ้าพ่อแชร์ลวงโลก ทำให้ความฝันแทบทั้งหมดต้องพังทลายลง เพราะทั้งคู่ถึงขั้นหมดเนื้อหมดตัว และไม่เหลืออะไรเลยนอกจากผลงานศิลปะ ทำให้ต้องปิดบริษัทย่านแมนฮัตตัน และต้องนำผลงานศิลปะออกประมูล