เวลาล่วงเลยจนเข้าสู่ วันที่ 5 กันยายน 1922 เป็นปีที่ 83 แห่งชีวิตของเธอ
ซาราห์นอนตายอย่างสงบ บนเตียงนอนที่เธอเลือกสรรด้วยเธอเอง วินาทีที่ศพของนางถูกพบ
ช่างไม้ ช่างทาสีและช่างทั้งหลายถูกเลิกว่าจ้างทันที เสียงตอกตะปูสุดท้ายที่ดังกึกก้องมานานกว่า
38 ปี หยุดลงพร้อมกับจำนวนเงินมหาศาลกว่า 20 ล้านเหรียญ ที่ถูกใช้ไปจนเกลี้ยงกับอัครมหาคฤหาสน์แห่งนี้
ญาติๆของนางไม่เชื่อว่าเงินกว่า 20 ล้านเหรียญ จะถูกพลาญไปหมดไวเช่นนี้
ทรัพย์สินของซาราห์ร่อยหรอลงไปมาก เมื่อมีการสำรวจดูหลังเธอถึงแก่กรรม มีข่าวเล่าลือว่า..เธอซื้อ
จานทองเป็นจำนวนมาก เพื่อเอาไว้รับรอง “แขก” แต่ค้นหากันเท่าไรก็ไม่มีวี่แววเจอ จึงร้องขอให้มีการต้นหาตู้เซฟลับ
ซึ่งทุกคนคาดว่าจะเป็นที่เก็บ ทรัพย์มรดกและของมีค่าจำนวนมหาศาล และแล้ว
เซฟถูกค้นพบจริง และสมบัติที่มีค่าที่สุดของซาร่าก็ถูกนำออกมา หากแต่มันไม่ใช่ชุดรับประทาน
อาหารทองคำอย่างที่ทุกคนคิด มันคือขมวดผมของสามี และมัดผมหนึ่งปอยของแอนนี่ ลูกสาวสุดที่รัก
...
........“ภาพนี้คือห้องนอนของซาราห์”
“นับตั้งแต่เกิดแผ่นดินไหว เธอติดอยู่นานเป็นชั่วโมงในห้องที่เธอเลือกในคืนนั้น หลังจากนั้นเธอก็เลิกย้ายห้องนอน แต่นอนในห้องเดียวคือ Daisy Room จนกระทั่งถึงวันตาย ห้องที่เห็นตั้งเครื่องเรือนสมัยเดียวกับเธอ แต่ไม่ใช่เครื่องเรือนเดิม เพราะซาราห์ทำพินัยกรรมยกเครื่องเรือนให้หลานสาว พอเธอตายหลานก็ขายเครื่องเรือนทั้งหมด ต้องใช้รถบรรทุกขนกันตั้งแต่เช้ายันเย็น วันละแปดคัน เป็นเวลาติดต่อกันถึงหนึ่งสัปดาห์ถึงจะขนออกไปหมด”
ห้องลับมากมายถูกค้นพบภายหลังพร้อมกับ เครื่องประดับบ้านชุดใหญ่ที่ซาราห์สั่งซื้อ
และสั่งทำขึ้นเพื่อรองรับการสร้างบ้านอย่างไม่มีวันเสร็จของเธอ เช่น บานประตูประดับอัญมณีโบราณ
จากต่างประเทศ ชุดเครื่องประดับหินแกะสลัก ของแต่งบ้าน เฟอร์นิเจอร์ที่ยังไม่ถูกนำไปตกแต่ง ฯลฯ
เมื่อเงินก้อนโตถูกใช้ไปจนหมด ญาติๆของนางไม่สามารถหาเงินมารองรับการดูแลรักษา
อัครมหาคฤหาสน์แห่งนี้ได้ จึงขายต่อให้กลับกลุ่มนายทุนที่ตั้งใจจะซื้อบ้านหลังนี้ไว้เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยว
และคอยเก็บเงินแขกผู้ที่มาเยี่ยมชมบ้านหลังนี้ หากแต่ภายหลังการเปิดบ้านสู่สาธารณะชนได้ไม่นาน เสียงร่ำลือ
เกี่ยวกับอาถรรพ์ลึกลับในบ้านทวีขึ้นอย่างหาคำอธิบายไม่ได้ “จากสิบสู่ร้อย จากร้อยสู่พัน” เรื่องเล่าถึงเหตุการณ์ประหลาด
ถูกเล่าขานต่อๆกันไปจนบ้านแห่งนี้มีสมญานามใหม่ว่า “The Winchester Mystery House”และเปิดให้ทัวร์ลองของอย่างจริงจัง
“ภาพถ่ายทางอากาศของคฤหาสถ์วินเชสเตอร์ สร้างเมื่อ ค.ศ. 1884-1922”
บรรดาไกด์และคนดูแลบ้านต่างประสพกับเรื่องราวลี้ลับที่พวกเขาอธิบายไม่ได้ เช่น
เมื่อกลางดึกของคืนหนึ่ง ระหว่างผู้ดูแลบ้านกำลังเดินปิดประตูห้องต่างๆอยู่นั้น เขาได้ยินเสียงคนเดิน
อยู่ชั้นบนของบ้านแต่นั้นมันเป็นไปไม่ได้เลย เพราะบ้านทั้งหลังมีเขาเพียงคนเดียวที่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นมาชั้นบนได้
หรือไกด์คนหนึ่งระหว่างนำกลุ่มนักท่องเที่ยวชมบ้าน เขาพบกับหญิงชราร่างเล็ก สวมชุดสไตล์วิคตอเรียน
เมื่อการนำชมเสร็จแล้วเขาจึงเดินไปต่อว่าเพื่อนๆไกด์ด้วยกัน เพราะเขาคิดว่าวันนี้มีการแต่งกายเลียนแบบซาราห์
แต่ไม่มีใครในกลุ่มไกด์บอกเขาล่วงหน้าเลย คำตอบที่เขาได้รับจากเพื่อนๆทำให้เขาถึงกับ งง ไปนานเพราะไกด์ทั้งหลาย
ต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า บ้านหลังนี้ไม่เคยมีการให้หญิงชราไปนั่งแต่งกายเลียนแบบ คุณนายซาราห์ เลยแม้แต่ครั้งเดียว...
..................
“ภาพถ่ายภาพนี้ซึ่งเป็นเงาลาง คล้ายกับสตรีตัวเล็ก สวมชุดกระโปรงบานแบบสไตล์วิคตอเรียน
กำลังเดินผ่านประตูไป ซึ่งตรงกับข้อเท็จจริงที่ว่าคุณนายซาราห์ เป็นสตรีร่างเล็กสูงเพียง สี่ฟุต สิบนิ้ว (148 ซม.) เท่านั้น”
อ่างล้างมือสั่งจากอิตาลี มีท่อน้ำทิ้งถึง 13 ท่อ บันไดหนึ่งในจำนวนหลายแห่ง ที่สร้างทอดไปสู่เพดาน (ทางไปต่อล่ะสู?) ระเบียงขนาดจิ๋ว ตรงกลาง สร้างให้มีประตูเข้าออกขนาดเล็ก คนเดินผ่านเข้าออกไม่ได้ ปล่องไฟสูง 4 ชั้น พอถึงชั้นที่ 5 ก็หยุดสร้าง เว้นช่องว่างไว้ไม่ให้ต่อถึงเพดานไปออกหลังคา ทำให้ใช้งานไม่ได้
แถวที่สอง
แถวที่สาม
ข้อมูลเพิ่มเติม
เหตุผลที่ว่าทำไมซาราห์ต้องสร้างบ้านไม่หยุด มีคำอธิบายแตกต่างกันไป บางตำนานกล่าวผีจะหนวกหูเสียงก่อสร้างไม่มารบกวน แต่บางตำนานบอกว่า บ้านนี้สร้างเพื่อผี ถ้าสร้างยังไม่เสร็จผีก็มาเอาตัวเธอไปไม่ได้ เธอจึงต้องทำให้เห็นว่ากำลังก่อสร้างตลอดเวลา ความสลับซับซ้อนเป็นเขาวงกตของคฤหาสน์หลังนี้ ก็เพื่อทำให้วิญญาณร้ายที่ตามอาฆาต เกิดความสับสนงงงวย เวลาเข้ามาในคฤหาสน์ จะได้ตามรังควานเธอไม่ถูกซาราห์ให้ความสำคัญกับ เลข 13 เป็นพิเศษ โดยเชื่อว่าเป็นเลขอาถรรพ์ของพระเยซู มีหลายอย่างในบ้านที่เธอจงใจให้มีจำนวนเลข 13 ต้นไม้ที่ปลูกสองทางเข้าคฤหาสน์นั้นมี 13 ต้น, เชิงเทียนที่ปกติเค้าออกแบบให้ใส่เทียนได้สองเล่ม แต่ซาราห์สั่งทำใหม่ให้ใส่เทียนได้ 13 เล่ม, ตู้เสื้อผ้าที่มีตะขอแขวนผ้าได้ 13 ชิ้นต่อตู้, บานกระจกที่มีแบ่งกรอบ กรอบละ 13, ส่วนอ่างล้างมือที่มีท่อน้ำ 13 ท่อ, หน้าต่างเกือบทุกบานแบ่งเป็น 13 ช่อง บันไดเกือบทั้งหมด มี 13 ขั้น, ห่วงบนราวผ้าม่านมี 13 ห่วง, ห้องซึ่งถูกแบ่งด้วยแผ่นผนัง 13 แผ่น, เพดานซึ่งถูกปูด้วยแผ่นไม้ 13 แผ่น, เทียนไข 13 แท่งบนโคมระย้า, ห้องแต่งตัวและห้องน้ำ 13 ห้อง, ช่างไม้ซึ่งเป็นผู้ต่อเติมก็มี 13 คน
หลังการเสียชีวิตของซาราห์ ทรัพย์สมบัติทั้งหมดของเธอ ตกเป็นของหลานสาวชื่อ Marian Marriot ผู้ซึ่งเคยช่วยเธอดูแลกิจการอยู่ระยะหนึ่ง ภายหลังได้มีนักลงทุนมาซื้อคฤหาสน์หลังนี้ คนงานขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ต้องใช้เวลาถึง 6 สัปดาห์ กว่างานจะเสร็จ เพราะพวกเขามักหลงทางไปมาอยู่ในนั้น จำนวนห้องก็ไม่สามารถนับได้อย่างถูกต้อง เพราะแต่ละครั้งที่นับจะได้จำนวนไม่เท่ากันสักครั้ง
เมื่อปี 1922 คฤหาสน์หลังนี้มีมูลค่าประมาณ $5,500,000 (หรือมูลค่า $70,000,000 ในปี 2008) มีห้องทั้งหมด 160 ห้อง สูง 4 ชั้น (เดิม 7 ชั้น) ห้องจัดเลี้ยงอีก 2 ห้อง, ห้องใต้ดิน 2 ชั้น, ประตู 950 บาน หน้าต่างอีกนับไม่ถ้วน, ปล่องไฟ 17 ปล่อง เตาผิง 47 เตา, บันได 40 แห่ง (376 ขั้น) และยังมีระบบทำความร้อนภายในบ้านถึง 3 ระบบ ...เป็นเวลากว่า 120 ปีแล้วที่บ้านหลังนี้กำปริศนาที่ว่ามันมีห้องกี่ห้องกันแน่ เพราะทุกครั้งที่ปฎิบัติการนับห้องในบ้านเริ่มขึ้น ผลลัพธ์ที่ได้ไม่เคยเท่ากันเลยสักครั้ง และจำนวนที่กล่าวกันว่าบ้านนี้มี 160 ห้อง ก็ยังไม่มีใครมั่นใจว่าเป็นจำนวนที่ถูก นั้นเป็นเพียงตัวเลขอย่างสังเขปเท่านั้น
คฤหาสน์วินเชสเตอร์ถูกสร้างเป็นเวลา 38 ปี ในปี 1974 ได้ถูกบันทึกเป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ของประเทศ ปัจจุบันนี้เปิดให้คนทั่วไปเข้าชม นอกจากในแง่การก่อสร้างอันพิศดารพันลึกแล้ว ยังเชื่อว่าเป็นบ้านผีสิงอีกด้วย และนอกเหนือไปจากทัวร์ปกติในตอนกลางวัน (ต้องมีไกด์นำทางกันหลง) ยังมีทัวร์กลางคืนสำหรับผู้สนใจลองของด้วย