ลีลา ท่าทาง หน้าตา การพูดที่นำเสนอเรื่องราวต่างๆ ผ่านเว็บไซต์ยูทูบเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ ท่องอยู่ในโลกอินเทอร์เน็ต วันนี้ M-Open จะพาไปรู้จักกับคุณหมอที่คอยนำเสนอเรื่องราวสุขภาพผ่านความเป็นตัวของตัวเองจนมีผู้คอยติดตามชมรายการในเว็บไซต์ดังกล่าวจำนวนมากและอาจจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เด็กอิมพอร์ตจากนิวยอร์ก
“นพ.อภิวัฒน์ เจ็งเจริญ” หรือ “หมอโอ๊ต” หรือที่ใครๆ รู้จักกันในนามของ “หมอนอกเวลา” เพียงแค่เริ่มบทสนทนาคุณหมอก็เริ่มสร้างเสียงหัวเราะด้วยการเล่าเรื่องราวถึงวัยเด็กของหมอว่า หลังจากที่คุณแม่คลอดเขาออกมาก็ได้ใช้ความเป็นทารกในเมืองไทยได้ไม่นานจากนั้นคุณพ่อและคุณแม่ก็ได้บินไปเรียนปริญญาเอกต่อที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา จึงทำให้หมอโอ๊ตถูกเลี้ยงและเติบโตที่ต่างประเทศและใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นกว่า 10 ปี จากนั้นจึงย้ายกลับมาที่เมืองไทยและครอบครัวจึงย้ายไปอยู่ที่เชียงใหม่เนื่องจากเห็นว่าเงียบและสงบมากกว่ากรุงเทพฯ
การถูกเลี้ยงดูท่ามกลางวิถีชีวิตของเด็กฝรั่งเมื่อกลับมาเมืองไทยจึงทำให้หมอโอ๊ตต้องปรับตัวอย่างมาก ตั้งแต่เรื่องของภาษาและวัฒนธรรมไทย จึงถูกพ่อและแม่ส่งไปเรียนโรงเรียนไทยในเชียงใหม่
“ถ้าพูดถึงเรื่องภาษาก่อนพ่อแม่ก็อยากให้พูดภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เด็ก ท่านจะใช้ภาษาอังกฤษกับผม ผมก็อยู่ที่โรงเรียนก็พูดอังกฤษกับเพื่อนกลับมาก็พูดอังกฤษกับพ่อแม่ คือไม่มีภาษาไทยในชีวิตเลย แต่ว่าเรื่องค่านิยม การใช้ชีวิตก็ยังเป็นแบบไทยอยู่ ตีได้ ดุได้ เลี้ยงแบบติดดิน ตอนนั้นเนื่องจากเราไปโตที่นู้นโดยไม่รับรู้ความเป็นไทยเลย เรื่องของสำนึกรักบ้านเกิดก็ยังไม่มีก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองขาดอะไร แล้วก็ไม่ได้คิดว่าวันนึงเราจะกลับมาเมืองไทย ก็พูดอังกฤษอย่างเดียวเลย กลับมาตอน 10 ขวบ พูดไทยไม่ได้สักคำรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
“มาเมืองไทยพ่อแม่ให้เข้าโรงเรียนไทยไม่ได้เอาเราเข้าโรงเรียนนานาชาติไง ให้เข้าโรงเรียนไทยชายล้วน สมัยก่อนเค้าให้ตีนักเรียนได้ที่เมืองไทย แต่เรามาถึงตกใจว่าเฮ้ย พูดอะไรก็ไม่รู้เรื่อง โรงเรียนไทยน่ากลัว ผมต้องตัดทรงนักเรียน ชุดยูนิฟอร์มด้วย ที่เมืองนอกจะแต่งตัวยังไงก็ได้ โรงเรียนไทนเฮี้ยบมาก ต้องตื่นเจ็ดโมงเลิกสี่โมงซึ่งที่เมืองนอกจะเรียนน้อยกว่านี้ บ่ายสองก็เลิกแล้ว ความที่เราก็ไม่รู้วัฒนธรรมไทยหลายอย่างกลับมาช่วงแรกก็ไม่ค่อยมีเพื่อนด้วย เรื่องภาษาก็มีครูที่โรงเรียนสงสารและเอ็นดูก็มาช่วยสอนผม นอกรอบ ผมก็เรียนภาษาไทยเป็นเร็วขึ้น ไม่ค่อยกลัวเพื่อนแล้ว”
นอกจากการปรับตัวเรื่องภาษาแล้ว เรื่องของวัฒนธรรมเป็นเรื่องยากที่จะปรับตัว หมอโอ๊ตบอกว่า ช่วงแรกไม่ทราบว่าจะต้องแสดงออกต่อหน้าผู้ใหญ่อย่างไร การเติบโตที่ต่างประเทศเรื่องของความยุติธรรม เสมอภาคเป็นเรื่องสำคัญซึ่งในเมืองไทยหากนำเอามาใช้จะทำให้มีคนมองตนเป็นคนแข็งๆ จึงทำให้ไม่ค่อยมีเพื่อน กระทั่งเวลาผ่านไป 2-3 ปี กว่าจะปรับตัวรู้ว่าจะต้องวางตัวอย่างไร เริ่มมีเพื่อนและมีกิจกรรมมากขึ้น แต่ก็ยังไม่ทิ้งการเรียน
ได้เห็นความตั้งใจของคุณหมอในการนำเสนอเรื่องราวต่างๆที่มีประโยชน์แก่ทุกคนแล้ว หรือหากใครที่อยากเห็นลีลาการพูด การนำเสนอเรื่องราวที่จะเปลี่ยนเรื่องราวที่น่าเบื่อเป็นเรื่องสนุกสามารถติดตาม
รายการ “หมอนอกเวลา”
ได้ทาง “http://www.youtube.com/user/overtimepr ทุกวันเสาร์
ประวัติ
ชื่อ : อภิวัฒน์ เจ็งเจริญ (หมอโอ๊ต)
การศึกษา :
H.W.Smith ; Syracuse, NY
The Prince Royal’s College; Chiangmai
Montfort College ; Chiangmai
Medical School ; Faculty of Medicine, CMU
Department of Pharmacology, Faculty of Medicine, CMU
ผลงานเขียนที่ผ่านมา
ผมคือหมอ แต่ขอฮา 1
ผมคือหมอ แต่ขอฮา 2
ฮากระจาย สไตล์หมอโอ๊ต
รายการใน youtube คือ รายการ หมอนอกเวลา
http://www.youtube.com/user/overtimepr
นอกจากการทำอาชีพหมอที่โรงพยาบาลเชียงใหม่เมมโมเรียลแล้ว คุณหมอยังเคยมีผลงานให้ติดตามอยู่มากทั้งงานเขียน ผมคือหมอ แต่ขอฮา 1 ,ผมคือหมอ แต่ขอฮา 2 , ฮากระจาย สไตล์หมอโอ๊ต รวมถึงรายการ “หมอนอกเวลา”บนเว็บไซต์ youtube.com ที่กำลังเป็นที่สนใจของคนที่ได้ดูได้ชมด้วยสไตล์การนำเสนอเรื่องราวสุขภาพที่สนุกและเป็นตัวของตัวเอง เรียกเสียงหัวเราะจนทำให้เรื่องที่นำเสนอเข้าใจง่ายมากขึ้น
ระยะเวลากว่า 1 ปี ที่หมอโอ๊ตเริ่มทำคลิปวีดิโอของตนเองลงไปสร้างเสียงหัวเราะและความรู้ให้แก่ทุกคน การตอบรับเริ่มดีขึ้นจากคนที่ไม่มีใครรู้จัก เนื่องจากทุกครั้งที่โหลดลงไปไม่เคยนำไปลงเว็บบอร์ดใดๆ ทั้งสิ้น จนกระทั่งวันหนึ่งมีคนเข้ามาแล้วนำเอาลิงก์ไปแปะไว้ที่พันทิป และตามบอร์ดต่างๆ ทำให้คนรู้จักและมาเป็นแฟนคลับเจ้าประจำจำนวนมาก
“พอเริ่มมีคนรู้จักผมก็เกรงเหมือนกันว่ากลัวเค้ามองเราว่าไม่น่าเชื่อถือหรือเปล่าทำมาก็มีคนดูเราเหมือนกัน ความจริงส่วนที่ผมทำก็ไม่ได้ถือว่าไปลดความน่าเชื่อถือของหมอนะ ผมก็มีลิมิตของผม ไม่ติงต๊องหรือปัญญาอ่อนเกิน ”