ตะลึง! " เลค พาเลซ " โรงแรมหรูระดับห้าดาว ในเมืองอุทัยปุระ ประเทศอินเดีย เจอพิษโลกร้อน จากเดิมที่เคยตั้งโดดเด่นอยู่ท่ามกลางทะเลสาปอันงดงาม มาวันนี้กลายสภาพเป็นโรงแรมกลางทุ่ง ส่งผลให้นักท่องเที่ยวหดหาย เดือดร้อนถึงภาคธุรกิจและบริการอื่นๆ ในย่านดังกล่าวที่พลอยขาดรายได้กันระนาว
โฉมหน้าโรงแรมหรูในวันนี้
ภาพความสวยงามของโรงแรมลอยน้ำในอดีต ( เห็นได้ว่าปริมาณน้ำเริ่มลดลง)
" เลค พาเลซ " โรแมนติกรีสอร์ทสุดหรู ที่ครั้งหนึ่งเคยตั้งอยู่กลางทะเลสาป ทั้งยังเป็นสถานที่ฮันนีมูนฮอตฮิต และเป็นที่พักตากอากาศของเหล่าเศรษฐี ตลอดจนคนดังระดับโลก อาทิ ควีน เอลิซาเบธ มาดอนน่าและกาย ริชชี่ รวมทั้ง นิโคล คิดแมน และมิค แจ็กเกอร์ ฯลฯ ได้กลายสภาพเป็นโรงแรมกลางทุ่งร้าง เนื่องจากน้ำในทะเลสาป Pichola เหือดแห้ง
ทะเลสาปที่สวยงามแปรสภาพเป็นทุ่งเลี้ยงสัตว์
ในอดีตสถานที่แห่งนี้เคยเป็นพระราชวังฤดูร้อน ตัวอาคารสร้างขึ้นด้วยหินอ่อนทั้งหลังตั้งแต่เมื่อปี ค.ศ. 1746 ( พ.ศ. 2289) โดยมหาราชา จากัต
ซิงห์ ที่ 2 ของเมืองอุทัยปุระ
ในเวลาต่อมา " เลค พาเลซ " ได้เปลี่ยนสถานะจากพระราชวังฤดูร้อน มาเป็นโรงแรมสุดหรู 5 ดาวกลางทะเลสาป ขนาด 83 ห้อง ที่ครั้งหนึ่งเคยต้อนรับแขกผู้มาเยือนด้วยการส่งเรือไปรับบริเวณท่าเรือ City Palace... แต่ในปัจจุบัน แท นที่เหล่าอาคันตุกะจะได้โดยสารเรือเพื่อมุ่งหน้าเข้าไปยังตัวโรงแรม กลับต้องเปลี่ยนวิธีเดินทางมาเป็นการโดยสารรถยนต์โฟว์วีลแทน
ครั้งหนึ่งโรงแรมแห่งนี้เคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง เจมส์ บอนด์ ตอน Octopussy ที่ออกฉายเมื่อปี ค.ศ. 1983 ( พ.ศ. 2526) และยังเป็นหนึ่งในจุดขายหรือจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกให้เข้าไปเยือนเมืองอุทัยปุระ ปีละไม่ต่ำกว่า 700,000 คน แต่หลังเกิดเหตุการณ์ฝนแล้งมาตั้งแต่เมื่อ 2 ปีก่อน น้ำในทะเลส าปที่มีความลึกราว 10 ฟุตก็ค่อยๆ เหือดแห้งไป พร้อมกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงเรื่อยๆ
ไม่เพียงภาวะฝนแล้งเท่านั้นที่ทำให้น้ำในทะเลสาปเหือดแห้ง หากยังเป็นเพราะประชาชนในละแวกนั้นต่างก็สูบน้ำในทะเลสาปขึ้นมาใช้เพื่อการการอุปโภคบริโภค
ปรากฏการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในเมืองอุทัยปุระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจโรงแรม ที่แม้ผู้ประกอบการจะพากันหั่นราคาค่าห้องพัก แต่ก็ไม่ช่วยให้สถานการณ์ต่างๆ ดีขึ้น
ปัญหาน้ำในทะเลสาปเหือดแห้ง ไม่เพียงส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อผู้ประกอบการโรงแรมเท่านั้น หากบรรดาร้านค้า ภัตตาคาร ไกด์ พนักงานลำเลียงกระเป๋า แท็กซี่ เจ้าของอูฐ ฯลฯ ต่างก็ได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ตั้งแต่น้ำในทะเลสาปหายไป ส่งผลให้ทำมาหากินลำบากขึ้นมาก เพราะ 40 % ของประชากรจำนวน 2.5 ล้านคนในเมืองอุทัยปุระ ต่างหาเลี้ยงชีพด้วยการพึ่งพิงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นหลัก
เจ้าของอูฐคนหนึ่งกล่าวว่า " เมื่อก่อนตอนที่น้ำยังเต็มทะเลสาป เคยมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเข้าคิวรอขี่อูฐโดยไม่เกี่ยงเรื่องราคา เดี๋ยวนี้ขนาดหั่นราคาลงแล้วครึ่งหนึ่งก็ยังหาคนมาขี่อูฐไม่ได้ ถ้าขืนยังเป็นอย่างนี้ต่อไป พวกเราคงอยู่ไม่ได้แน่ๆ "
และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของปัญหาโลกร้อนที่ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ดังนั้น พวกเราจึงควรใส่ใจ และช่วยกันลดโลกร้อน ก่อนที่เหตุการณ์ดังกล่าวจะส่งผลบานปลายมาถึงประเทศไทยอันเป็นที่รักของพวกเรา