พระสยาม เทวาธิราช

พระสยามเทวาธิราช พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีความเชื่อในเทวดา ผู้คุ้มครองพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์จักรี ตลอดจนประเทศชาติให้อยู่รอดปลอดภัยจากภยันตรายต่าง ๆ อย่างใหญ่หลวงมาทุกครั้งทุกยุคทุกสมัย จึงได้เกิดมีการหล่อพระสยามเทวาธิราชขึ้น เพื่อเป็นเทพารักษ์คุ้มครองพระบรมราชวังและประเทศไทย พระสยามเทวาธิราชะนี้เป็นเทวรูปหล่อยืน ทรงเครื่องกษัตริย์ สวมมงกุฎ พระหัตถืขวาทรงพระขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายยกขึ้นจีบ พระดรรชนีเสมอพระอุระ องค์พระสยามเทวาธิราชสถิตอยู่ในเรือนแก้วที่ทำด้วยไม้จันทน์ แบบวิมานเก๋งจีน แล้วมีคำจารึกที่เบื้องหลังเป็นอักษรจีน ซึ่งถ้าแปลเป็น ภาษาไทยจะได้ความว่า "ที่สิงสถิตแห่งพระสยามเทวิราช" ในเรือนแก้วนี้ ถ้าท่านทั้งหลายเข้าไปในพระบรมมหาราชวัง จะเห็นว่า ประดิษฐานในพระวิมานไม้แกะสลัก ปิดทอง พระวิมานตรงกลาง ตรงหน้าพระสยามเทวาธิราชเป็นที่ตั้งเทวารูปคือพระสรัสวดี หรือพระพราหมี เทพเจ้าแห่งดนตรีและขับร้อง พระวิมานองค์ด้านตะวันออก ตั้งเทวรูปพระอิศวรและพระอุมา พระวิมานทางด้านทิศตะวันตก ตั้งพระนารายณ์ทรงครุฑลักษณะของการตั้งรูปเคารพเช่นนี้ ตามเค้าเงื่อนประสงค์จะให้พระสยามเทวาธิราชมีผู้ช่วยเหลือเป็นตรีเทพ หรือที่เรียกว่า "ตรีมูรติ" คือเทพเจ้าทั้งสามซึ่งเป็นสยัมภูอันเป็นที่เคารพสู.สุดของฝ่ายศาสนาฮินดู นั่นเอง ส่วนองค์พระสยามเทวิราชนั้นทรงมีมเหศักดิ์สูงเยี่ยมเทียบสยัมภูนั้นแต่ในภาค หนึ่ง องค์พระสยามเทวาธิราชทรงเป็นเทวดาคุ้มครองราชย์วงศ์จักรีด้วย ซึ่งสีของราชวงศ์จักรี คือ สีเหลืองทองดอกบวบ อันเป็นสีพระราชอิสริยาภรณ์สูงสุด คือสายสะพานตราจักรี ธงมหาราชขององค์พระมหากษัตริย์เป็นสีเหลือง คือ ดาวเคราะห์พฤหัสบดีที่เราพูดตามหลักโหราศาสตร์ว่าประเทศไทยของเรานี้ อยู่ในอิทธิพลของดาวพระเคราะห์คือดาวพฤหัสบดี ซึ่งเป็นดาวประจำเมืองไทยและดาวพฤหัสบดีคือภาคหนึ่งของพระสยามเทวาธิราช การสร้างรูปพระสยามเทวาธิราชชิ้นนี้ก็เพื่อประสงค์ให้มีพระภูมิคุ้มบ้านคุ้ม เมืองนั่นเอง พระบามสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงสถาปนาขึ้นด้วยทรงระลึกว่าบ้าน เมืองย่อมมีเทวดาคุ้มครองรักษา รวมทั้งพระราชวงศ์จักรีด้วย ทั้งนี้เป็นความเชื่อถือของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ได้ทรงสร้างพระสยามเทวาธิราชนี้ขึ้นมาเพราะทรงเชื่อว่าเทวดาเป็นสิ่ง ที่มีจริง หลักฐานที่เป็นพระราชหัตถเลขาถึงกรมหมื่นมเหศวรศิววิลาศ เมื่อปีชวด พุทธศักราช 2400 มีข้อความตอนหนึ่งว่า "ถ้าเทวดามีเทวดาคงเข้าใจด้วยในหลวงคนที่ไม่ได้เป็นคุณแก่ในหลวง เป็นแต่ผู้รับบุญรับคุณของในหลวง มาเนรคุณทรยศอย่างนี้ เทวดาคงชังมาก แต่เราขอบพระสยามเทวาธิราชเทวดาใหญ่รักษาแผ่นดินไทย และพระเสื้อเมืองทรงเมืองพระกาฬไชยศรี บรรดาที่มีอยู่ในคำประกาศนี้พิพัฒสัตยานั้น ดูเหมือนยังเข้าด้วยในหลวงอยู่ หาเข้าด้วยใครไม่ ในหลวงมีตระกูลบิดามารดาเป็นผู้สูงศักดิ์มาแต่ก่อนสิ้นวาสนาเหมือนจมดินจม ทราย แต่บ่าวไพร่ของตัวมิได้หมายว่าจะได้เป็นใหญ่เป็นโต (ทรงหมายถึงพระองค์ ในสมัยยังมิได้เสด็จขึ้นครองราชย์) ก็ชะรอยเทวดาจะเที่ยวดลจิตดลใจผู้หลักผู้ใหญ่ว่า ไปขุดคุ้ยเอามาตั้งขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดิน แต่ที่ได้เป้นพระเจ้าแผ่นดิน ทั้งนี้ครั้นจะว่าไปด้วยอำนาจเทวดาก็จะเป็นการลบหลู่บุญคุณของท่าน ผู้หลักผู้ใหญ่ที่ท่านพร้อมใจกันอุปถัมภ์ค้ำชู ให้พระเจ้าแผ่นดินนั้นเป็นด้วยว่าความที่ได้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน ก็เพราะผู้ใหญ่ค้ำชูอุดหนุนนั้น รู้อยู่กับตา เห็นอยู่กับตาของคนเป็นอันมากตรง ๆ ไม่อ้างว่าอำนาจของเทวดาแล้ว ย่อมว่าตามว่าได้เป็นพระเจ้าแผ่นดินเพราะขัดขวางทางที่พระเจ้าแผ่นดิน ปัจจุบันนี้ จะเป็นเจ้าแผ่นดินจะมีตัวตนหรือหาไม่" มูลเหตุที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเชื่อ ในเทวดาผู้คุ้มครองพระมหากษัตริย์และพระราชวงศ์จักรี และการที่ประเทศของเรารอดปลอดภัยจากภยันตรายต่าง ๆ มาได้ถึงทุกวันนี้ น่าจะเป็นเหตุมาจาก เทวดาคุ้มครองชาติไทย และพระราชวงศ์องค์เดียวกันนี้ จึงได้บังเกิดการหล่อพระสยามเทวิราชขึ้นไว้เป็นเทพารักษ์ คุ้มครองพระบรมราชวังแประเทศไทยด้วย จะเห็นว่าในรัชสมัยแห่งพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ประเทศต่าง ๆ ในภาคพื้นเอเชียอาคเนย์ เช่น พม่าก็ดี มาเลเซียก็ดี หรือประเทศเวียดนามก็ดีต่างก็ถูกชนชาวยุโรปเข้ามายื้อแย่งไปอยู่ในอำนาจจน หมดสิ้น เป็นเมืองขึ้นของอังกฤษบ้าง ของฝรั่งเศสบ้าง มีแต่เพียงประเทศไทย ชาติเดียวเท่านั้นที่อยู่รอดปลอดภัยมาได้ทุกวันนี้ ฉะนั้น จึงทำให้พระองค์มีพระราชดำริว่า พระปรีชาสามารถในการรักษาประเทศนี้ชะรอยจะมีเทพยดาองค์ใดองค์หนึ่ง คอยพิทักษ์รักษาบ้านเมืองไว้เป็นแน่แท้ จึงได้มีพระราชประสงค์จะทำรูปเทพองค์นั้นไว้บูชาด้วยพระกตัญญูกตเวที จึงมีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระองค์เจ้าประดิษฐานวรการ ซึ่งขณะดำรงพระยศเป็นหม่อมเจ้า รับราชการในกรมช่างสิบหมู่ ปั้นหล่อรูปสมมติเทพองค์นั้นขึ้นตามรูปลักษณ์ดังกล่าวข้างต้น แล้วทรงถวายพระนามว่า พระสยามเทวาธิราช และโปรดให้อัญเชิญไปประดิษฐาน ณ พระที่นั่งทรงธรรมในหมู่พระพุทธมณฑลเฑียร โดยมีลักษณะเป็นเทวรูปประทับยืนทรงเครื่องต้นพระหัตถ์ขวาทรงพระขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายยกเสมอพระดุระในท่าประทานพร มีขนาดสูง 8 นิ้วฟุต มีความงดงามได้สัดได้ส่วนมาก หล่อขึ้นด้วยทองคำทั้งองค์ พระราชพิธีบวงสรวงพระสยามเทวิราช ในปัจจุบันนี้คนไทยเป็นจำนวนมากยังมีความเชื่อในเรื่องเทพยดา โดยเฉพาะในเรื่องพระสยามเทวิราช เมื่อมีเหตุการณ์ณ์ไม่ปกติเกิดขึ้นก็มักจะวิงวอนขอให้พระสยามเทวิราชคุ้ม ครองประเทสชาติให้รอดพ้นอันตราย เป็นที่เชื่อกันว่า พระสยามเทวิราชเป็นเทพยดาศักดิ์สิทธิ์ที่อภิบาลรักษาประเทศไทย องค์พระสยามเทวิราช ปัจจุบันประดิษฐาน ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง มีลักษณะเป็นเทวรูปหล่อยืนทรงเครื่องกษัตริยาธิราช พระหัตถ์ขวาทรงพระแสงขรรค์ พระหัตถ์ซ้ายยกขึ้นจีบ ดรรชนีเสมอพระอุระ องค์พระสยามเทวาธิราชสถิตในเรือนแก้ว ทำด้วยไม้จันทน์แบบวิมานเก๋งจีน มีคำจารึกที่ผนังเบื้อหลังเป็นอักษรจีนแปลความว่า ที่สิงสถิตแหงพระสยามเทวิราช เรือนแก้วนี้ประดิษฐานในพระวิมานไม้แกะสลักปิดทอง องค์กลาง ตรงหน้าพระสยามเทวิราชเป็นที่ตั้งเทวรูปพระสรัสวดีหรือพระพราหมี เทพเจ้าแห่งการดนตรีและขับร้อง พระวิมานองค์ด้านทิศตะวันออก ตั้งเทวรูปพระอิศวรและพระอุมา พระวิมานองค์ด้านทิศตะวันตก ทั้งเทวรูปพระนารยณ์ทรงครุฑ พระราชพิธีบวงสรวงพระสยามเทวิราชในรัชกาลปัจจุบัน พระราชพิธีบวงสรวพระสยามเทวาราชาธิราชในปัจจุบัน กำหนดไว้ในปฏิทินหลวงในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 5 ตาม ประเพณีนิยมว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่ทางจันทรคติแบบโบราณอนุวัติ ตามราชประเพณีที่ทำในรัชกาลที่ 4 ที่ 5 และรัชกาลต่อ ๆ มา เจ้าหน้าที่ สำนักพระราชวังจะเชิญพระสยามเทวาธิราช เทวรูป พระสรัสวดี หรือพระพราหมี พระอิศวร พระอุมา พระนารายณ์ ทรงครุฑ จากพระวิมานลงมาประดิษฐานที่โต๊ะสังเวยหน้าพระเจ้าที่กับเจว็ดมุกรูปเจ้า กรุงพาลี จากหอแก้วพระภูมิมาประดิษฐานที่โต๊ะร่วมสังเวยด้วย เครื่องสังเวยประกอบด้วย หัวหมู เป็ด ไก่ เมี่ยงส้ม ทองหยิบ ฝอยทอง ส้มเขียวหวาน องุ่น มะตูมเชื่อม มะพร้าวอ่อน กล้วยหอมจันทร์ ขนมต้มแดง ขนมต้มขาว ผลทับทิม เทียนเงิน เทียนทอง พระราชพิธีบวงสรวงสังเวยพระสยามเทวิราชในปัจจุบันนี้ ถ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ทรงมีพระราชกรณียกิจอื่นไม่สามารถเสด็จพระราช ดำเนินในพระราชพิธีนี้ได้ จะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอหรือพระราชวงศ์ผู้ใหญ่เสด็จมาทรงสังเวยพระสยามเทวิ ราชแทนพระองค์ เมื่อเสด็จพระราชดำเนินถึงพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ทรงจุดธูปเทียนถวายสักการะพระสยามเทวิราช แล้วทรงจุดธูปหางปักที่เครื่องสังเวย เสร็จแล้วเสด็จไปทรงจุดธูปเทียนบูชาเทวดา และทรงจุดธูปหางปักที่เครื่องสังเวยเทวดา (เครื่องสังเวยเทวดาเหมือนกับเครื่องสังเวยพระสยามเทวาธิราช) ที่โต๊ะหน้าหอพระสุราลัยพิมาน ขณะที่ทรงจุดธูปเทียนถวาย สักการะพระสยามเทวาธิราช และทรงจุดธูปเทียนที่โต๊ะเครื่องสังเวยเทวดานั้น ชาวพนักงานประโคมฆ้องชัย สังข์ แตร ดุริยางค์ทำเพลงสาธุการ ศิลปินกรมศิลปากรรำถวายมือ จบแล้วแสดงละครเมื่อถวายแสดงจบแล้ว พระราชทานรางวัลแก่ผู้แสดง แล้วเสด็จกลับ พระสยามเทวาธิราชคือใคร พระสยามเทวาธิราช นี่นะ เริ่มมีเมื่อสมัยก่อน รัชกาลที่ ๔ มีนะ แต่ก่อนพระเจ้าแผ่นดินสมัยนั้นก็บูชาเทวาชื่อนั้นชื่อนี้ ที่เป็นญาติผู้ใหญ่เป็นคนสำคัญ ขออย่างนั้นอย่างนี้ต่อมา สมัยรัชกาลที่ ๔ ท่านเป็นนักปราชญ์ เป็นนักบาลี ก็มาตั้งชื่อใหม่ว่า พระสยามเทวาธิราช หมายถึงว่า เทวดาทั้งหมดที่รักษาประเทศสยาม ทีนี้ที่ถามว่า ให้คุณให้โทษทางไหน ให้โทษนี้ก็ไม่ทราบ ให้คุณนี่ก็ไม่รู้ แต่ท่านเป็นเทวดาเอาอย่างนี้ก็แล้วกันนะ เมื่อปี ๒๕๑๘ ปีนั้นพระเจ้าอยู่หัวนิมนต์เข้าไป ที่ไป พระที่นั่งไพศาลทักษิณ พอเข้าไปทำบุญ วันจักรี พอเข้าไปนั่งปั๊บไม่ต้องคุยกับใครละ บรรดาพระสยามเทวาธิราชมากันเยอะแยะเลย โอ้โฮ้ไม่ใช่องค์เดียว ๒ องค์นะ ไม่ทราบว่าจะมากเท่าใดในบริเวณเต็มไปหมด ไม่ใช่เฉพาะในวังนะ เราก็ชักสงสัยว่าองค์ไหนชื่อ พระสยามเทวาธิราช พอถามว่าองค์ไหนชื่อ พระสยามเทวาธิราช ให้บอก ชี้องค์นั้นก็ไม่ใช่ ชี้องค์นี้ก็ไม่ใช่ ต่างคนต่างบอกชื่อของตัวหมด ก็เลยนึกขึ้นมาว่า เออ ยังไงเทวดานี่ เลยบอกว่า ถ้าไม่ใช่ พระสยามเทวาธราช แล้วมาทำไมล่ะ พระเจ้าอยู่หัวก็ดี พระราชินีก็ดี ท่านทำบุญเพื่อ พระสยามเทวาธิราช ท่านก็บอกว่า เขาอยากเรียกผมอย่างนั้นทำไมล่ะ ผมไม่ได้ชื่อนั้นนี่ ก็รวมความว่า พระสยามเทวาธิราช จริงก็เป็นเทวดาที่รักษาประเทศไทยทั้งหมด สมัยก่อนเรียกประเทศสยามใช่ไหม ถ้าถามว่าให้คุณแบบไหน ก็ต้องถือว่า เทวดามีความดีอะไรบ้าง แต่ละคนมีความสามารถไม่เสมอกัน อันนี้ตอบไม่ได้ เกินวิสัย ที่มา โอวาทหลวงพ่อเล่ม3
18 ส.ค. 53 เวลา 21:31 5,490 30
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...