จับพลัดจับพลูได้มีโอกาสตามเสธ.ไก่อู โฆษก ศอฉ. ไปปล่อยรถถังสู่ก้นทะเล ที่จ.นราธิวาส ...ว่าแล้วก็ขอสารภาพนิดนึงว่า ตอนเสธ.ลงเรือมา เรายังจำไม่ได้เลยอ่าาา รู้แต่ว่าผู้ชายคนนี้หน้าคุ้น ๆ haha
วันแรกเป็น check dive ที่โหดมาก ๆ ฝนตก ลมแรง พอฝนหยุด ฟ้าเปิด กระแสน้ำก็แรง อะไรไม่สำคัญเท่าทุ่นที่จะให้นักดำน้ำจับลงไปดูรถขยะ กลับผูกอยู่กับถุงทราย 3 ถุง พอเจอคลื่นประกอบกับน้ำหนักของนักดำน้ำ ก็กระโดดเป็นกบอยู่ที่พื้นทะเล ออกห่างจากรถขยะที่เป็นหมายไปเรื่อย ๆ (- -') ดังนั้น ทีมที่ลงทีหลัง ก็เลยไม่เจออะไรเลย นอกจากพื้นทราย หนุกหนานกันซ้า
ตอนแรก ฝนก็อยู่ไกล ๆ
แต่แล้วก็ได้อยู่ท่ามกลางฝนกระหน่ำ
ฟ้าเริ่มเปิด
ฟ้าหลังฝนย่อมงดงามเสมอ
อีกสักรูป เป็นการยืนยัน
วันต่อมา (วันที่ 9 สิงหาคม 2553) เป็นพิธีเปิดโครงการทิ้งรถถังทำปะการังเทียม พอไปถึงเรือ Barge ก็ขึ้นไปถ่ายรูปรถถัง และดูการทำงานบนบก
ยามเช้าที่ท่าเรือ
เจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งมอบเสื้อที่ระลึกให้เสธ.
ถ่ายรูปกับรถถังบนเรือ Barge
มีการปีนป่ายเล็กน้อย
แอบเล่นกับกล้องอีกหน่อย
เริ่มคุ้นเคย
1 ในรถถังที่เตรียมทิ้งวันเปิดพิธี
จากนั้น dive แรกของพวกเราก็กลับไปหมายรถขยะ คราวนี้กระแสน้ำไม่ค่อยแรง แล้วเจ้าหน้าที่ก็ทำ line ไว้ให้ ก็เลยสะดวกสำหรับนักดำน้ำ
ไต่เชือกทุ่นลงไป ก็เจอถังน้ำมันเครื่องผูกติดกันทิ้งอยู่ที่ก้นทะเล พอจะเก็บขึ้นมา ปรากฏว่ามีเจ้า Moray ตัวนี้จับจองเสียแล้ว เลยปล่อยให้เป็นที่อยู่อาศัยของเค้าต่อไป
รถขยะที่มีปลาเล็กปลาน้อยมาอาศัยอยู่เยอะมาก
เจอเสธ.แล้ววววว
ปลาตะกลองเหลืองว่ายวนอยู่รอบ ๆ
ใต้ฐานรถขยะมีกระเบนจุดฟ้าหลบอยู่
ไม่ไกลก็มีปลาสิงโตลอยตัวอยู่นิ่ง ๆ
แถมมีลอบขนาดยักษ์วางอยู่ด้วย O_o'
หลังจากกลับขึ้นมา ก็ได้เวลาพิธีเปิดพอดี มีเรือจากฝั่งวิ่งมาดูการทิ้งรถถังประมาณ 5 ลำ พอเสร็จพิธีก็วิ่งกลับ
เตรียมทิ้งสู่ก้นทะเล
ส่วนพวกเราก็รอเวลาทีมทิ้งรถถังพักกลางวัน เพื่อจะลงไปดำน้ำดูรถถังที่ทิ้งไปแล้ว
อลังการดีแท้
เสธ.ไก่อู เป็นแบบคู่รถถังทันที
คันที่ 12 และ 13 อยู่ใกล้ ๆ กัน
นั่งประจำตำแหน่ง พร้อมยิง :)
แล้วช่วงบ่ายกระแสน้ำก็กลับมาแรง (เป็นปกติ) พอถ่ายรูปจนพอใจ อาร์มกับเราก็ไต่เชือกทุ่นขึ้น ...แต่ปรากฏว่าเชือกสั้นไป เจอกระแสน้ำ+น้ำหนักถ่วง ทุ่นก็เลยจมอยู่ที่ 7 เมตร 2 คนก็อุตส่าห์ไต่ลงไปขึ้นทุ่นใหม่ คราวนี้หนักกว่าเดิม แค่ 15 เมตร เชือกก็หมดแล้ว hahaha เลยกลับมาทุ่นเดิม พอหมดเชือก ก็ปล่อยลอย แล้วยิง sausage ให้ดิงกี้มารับ (แต่ดิงกี้ที่มารับกลับไม่ใช่ดิงกี้ของเรือที่มาด้วย เป็นดิงกี้ของเจ้าหน้าที่ทีมทิ้งรถถัง ที่มารับ เพราะเดี๋ยวเค้าต้องทำงานต่อ แล้วพวกเราก็ไปอยู่ในบริเวณพอดี ...ขอบคุณคร๊าบบบ) จริง ๆ วันนั้นต้องดำ 3 dives แต่เราขอแค่ 2 dives ก็พอ เพราะได้รูปมาพอใจสำหรับวันนั้นแล้ว ^^
วันที่ 10 สิงหาคม ทีมทิ้งรถถังทำงานเสร็จเรียบร้อย เหลือแต่ทุ่นบอกตำแหน่ง สำหรับตรวจสอบและติดตามผล วันนี้สื่อมวลชนหลายช่องต้องการบันทึกเทปเสธ.ไก่อูกับรถถัง เจ้าหน้าที่ก็เลยจัดให้ เราก็ตามไปถ่ายรูปด้วย พอดีกล้องอาร์มน้ำเข้า อาร์มก็เลยขึ้นก่อน ส่วนเราก็ดำน้ำไปกับทีมเสธ. จนกระทั่งได้เวลาก็ขึ้น
วันสุดท้ายแล้ว น้ำแรงก็ยังยิ้มสู้
ถ่ายรูปกับรถถังเบอร์ 5
คันนี้ไม่รู้จงใจหรือยังไง ถึงได้หงายอยู่คันเดียว
อีกหน่อย ๆ
รุมกันเข้ากล้อง
กับรถถังเบอร์ 12 อีกครั้ง
ระหว่างทำ Safety stop ที่ 5 เมตร
แต่เมื่อถึงผิวน้ำ เจ้าหน้าที่จะเรียกดิงกี้มารับเสธ. ปรากฏได้รับแจ้งว่ามีคนเจ็บอยู่บนดิงกี้ เจ้าหน้าที่ก็เลยรีบตีฟินกลับไปที่เรือ ส่วนเราก็ค่อย ๆ ตีฟินกลับไปเหมือนกัน เลยได้รู้ว่าคนเจ็บเป็นช่างภาพช่อง 7 หลังจากผายปอดและปฐมพยาบาลเบื้องต้น คนเจ็บก็หายใจ แต่ยังหมดสติอยู่ (มีออกซิเจนช่วยหายใจสวมไว้ด้วย) ดิงกี้ก็เลยพาคนเจ็บกลับเข้าฝั่ง โดยประสานงานให้รถพยาบาลมารอรับที่ท่าเรือ
แน่นอนว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้น หลายคนก็ไม่มีกระจิตกระใจจะดำน้ำต่อ หลังจากรอประสานงานเรื่องคนเจ็บจนเสร็จเรียบร้อย เรือก็วิ่งกลับเข้าฝั่ง ...พอถึงฝั่ง เสธ.ไก่อูและทีมสื่อมวลชนก็ตามไปเยี่ยมคนเจ็บที่โรงพยาบาล ส่วนเราก็อยู่ช่วยเจ้าหน้าที่เก็บข้าวของ จากนั้นก็แยกย้ายกัน โดยเรายังนอนที่นราธิวาสต่ออีก 1 คืน แล้วกลับกรุงเทพ ฯ ตอนเช้าวันที่ 11 สิงหาคม ส่วนเรือจะวิ่งไปจอดที่ท่าเรือน้ำลึก จังหวัดปัตตานี