6 ไอเดียแปลก(ค่อนข้างแย่)จากบุคคลอัจฉริยะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะเหล่านี้ หลายคนรู้จักกันดี ในฐานที่สร้างประโยชน์ต่อโลกอย่างแท้จริง พวกเขามีไอเดียสร้างสรรค์หลายอย่าง แต่ก็มีบางไอเดียเหมือนกันที่หลายคนคิดว่ามันไร้สาระโดยสิ้นเชิง และมันมีอะไรบ้างนั้นก็ไปดูกัน

 

Ghost  Machine

 


โทมัส อัลวา เอดิสัน เป็นนักประดิษฐ์และนักธุรกิจชาวอเมริกัน ผู้ซึ่งประดิษฐ์อุปกรณ์ที่สำคัญต่าง ๆ มากมาย ได้ฉายา "พ่อมดแห่งเมนโลพาร์ก" นั้นกล่าวได้ว่าเป็นนักประดิษฐ์ที่มีผลงานมากที่สุดในยุคนั้น เขามีสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์ภายใต้ชื่อของเขาเป็นจำนวนถึง 1,093 ชิ้น

                ทำไมก็ไม่รู้ โทมัส อัลวา เอดิสัน ถึงติดรายการของเราเยอะเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นคนคิดไอเดียเก้าอี้ไฟฟ้า, ไม่ใช่คนประดิษฐ์หลอดไฟ, เขาเป็นโรคดาวน์ซินโดรม  และเขายังติดอันดับไอเดียแย่ๆ ด้วย คุณเคยอ่านเรื่องนูเบมืออสูรไหมครับ ในตอนที่เกี่ยวกับโทมัส อัล เอดิสัน(เล่มไหนก็ไม่รู้จำไม่ได้) ที่เสนอว่าในปั้นปลายชีวิตของเขานั้น เขามีความหลงใหลเกี่ยวกับการติดต่อโลกวิญญาณ จนเขามีความคิดว่าภูตผีวิญญาณมีอยู่จริง เขาได้ประดิษฐ์เครื่องติดต่อกับโลกหลังความตาย ในปี 1920 เขาเคยกล่าวกับผุ้สื่อขาวว่าเขากำลังสร้างเครื่องมือที่สามารถติดต่อกับคนตายได้ เชื่อว่าวิญญาณถูกสร้างขึ้นมาด้วยอนุภาคที่เล็กจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ที่เขาเรียกว่า หน่วยชีวิต หน่วยชีวิตสามารถประกอบขึ้นใหม่ในรูปแบบใดก็ได้ และจะยังมีความทรงจำอันเดิม บุคลิกภาพแบบเดิม และไม่สามารถทำลายลงได้  ซึ่งเครื่องมือของเขาจะสามารถตรวจจับหน่วยชีวิตในสิ่งแวดล้อม ทำให้คนเป็นติดต่อกับคนตายได้ และเรื่องราวเหล่านี้ได้ถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ยกใหญ่ จนหลายปีต่อมาโทมัสออกมาพูดว่านั้นเป็นเรื่องล้อเล่น หากแต่หลายคนไม่เชื่อ และคาดว่าเขากำลังประดิษฐ์สิ่งเหล่านี้อยู่ โดยเป็นโครงการลับ ที่เขาทุ่มเทกับมันมาก  หากแต่เขาดันตายเสียก่อนเครื่องนี้จะเสร็จ(ตาย 1931) แต่กระนั้นก็มีข่าวลือว่าเครื่องดังกล่าวนั้นสร้างเสร็จแล้วและมันน่าจะซุกซ่อนอยู่ในโรงเก็บของเก่าๆ สักแห่งบนโลกใบนี้ก็เป็นได้

 

 

Earthquake Machine

 

 นิโคลา เทสลา(Nikola tesle)ค.ศ. 1856-1943 เป็นคนร่วมสมัยกับ โทมัส เอดิสัน เป็นนักประดิษฐ์ นักฟิสิกส์ วิศวกรเครื่องกล และวิศวกรไฟฟ้าที่เปี่ยมด้วยอัจฉริยภาพ มักได้รับการยกย่องเป็นนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งในประวัติศาสตร์เทคโนโลยี นอกจากนี้ เทสลายังถือเป็นวิศวกรที่สร้างนวัตกรรมล้ำยุคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 และต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 สิทธิบัตรของเทสลาและผลงานเชิงทฤษฎีของเขากลายเป็นพื้นฐานของระบบไฟฟ้ากระแสสลับ ได้แก่ ระบบจ่ายกำลังหลายเฟส และมอเตอร์ไฟฟ้ากระแสสลับ ซึ่งเขามีส่วนผลักดันเป็นอย่างมากในช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สอง

เทสลาขึ้นชื่อว่าเป็นนักประดิษฐ์สุดเพี้ยนที่ประดิษฐ์สิ่งประดิษฐ์เพี้ยนๆ หลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือ “เครื่องทำแผ่นดินไหว” ที่เขาได้สร้างเครื่องขนาดเล็ก(ประมาณ 7 นิ้ว) หนักเพียง 2 ปอนด์สามารถใส่เสื้อกันหนาวได้อย่างสบาย เครื่องหนึ่งชื่อ “Tesla's electro-mechanical oscillator” ในปี 1898 และดำเนินทดสอบกลไกในนิวยอร์ดในห้องปฏิบัติการ โดยใช้หลักการสั่งสะเทือนจากเสียงสะท้อน ผลก็คือทำให้อาคารรอบๆ ห้องทดสอบสั่นสะเทือนจนเป็นเหตุทำให้ผู้อยู่อาศัยร้องเรียนตำรวจ  การทดลองประสบผลสำเร็จดี หากแต่กระนั้นเขาถูกบังคับให้ใช้ค้อนทำลายเจ้าเครื่องนี้ในที่สุด หากแต่สุดท้ายไม่รู้ว่าทำไมเทลลาถึงได้ประดิษฐ์สิ่งนี้ขึ้น มันจะใช้ทำอะไรกันแน่? เขาไม่ได้บันทึกเรื่องราวของสิ่งประดิษฐ์นี้ ว่ากันว่าหลักการเหล่านี้กลายเป็นแนวคิดให้อเมริกาสร้างเครื่อง HAARP(High Frequency Active Auroral Research Project) โดยใช้ทฤษฏีของเทสลาคือ วิธีการและเครื่องมือในการเปลี่ยนแปลงบริเวณในชั้นบรรยากาศของโลก, วิธีการและเครื่องมือในการสร้างเครื่องเครื่องเร่งอิ เล็คตรอนไซโคลตรอน (electron cyclotron) ด้วยความร้อนพลาสมา, วิธีการผลิตอนุภาคสัมพัทธภาพ (relativistic particles) เหนือพื้นผิวโลกทำแผ่นดินไหวขึ้น โดยใช้ทำลายศัตรู

 

 

Alexander Bell's Sheep

 

http://www.time.com/time/magazine/article/0,9171,777628,00.html

อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์(1847-1922) เป็นนักวิทยาศาสตร์ นักประดิษฐ์ ผู้ก่อตั้งบริษัท เบลล์ เทเลโฟน (Bell Telephone company) สิ่งประดิษฐ์ที่สำคัญอย่างมากของเบลล์และเป็นประโยชน์ต่อชาวโลกอย่างมาก ได้แก่ โทรศัพท์ นอกจากนี้ เบลล์ยังเป็นผู้มีความสำคัญอย่างมากในงานวิจัยทางด้านอากาศยาน  ไฮโดรฟอยล์ และก่อตั้งสมาคมแนะนำ และสอนคนหูพิการ ชื่อว่า American Association to Promote the Teaching ofSpeech to Deaf

                แต่คุณเชื่อไหมครับว่าทั้งชีวิตเขานั้นอุทิตให้กับอะไร สิ่งนั้นดันไม่ใช่สิ่งประดิษฐ์ของเขานี้สิ เขาอุทิตให้แกะ 6 ตัว ซึ่งเบลล์นั้นใช้เวลา 30 ปีในชีวิตของเขากับเงินอีก 250,000 ดอลลาร์เพื่อทำโครงการเพื่อนำมาผสมพันธุ์แกะพันธุ์นม6 ตัว เพื่อเพิ่มจำนวนและต้องการให้แกะผลิตน้ำนมดียิ่งขึ้น  แถมเขายังจดประวัติชีวิตเกาะอย่างละเอียดเพื่อศึกษาปัญหาต่างๆ  หากแต่สุดท้ายโครงการที่ว่าไม่สำเร็จเพราะเบลล์ตายเสียก่อน เมื่อปี 1922

(ปล. ใครอยากจะให้ผมเพิ่มอะไรบอกได้ครับ เพราะผมแปลแบบลวกๆ อยากผิดก็ได้ ยอมรับเลย ไม่แน่ใจสุดๆ)

 

 

Love Spray

 

http://www.kirainet.com/english/doctor-nakamatsu/

         ดร. โยชิโร นากามัตส์(Dr. Yoshiro Nakamatsu's  ปัจจุบันอายุ 82 ปี) นักประดิษฐ์เจ้าของฉายาแอดิสันแห่งเอเซีย  ปัจจุบันมีผลงานการประดิษฐ์ที่ได้รับการจดลิขสิทธิ์มากกว่า 3,000 ชิ้น มากกว่าโทมัส เอดิสันที่มี 1,093 ชิ้น จากสถิติของกินเนสบุคส์ ดร. นากามัตส์ มีสิ่งประดิษฐ์ที่ได้รับการจดทะเบียนกว่า 3,200 ชิ้น หรือมากกว่าโทมัส เอดิสันเกือบ 3 เท่า โดยสิ่งประดิษฐ์ของเขาซึ่งมีตั้งแต่ฟล็อบปี้ดิสท์ ซีดี ดีวีดี นาฬิกาดิจิตัล กล้องซีนีมาสโคป ไปจนถึงมิเตอร์สำหรับรถแท็กซี่ ล้วนแล้วแต่เกี่ยวพันกับชีวิตประจำวันของเรา

         แม้ว่าเขาจะประดิษฐ์สิ่งของที่สำคัญกับชนชาวโลกอย่างมากมาย แต่กระนั้นก็มีสิ่งประดิษฐ์ที่ล้มเหลวและบ้าๆ เหมือนกัน เช่นรองเท้าสเปริงสามารถกระโดดสูงได้, โซฟาสำหรับบริหารสมอง, รถหาคะแนนเสียง ตัวอย่างสเปย์ยี่ห้อหนึ่งคือ Love Jet หรือสเปย์แห่งความรัก ผลิตจากหญ้าชนิดหนึ่งซึ่งเป็นสูตรลับของเขา วิธีใช้คือฉีดบนตัว จะทำให้ผู้ชายได้กลิ่นนี้จะเกิดแรงกระตุ้นทางเพศและนกเขาขัน เขาบอกว่าเขาพัฒนาสินค้านี้เพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจญี่ปุ่นเพราะตอนนี้ประชากรญี่ปุ่นลดน้อยถอยลง โดยเขาขายสินค้านี้ในราคาถูกว่าต้นผลิตเชียวนะ โดยเขาขายขวดนี้ในราคา 15,000-30,000 เยน(สองยี่ห้อ) พระเจ้าแพงกว่าโคโลญบ้านเราเสียอีก อยากจะสั่งซื้อก็คลิปที่ here.

 

 

Thomas Edison's Helicopter

         

http://atcloud.com/stories/85573

กลับมาที่โทมัส อัลวา เอดิสันอีกครั้ง เชื่อหรือไม่ว่าเขาเป็นอีกคนหนึ่งที่ริเริ่มเฮลิคอปเตอร์ด้วย ใน 1885 เขาได้ทุน 1,000 ดอลลาร์จาก เจมส์ กอร์ดอน เบนเนตต์ (James Gordon Bennett) เพื่อประดิษฐ์อากาศยานที่บินขึ้น-ลงในแนวดิ่งได้ เอดิสันทดลองประดิษฐ์เฮลิคอปเตอร์ขนาดเล็กไว้หลายแบบด้วยกัน ระยะแรกเขาทดลองต่อใบพัดของสิ่งประดิษฐ์เข้ากับเครื่องจักรที่ใช้ดินสำลี (guncotton) หรือเซลลูโลสไนเตรต (cellulosenitrate) เป็นเชื้อเพลิง (เครื่องจักรที่ใช้ดินสำลีเป็นเชื้อเพลิงเป็นรูปแบบแรกๆ ของเครื่องยนต์สันดาปภายในที่สร้างขึ้นมา) แต่การทดลองไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งแม้จะสร้างเฮลิคอปเตอร์ไม่สำเร็จ ทว่าเอดิสันก็ยังจดสิทธิบัตรแบบของเฮลิคอปเตอร์ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินซึ่งเขาคิดขึ้นเอง( ในเวลาต่อมาเขาเปลี่ยนมาทดลองใช้มอเตอร์ไฟฟ้าแทนแต่ก็ยังล้มเหลว(ส่วนรูปคือโทมัส(ซ้าย)ยืนคู่กับนักบินทดสอบ เครื่อง autogyro ในปี 1930 )

แม้จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่เอดิสันก็เป็นนักประดิษฐ์กลุ่มแรกๆ ที่เริ่มเข้าใจว่า การสร้างอากาศยานให้บินขึ้น-ลงในแนวดิ่งได้ต้องออกแบบใบพัดให้มีลักษณะเป็นใบแคบยาวซึ่งสร้างแรงยกได้ดีกว่า และต้องปรับปรุงใบพัดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงใช้เครื่องยนต์ที่มีกำลังมากขึ้นด้วย

 

 

Leonardo Da Vinci's Water-Walking Shoes               

http://www.concretepiano.com/index.php?pr=Leonardo_da_Vincis_Walk_on_Water_Shoes

โอนาร์โด ดา วินชี (Leonardo da Vinci) เป็นชาวอิตาลี (เกิดที่เมืองวินชี วันที่ 15 เมษายน ค.ศ. 1452 - เสียชีวิตที่เมืองออมบัวซ์ ในวันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1519) เป็นอัจฉริยบุคคลที่มีความสามารถหลากหลาย เป็นทั้ง สถาปนิกแบบเรอเนซองส์ นักดนตรี นักกายวิภาค นักประดิษฐ์ วิศวกร ประติมากร นักเรขาคณิต นักวาดภาพ. ดา วินชี มีงานศิลปะที่มีชื่อเสียงหลายชิ้น เช่น พระกระยาหารมื้อสุดท้าย และ โมนา ลิซ่า งานของ ดา วินชี ยังสร้างคุณประโยชน์กับวิชากายวิภาคศาสตร์ ดาราศาสตร์ รวมถึงวิศวกรรมโยธา ด้วยความที่เป็นบุรุษที่มีจิตวิญญาณที่รักในศาสตร์หลายแขนง เลโอนาร์โดทำให้เกิดจิตวิญญาณของสหวิทยาการในสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาการ และกลายเป็นบุคคลสำคัญของยุคนั้น

                อย่างที่รู้ๆ กันว่าดาวินซีนั้นมีแนวคิดสิ่งประดิษฐ์แปลกๆ หลายอย่าง เช่น รถถัง, ชุดดำน้ำ, ปืนใหญ่สามลำกล้อง แต่คุณรู้หรือไม่ว่าเขาเคยมีแนวคิดจะสร้าง “รองเท้าสำหรับเดินบนผิวน้ำ” มาแล้ว จากภาพว่ากันว่าเขาได้ทุ่มเทกับงานนี้จนป่วยตายเลยทีเดียว รูปร่างเหมือนสกีและสามารถเดินบนน้ำได้ ไม่รู้ว่าดาวินซีนั้นออกแบบเล่นๆ เหรอเปล่า เพราะว่าสิ่งนี้ไม่สนเรื่องฟิสิกซ์ใดๆ เลย โดยมีวัตถุประสงค์ใช้ในสงคราม โดยให้ทหารเดินบนน้ำโจมตีทหารบนเรือศัตรูโดยไม่ให้รู้สึกตัว 

Credit: Cammy
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...