“มาทำแบบนี้ทำไม ใครจ้างมึงมา ถ้ามีปัญหากับใครควรทำเป็นรายบุคคล ไม่ควรมาด่าทั้งพรรค นี่มันหาเรื่องกันชัดๆ มีจุดประสงค์อะไรกันแน่”
กลุ่ม ผู้ประกอบการจัดทำสื่อหาเสียงของจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมคณะจำนวน 15 คน นำรถตู้ติดเครื่องขยายเสียง พร้อมแขวนป้ายมีข้อความ “แพ้แล้วหนี้ไม่จ่าย” โดยนายอดิศราช พูดผ่านเครื่องขยายเสียงเพื่อขอทวงเงินที่พรรคเพื่อไทยค้างจ่ายกลุ่มผู้ ประกอบการผลิตสื่อจากการเลือกตั้งซ่อมส.ส.เขต1 สุราษฎรธานี ที่พรรคเพื่อไทย
นาย รังสรรค์ กล่าวว่า นส.สุนีย์ เหลืองวิจิตร เลขาธิการพรรค ได้ว่าจ้างให้ทำสื่อหาเสียงดังกล่าว แต่หลังการเลือกตั้งเมื่อประสานไปยัง นส.สุนีย์ และนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย รวมถึงนายสมพล ให้จ่ายเงินที่ค้างชำระจำนวน 7 แสนบาท ซึ่งพวกตนเคยมาทวงถามที่พรรคแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
ระหว่างที่นายอดิศราช ยืนทวงหนี้อยู่นั้นปรากฎว่านายเมธี อมรวุฒิกุล นักแสดง-นายแบบ ซึ่งเคยขึ้นเวทีเสื้อแดงและเข้าร่วมกิจกรรมกับพรรคเพื่อไทยอยู่บ่อยครั้งได้ เดินเข้าไปกระชากไมค์และจิ้มเข้าที่หน้าอกซ้ายของนายอิศราช พร้อมกับพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจว่า “มาทำแบบนี้ทำไม ใครจ้างมึงมา ถ้ามีปัญหากับใครควรทำเป็นรายบุคคล ไม่ควรมาด่าทั้งพรรค นี่มันหาเรื่องกันชัดๆ มีจุดประสงค์อะไรกันแน่”
ซึ่งนายอดิศราชได้ ชี้แจงว่า ตนและพวกไม่ได้มาก่อกวนแต่เป็นเจ้าหนี้เพื่อมาทวงเงินเท่านั้น อย่างไรก็ตามปรากฎว่านายเมธี ได้ใช้ไมค์ที่ถือไว้ในมือกระทุ้งเข้าที่ท้องของนายอดิศราชอย่างแรง 2 ครั้ง ก่อนจะต่อยด้วยหมัดซ้ายเข้าที่หน้านายอดิศราช ทำให้นายอดิศราชร่วงลงไปกองที่ข้างรถ แต่นายเมธียังไม่หยุดได้ตามเข้าไปรัวหมัดเข้าที่ท้องของนายอดิศราชอีกหลายม หมัดจนนายอดิศราชตัวงอก่อนที่จะเซและถอยออกไป ท่ามกลางความตกตะลึงของบรรดาสื่อมวลชนเจ้าหน้าที่ของพรรคและประชาชนละแวก นั้น
จากนั้นนายเมธีได้เดินเข้าพรรคเพื่อไทยและเข้าไปสงบสติอารมณ์ ที่ศูนย์สำนักงานปราบโกงของพรรค ก่อนที่จะขึ้นลิฟต์ไปชั้นบนของที่ทำการพรรค ส่วนนายอดิศราชที่อยู่ในอาการตกใจ ศีรษะแตก ข้อมือแขนด้านซ้ายมีรอยขูดขีดจนเลือดซิบ และนาฬิกาสูญหายไป 1 เรือน
ไม่ คิดว่าจะเจอเหตุการณ์เช่นนี้เพราะตนช่วยเหลือพรรคมาโดยตลอดแม้ว่าเพิ่งจะ เข้ามาดูแลการเลือกตั้งซ่อมสุราษฎร์ธานี ตนก็รักพรรคเพื่อไทย อย่างไรก็ตามตนจะไปแจ้งความดำเนินคดีกับนายเมธี ในข้อหาทำร้ายร่างกาย จากนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.บางรักจำนวน 4 นายมาตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ
นาย เมธี ได้เดินลงมาจากชั้นบนของที่ทำการพรรค เดินผ่านผู้สื่อข่าวพร้อมกับชูนิ้วโป้งและยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ ยอมรับว่าทำร้ายร่างกายจริง ตนพยายามจะโยนไมค์ที่ชายคนดังกล่าวพูดอยู่ทิ้งแต่เขาคงคิดว่าตนจะไปทำร้าย ร่างกาย จึงพูดกับเขาว่าจะเอาหรือ และทำท่าเหมือนจะชกตน ตนจึงฮุคซ้ายเข้าไปชายคนดังกล่าวจึงเซไปก่อนที่ตนจะเดินตามมาต่อซ้ำอีกที หนึ่ง ทั้งนี้ตนไม่ได้อธิบายเรื่องดังกล่าวกับผู้ใหญ่ของพรรค เพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพรรค
หลังจากเกิดเหตุดังกล่าวกลุ่มส. ส.ที่เดินทางเข้ามาประชุมได้สอบถามเหตุการณ์จากผู้สื่อข่าว พร้อมทั้งแสดงความเห็นว่าไม่ควรเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น แล้วแสดงความสงสัยว่านายเมธีมีตำแหน่งหน้าที่อะไรในพรรคหรือไม่