อาวุธปืน เป็นอาวุธซึ่งยิงกระสุนหนึ่งหรือมากกว่าด้วยความเร็วสูงผ่านทางการควบคุมการ ระเบิดของดินปืน การยิงเกิดขึ้นได้โดยแก๊สที่เกิดอย่างรวดเร็ว กระบวนการการเผาไหม้ที่รวดเร็วนี้เรียกว่าดีแฟล็กเกรชั่น (deflagration) ในอาวุธปืนแบบเก่าการเคลื่อนที่นี้เกิดจากดินปืน แต่ในยุคปัจจุบันอาวุธปืนนั้นจะใช้ดินปืนที่มีควันน้อยกว่า คอร์ไดท์ หรืออื่นๆ อาวุธปืนในปัจจุบัน (ยกเว้นปืนลูกซอง) จะมีลำกล้องที่ข้างในทำร่องเป็นเกลียวเพื่อเพิ่มการหมุนให้กับกระสุนซึ่งจะ สร้างความมีเสถียรภาพ
ปืนลูกโม่สมิธแอนด์เวสสันที่ถูกออกแบบมาให้กับกองทัพและตำรวจ
ประวัติ
ใน ยุคกลางคำว่า"อาวุธปืน"หรือ"ไฟร์อาร์ม" (อังกฤษ: firearm) ถูกใช้โดยอังกฤษเพื่อระบุอาวุธที่จะต้องใช้ไม้ขีดไฟเพื่อจุดระเบิดของปืน ใหญ่ คำดังกล่าวยังเป็นแบบหนึ่งที่ใช้เรียกนักธนูอีกด้วย เนื่องมาจากผลกระทบของการยิงในตอนนั้นพลปืนจึงต้องอยู่ที่ส่วนหลังของปืน ใหญ่ พร้อมอีกมือหนึ่งค้ำเอาไว้ จึงได้ชื่อว่า"แฮนด์กัน" (อังกฤษ: hand gun) กลายมามีความหมายเดียวกับคำว่า"ไฟร์อาร์ม" ถึงแม้ว่าคำว่า"ปืน"หรือ"กัน" (อังกฤษ: gun) ในปัจจุบันจะมักใช้เพื่อหมายถึงอาวุธปืน แต่ในทางทหารหรือผู้เชี่ยวชาญจะใช้เพื่อหมายถึงปืนขนาดใหญ่เท่า นั้น ปืนใหญ่จะมีขนาดใหญ่กว่าอาวุธปืนอย่างมาก มักติดตั้งบนแท่นที่เคลื่อนที่ได้ จะมีขนาดมากถึง 18 นิ้วและอาจมีน้ำหนักถึงตัน อาวุธเช่นนี้ไม่ใช่อาวุธปืน
อาวุธ ปืนที่ถือได้อย่างปืนเล็กยาว คาร์บิน ปืนพก และอาวุธปืนขนาดเล็กอื่นๆ มักไม่ถูกเรียกว่า"ปืน"หรือ"กัน"ในหมู่ผู้เชี่ยวชาญ ปืนกลจะ ยิงกระสุนขนาดเล็กกว่า (โดยปกติแล้วจะมีขนาด 14.5 ม.ม.หรือเล็กกว่า) และปืนกลมากมายจะมีทหารคอยบังคับมากกว่าหนึ่งนาย เช่นเดียวกันกับปืนใหญ่ โดยปกติแล้วอาวุธปืนอัตโนมัติที่ถูกออกแบบมาเพื่อผู้ใช้เพียงคนเดียวจะเรียก ว่าปืนเล็กยาวอัตโนมัติ
ในศตวรรษปัจจุบันอาวุธปืนได้กลายมาเป็น อาวุธที่มีอำนาจที่ถูกใช้โดยมนุษย์ชาติ ในสงครามยุคใหม่ตั้งแต่ยุคเรอเนสซองซ์ได้มีการใช้อาวุธปืนมากมายในประวัติ ศาสตร์ทางทหารและประวัติศาสตร์ทั่วไป สิ่งนี้ได้สร้างการรบแบบใหม่ขึ้นมาซึ่งเป็นการหลอมหลอมกองทัพยุตใหม่
สำหรับ ปืนสั้นและปืนยาวในยุคก่อนๆ นั้นจะใช้กระสุนที่เป็นทรงกลมและมีการเริ่มทำเป็นทรงเรียวในยุคใหม่ แต่ไม่นานก็ถูกแทนที่ด้วยลูกเหล็กทรงกลม กระสุนจะถูกยิงโดยการเผาไหม้ที่รวดเร็วแต่ในอาวุธขนาดเล็กมักจะบรรจุระเบิด ไว้ภายในตัวเองซึ่งถูกสั่งห้ามในสนธิสัญญา (Hague Convention) กระสุนของอาวุธขนาดเล็กถูกสั่งห้ามในสงครามด้วยเหตุผลคล้ายๆ กัน สำหรับปืนใหญ่ในปัจจุบันจะเป็นกระสุนที่มีระเบิดเช่นเดียวกับแบบก่อนๆ
จน กระทั่งถึงทศวรรษที่ 1800 กระสุนและดินปืนถูกแยกออกจากกันถูกใช้โดยอาวุธอย่างปืนเล็กยาว ปืนพก และปืนใหญ่ บางครั้งเพื่อความสะดวกในความเหมาะสมของดินปืนและกระสุนถูกห่อรวมกันใน กระดาษ เรียกว่าปลอกกระสุนปืน (อังกฤษ: Cartridge) สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับท่อเหล็กที่ห่อหุ้มตัวจุดระเบิดและดินระเบิด ซึ่งกระสุนจะวางไว้ที่ปลายตรงกันข้ามกับตัวจุดระเบิด กระสุนแบบมีปลอกนี้ถูกใช้อย่างแพร่หลายและในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งมัน ก็ได้กลายมาเป็นกระสุนแบบพื้นฐานสำหรับอาวุธปืนขนาดเล็ก รถถัง และปืนใหญ่ ปืนครกจะใช้การห่อหุ้มที่คล้ายคลึงกัน อย่างไรก็ตามกระสุนและกรอบมักรวมเป็นชิ้นเดียวกันซึ่งจะถูกยิงออกจากอาวุธ ปืน ปืนใหญ่ประจำเรือพิสัยใกล้มีบ้างที่ใช้กระสุนแบบกรอบ แต่ปืนบนเรือประจัญบานและเรือลาดตระเวนส่วนใหญ่ใช้กระสุนระเบิดและแยกออกจาก ดินปืน ซึ่งถูกเลือกตามความต้องการในกระสุนแบบทรงเรียว
ความแตกต่าง ระหว่างกระสุนกับอาวุธปืนก็คือบางครั้งกระสุนนั้นหมายถึง อาวุธ ส่วนอาวุธปืนนั้นหมายถึงแท่นอาวุธ ในบางกรณีอาวุธปืนสามารถใช้เป็นอาวุธได้โดยตรงในการต่อสู้ระยะใกล้ ตัวอย่างเช่น ปืนเล็กยาว ปืนคาบศิลา และปืนกลมือสามารถติดดาบปลายปืนจนทำให้มันกลายเป็นหอกหรือหลาว ด้วยบางข้อยกเว้น พานท้ายปืนของปืนยาวสามารถใช้เป็นตะบองเพื่อตีได้ มันยังเป็นไปได้ที่จะตีใครด้วยลำกล้องปืนหรือด้ามจับ
ปัญหาของอาวุธ ปืนคือการเก็บรักษา ตัวกระสุนเองมักทิ้งเศษเอาไว้ และมันอาจก่อให้เกิดการขัดลำกล้องได้ เศษผงเหล่านี้มักก่อให้เกิดการขัดข้องภายในลำกล้อง มันจะส่งผลให้ต้องทำความสะอาดอยู่ตลอดเวลาเพื่อรักษาความมีประสิทธิภาพของ ปืนเอาไว้
บางครั้งอาวุธปืนจะหมายถึงอาวุธปืนขนาดเล็ก อาวุธดังกล่าวคืออาวุธปืนที่สามารถขนย้ายได้ด้วยบุคคลคนเดียว ตามที่ว่าเอาไว้ในกฎหมายสงคราม อาวุธปืนขนาดเล็กถูกจัดว่าเป็นอาวุธปืนซึ่งยิงกระสุนที่ไม่มากไปกว่า 15 ม.ม.[ต้องการแหล่งอ้างอิง] อาวุธปืนขนาดเล็กจะถูกเล็งโดยปกติโดยใช้ศูนย์เล็งธรรมดา ระยะความแม่นยำสำหรับอาวุธปืนขนาดเล็กมักมีข้อจำกัดประมาณ 1,600 เมตร โดยทั่วไปแล้วจัดว่าน้อย ถึงแม้ว่าสถิติในปัจจุบันของปืนซุ่มยิงจะมากกว่า 2.4 กิโลเมตรก็ตาม
ประเภท ๑๔ ปืนพก
การ พรรณาถึงอาวุธครั้งแรกสุดนั้นมาจากภาพแกะสลักในถ้ำที่ซิชวนซึ่งย้อน กลับไปถึงทศวรรษที่ 1100 โดยเป็นรูปที่ถือปืนทรงแจกันพร้อมเปลวไฟและลูกปืนใหญ่พุ่งออกมา ปืนที่เก่าแก่ที่สุดทำมาจากทองสัมฤทธ์ซึ่งย้อนกลับไปเมื่อค.ศ. 1288 เนื่องจากมันถูกค้นพบในบริเวณเขตโบราณสถานเอเชียง (Acheng District) ที่ซึ่งยวนชิ (Yuan Shi) ได้ทำการรบมาก่อน
ชาวยุโรป อาหรับ และเกาหลีล้วนมีอาวุธปืนในทศวรรษที่ 1300 ชาวตุรกี อิหร่าน และอินเดียได้อาวุธปืนหลังจากทศวรรษที่ 1400 โดยทั้งหมดมาจากฝั่งยุโรป ชาวญี่ปุ่นไม่ได้รับอาวุธปืนจนถึงทศวรรษที่ 1500 และจากนั้นก็ได้รับจากชาวโปรตุเกสมากกว่าที่จะเป็นชาวจีน
เอ็ม1911 ของโคลท์เป็นปืนพกกึ่งอัตโนมัติที่ใช้กระสุน .45เอซีพี
อาวุธปืนขนาดเล็ก
ปืนสั้นหรือปืนพก
อาวุธ ปืนขนาดเล็กที่สุดนั้นคือปืนสั้นหรือปืนพก ปืนสั้นนั้นมีด้วยกันสามชนิด คือ แบบยิงทีละนัด ปืนลูกโม่ และปืนพกกึ่งอัตโนมัติ ปืนลูกโม่จะมีจำนวนการยิงตามช่องใส่กระสุนทรงกระบอก ในแต่ละช่องของทรงกระบอกจะบรรจุกระสุนเอาไว้หนึ่งนัด ปืนพกกึ่งอัตโนมัติจะมีช่องปืนเพียงช่องเดียวที่ด้านท้ายของลำกล้องและมี แมกกาซีนที่สามารถเปลี่ยนได้จึงทำให้พวกมันสามารถยิงได้มากกว่าหนึ่งนัด ปืนลูกโม่มาเตบาของอิตาลีเป็น แบบลูกผสมที่หายาก ในการเหนี่ยงไกแต่ละครั้งจะหมุนกระบอกทันทีจนทำให้มันยิงได้อย่างรวดเร็ว ปืนเว้บลีย์ของอังกฤษก็เป็นปืนลูกโม่อัตโนมัติเช่นกัน มันเกิดขึ้นประมาณศตวรษที่ 20
ปืนสั้นแตกต่างจากปืนเล็กยาวหรือปืน ไรเฟิลและปืนลูกซองด้วยขนาดที่เล็ก กว่า ขาดพานท้าย กระสุนที่ไม่ทรงพลังเท่า และถูกออกแบบมาเพื่อใช้ด้วยหนึ่งหรือสองมือ ในขณะที่คำว่า"ปืนพก"สามารถใช้เพื่อบรรยายถึงปืนสั้น มันมักหมายถึงปืนพกที่ยิงทีละนัดหรือแบบที่ป้อนกระสุนอัตโนมัติ และปืนลูกโม่ก็จะหมายความโดยตรง
คำว่า"ปืนพกกึ่งอัตโนมัติ"ใช้และบาง ครั้งก็เข้าใจผิดว่าเป็นปืนอัตโนมัติ เนื่องจากอันที่จริงแล้วคำว่าอัตโนมัติของมันไม่ได้หมายถึงกลไกการยิงแต่ เป็นการป้อนกระสุน เมื่อยิงปืนพกกึ่งอัตโนมัติจะใช้แก๊สเพื่อดีดปลอกกระสุนเก่าออกและใส่กระสุน ใหม่เข้าไปแทนโดยอัตโนมัติ โดยปกติแล้ว (แต่ก็ไม่เสมอไป) กลไกการยิงก็เป็นระบบอัตโนมัติเช่นกัน ปืนพกอัตโนมัติจะยิงกระสุนหนึ่งนัดต่อการเหนี่ยวไกหนึ่งครั้ง ไม่เหมือนกับอาวุธปืนอัตโนมัติอย่างปืนกลซึ่งยิงตลอดนานเท่าที่เหนี่ยวไกและ จะมีปลอกกระสุนที่ยังไม่ได้ใช้ในแมกกาซีน อย่างไรก็ตามปืนพกบางรุ่นก็เป็นแบบอัตโนมัติเต็มที่ ดังนั้นเพื่อหลีกเลี่ยงความสับสน ทั้ง"กึ่งอัตโนมัติ"และ"บรรจุกระสุนอัตโนมัติ"จึงหมายถึงอาวุธปืนที่ยิง หนึ่งนัดต่อการเหนี่ยวไก
ก่อนศตวรรษที่ 19 ปืนสั้นทั้งหมดเป็นแบบยิงทีละนัด ด้วยการประดิษฐ์ปืนลูกโม่ขึ้นมาในปีพ.ศ. 2321 ปืนพกก็สามารถมีกระสุนได้มากกว่าหนึ่งและมันก็กลายมาเป็นที่นิยม การออกแบบปืนพกบรรจุกระสุนอัตโนมัตินั้นปรากฏตัวขึ้นในทศวรรษที่ 1870 และได้เข้ามาแทนที่ปืนลูกโม่เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เมื่อจบศตวรรษที่ 20 ปืนสั้นส่วนมากที่ถูกใช้โดยกองทัพ ตำรวจ และพลเรือนเป็นปืนพกกึ่งอัตโนมัติ ถึงแม้ว่าปืนลูกโม่ยังคงเป็นที่แพร่หลายอยู่ กองทัพและตำรวจใช้ปืนพกกึ่งอัตโนมัติเพราะว่าความจุของแมกกาซีนที่มากและ ความสามารถในการบรรจุกระสุนได้อย่างรวดเร็ว ปืนลูกโม่เป็นที่ชื่นชอบในหมู่นักสะสมเพราะว่ามันทรงพลังมากกว่าปืนรุ่นใหม่ และความทนทาน ง่ายดาย และแข็งแกร่งทำให้มันเหมาะกับการใช้อย่างทรหด การออกแบบทั้งสองเป็นที่นิยมในหมู่พลเรือนซึ่งขึ้นอยู่กับความชอบของเจ้าของ
ปืน สั้นมีหลายรูปร่างและขนาด ตัวอย่างเช่น "เดอร์ริงเกอร์"เป็น ปืนที่มีขนาดเล็กมาก ลำกล้องที่สั้น มักมีหนึ่งหรือสองลำกล้องแต่บางครั้งก็มีมากกว่านั้น ซึ่งต้องบรรจุกระสุนด้วยมือหลังจากทำการยิง ปืนสำหรับการดวล มันถูกใช้อย่างมากในหมู่สุภาพบุรุษ พวกเขามักมีมันเพื่อแสดงถึงตำแหน่งและความสูงศักดิ์ ปืนลูกโม่และปืนพกบรรจุกระสุนอัตโนมัติมีขนาดที่หลากหลาย ซึ่งปืนพกแบบใหม่มักสี่ขนาด ในแต่ละขนาดจะมีข้อดีและข้อด้อย ปืนที่เล็กกว่ามักจะต้องแลกด้วยกระสุนที่น้อยลง ในขณะที่ปืนที่ใหญ่กว่าก็จะมีความแม่นยำมากกว่า ในปืนแบบอัตโนมัติอย่าง เอ็มเอซี-10 กล็อก 18 และเบเรทต้า 93อาร์เป็นการพัฒนาครั้งล่าสุดของศวรรษที่ 20
ปืนสั้นมีขนาดเล็กและ มักง่ายที่จะพกพา ดังนั้นทำให้มือทั้งสองนั้นว่างพอที่จะทำอย่างอื่นได้ ปืนสั้นที่มีขนาดเล็กสามารถเก็บซ่อนได้ง่าย ทำให้มันถูกเลือกเป็นอาวุธสำหรับป้องกันตัว ในกองทัพปืนสั้นมักใช้โดยผู้ที่ไม่คาดว่าจะต้องใช้อาวุธปืนจริงๆ อย่างนายพลและนายทหาร และสำหรับผู้ที่ไม่มีที่ว่างพอจะใช้ปืนเล็กยาวอย่างนักบินหรือพลขับยานพาหนะ ในบทบาทสุดท้ายนี้พวกมันมักถูกใช้เป็นคาร์บิน คือปืนเล็กยาวขนาดสั้นซึ่งมักใช้โดยทหารพลร่มเพราะว่าขนาดที่เล็กของมัน ปืนสั้นยังถูกใช้โดยพลปืนเล็กยาวในฐานะอาวุธสำรอง อย่างไรก็ดีความเชื่อถือได้ในการยิงและอำนาจการยิงนั้นก็ตกเป็นของปืนเล็ก ยาวจู่โจม มันจึงทำให้ปืนสั้นแทบหมดประโยชน์ไปเมื่อสิ้นสุดศตวรรษที่ 20 นอกจากกองทัพแล้วปืนสั้นก็มักเป็นอาวุธของตำรวจและพลเรือนตามกฎหมาย
ปืน สั้รมีขนาดที่เล็กและมักทำมาเพื่อบรรจุในซองปืน ดังนั้นมือทั้งสองข้างจึงว่าง ปืนสั้นนั้นง่ายที่จะทำการซ่อน มันจึงเป็นทางเลือกที่ดีในการใช้ป้องกันตัว ในกองทัพปืนสั้นมักจะถูกใช้โดยผู้ที่ไม่น่าจะต้องใช้อาวุธปืนจริงๆ อย่างนายพลและนายทหาร และใช้โดยผู้ที่ไม่มีพื้นที่พอในการใช้ปืนเล็กยาว เช่น นักบินหรือพลขับ ในบทบาทสุดท้ายนี้มันมักใช้เป็นคาร์บิน คือปืนไรเฟิลขนาดสั้นซึ่งมักถูกใช้โดยพลร่มเนื่องมาจากขนาดที่เล็กของมัน ปืนสั้นถูกใช้เป็นอาวุธรองโดยพลปืนเล็กยาว อย่างไรก็ตามความไว้ใจได้และอำนาจการยิงตกเป็นของปืนเล็กยาวจู่โจมใน ปัจจุบันและทำให้การใช้ปืนสั้นในวิธีดั้งเดิมเปลี่ยนไปเมื่อสิ้นสุดศตวรรษ ที่ 20 นอกเหนือจากกองทัพแล้วปืนสั้นจะถูกใช้โดยตำรวจและพลเมืองตามกฎหมาย
พลเมือง มีสิทธิในการพกอาวุธในที่สาธารณะเป็นปืนสั้นเท่านั้นยกเว้นเมื่อ ทำการล่าสัตว์ เพราะอาวุธปืนที่ไม่ได้ปกปิดนั้นจะดังดูดความสนใจและไม่ค่อยปลอดภัยนัก ปืนสั้นยังถูกใช้ในกีฬาถึงแม้ว่าการล่าสัตว์ที่เป็นกีฬานั้นจะไม่เหมาะกับ ปืนสั้นก็ตาม นักล่าสัตว์บางคนที่ต้องทการล่าในที่ที่แคบก็มักเลือกที่จะใช้ปืนสั้นแทน กระสุนปืนสั้นยังถูกกว่ากระสุนของปืนเล็กยาวและมักมีประสิทธิภาพกับสัตว์ หลายชนิด
ประเภท ๙๙ ปืนยาว
ปืนยาว
ปืน ยาวในปัจจุบันส่วนใหญ่จะเป็นปืนเล็กยาวหรือปืนลูกซอง ในทางประวัติศาสตร์ปืนยาวนั้นคือปืนคาบศิลา ปืนเล็กยาวมีจีลำกล้องที่ด้านในทำเป็นร่องเกลียวและยิงกระสุนทีละนัด ในขณะที่ปืนลูกซองจะยิงออกมาเป็นลูกปราย นัดเดียว กระสุนแซบบ็อท หรือกระสุนพิเศษ (อย่างแก็สน้ำตา) ปืนเล็กยาวมีบริเวณปะทะที่เล็กมากแต่มีระยะไกลและความแม่นยำสูง ปืนลูกซองนั้นมีบริเวณปะทะขนาดใหญ่แต่มีความแม่นยำและระยะที่น้อย อย่างไรก็ตามบริเวณปะทะที่ใหญ่มากขึ้นสามารถชดเชยความแม่นยำได้ อย่างที่ปืนลูกซองมักถูกใช้เพื่อยิงเป้าบิน
ปืนเล็กยาวและปืนลูกซอง มักใช้เพื่อล่าสัตว์และมักใช้เพื่อป้องกันบ้าน หรือที่ทำธุรกิจ โดยปกติแล้วในการล่าสัตว์จะใช้ปืนเล็กยาว ในขณะที่การล่านกจะใช้ปืนลูกซอง ปืนลูกซองนั้นยังถูกใช้เพื่อป้องกันที่อาศัยหรือธุรกิจเพราะว่ามันมีบริเวณ ปะทะที่กว้าง สร้างความเสียหายได้เยอะ ระยะที่สั้นกว่า และไม่ทะลุผนังจนสร้างความเสียหายเกินไป แต่ปืนพกก็นิยมใช้ในทางนี้ด้วยเช่นกัน
ปืนเล็กยาวและปืนลูกซองนั้นมี หลากหลายแบบโดยขึ้นอยู่กับวิธีในการเติม กระสุน ปืนเล็กยาวแบบลูกเลื่อนและแบบงัดนั้นทำการแบบมือ ทั้งสองต้องใช้เวลาในการนำปลอกกระสุนออก ทั้งสองแบบมักถูกใช้โดยปืนเล็กยาว ปืนเล็กยาวและปืนลูกซองแบบสไลด์หรือปั้มพ์มักจะดีดกระสุนออกโดยอัตโนมัติ แบบนี้มักใช้โดยปืนลูกซองแต่ก็มีบริษัทผู้ผลิตไม่น้อยที่นำไปใช้กับปืนเล็ก ยาว
เอ็ม 1 กาแรนด์
ทั้ง ปืนเล็กยาวและปืนลูกซองยังมีแบบที่ต้องบรรจุกระสุนด้วยมือแทนที่จะ เป็นกลไก ทั้งปืนเล็กยาวและปืนลูกซองเริ่มมีหนึ่งหรือสองลำกล้อง อย่างไรก็ดีเนื่องมาจากราคาที่แพงและความยากในการผลิจ แบบที่มีสองลำกล้องจึงผลิตออกมาน้อย ปืนเล็กยาวสองลำกล้องนั้นมักใช้ล่าสัตว์ที่อัฟริกา
ปืนเล็กยาวถูกใช้ โดยพลแม่นปืนในหลายๆ ประเทศแม้กระทั่งในยุโรปและสหรัฐฯ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 เมื่อปืนเล็กยาวปรากฏตัวขึ้นครั้งแรก หนึ่งในการแข่งขันปืนเล็กยาวที่เก่าแก่ที่สุดของอเมริกาเกิดขึ้นเมื่อพ.ศ. 2318 เมื่อแดเนียล มอร์แกนได้ทำหน้าที่พลแม่นปืนในเวอร์จิเนียในสงครามประกาศอิสรภาพของอเมริกา ในบางประเทศพลแม่นปืนคือความภูมิใจของชาติ ปืนเล็กยาวพิเศษบางชนิดถูกอ้างว่ามีระยะถึง 1 ไมล์ (1,600 เมตร) ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่แล้วจะน้อย ในครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 กีฬาปืนลูกซองนั้นเป็นที่นิยมมากกว่าปืนเล็กยาว
ในกองทัพ ปืนเล็กยาวแบบลูกเลื่อนพร้อมกับกล้องส่องจะหมายถึงปืนซุ่มยิง อย่างไรก็ตามในสงครามเกาหลีปืนเล็กยาวแบบลูกเลื่อนและกึ่งอัตโนมัติที่ถูก ใช้โดยทหารราบนั้นจะสามารถเปลี่ยนเป็น"ปืนเล็กยาวอัตโนมัติ"ได้
อาร์คิวบัสจากประเทศญี่ปุ่น
ปืนใหญ่มือที่บรรจุกระสุนทางปากกระบอก
ต้น กำเนิดของอาวุธปืนทั้งหมดคือปืนใหญ่มือ (อังกฤษ: hand cannon) ที่ใช้ดินปืนและยิงผ่านทางปากกระบอกในขณะที่ชนวนอยู่ที่ด้านหลัง ชนวนจะถูกจุดด้วยไฟจนทำให้ดินปืนเกิดการระเบิดและส่งลูกปืนใหญ่ออกไป ในทางทหารปืนใหญ่มือแบบพื้นฐานจะส่งพลังมากในขณะที่มันก็ไร้ประโยชน์เพราะพล ปืนไม่สามารถทำการเล็งได้ การถีบกลับก็ถูกดูดซับได้เพียงการใช้ไม้ค้ำแทนพานท้าย ด้วยการไม่สามารถควบคุมทั้งดินปืนและเส้นผ่าศูนย์กลางของกระสุนได้มันจึงส่ง ผลให้การยิงนั้นไม่แม่นยำ ปืนใหญ่มือถูกแทนที่ด้วยอาร์คิวบัส (อังกฤษ: arqurbus) หรือปืนคาบชุดที่ทรงพลังกว่า