...หมอจบใหม่ ฉีดสเต็มเซลล์เฒ่าทารก?

ช่วงเดือนมีนาคม 2552 ได้มีการตีแผ่ขบวนการหลอกขายสเต็มเซลล์ในประเทศไทย โดยแบ่งเป็นกลุ่มที่ประกาศขายในเว็บไซต์กว่า 8,000 แห่ง และกลุ่มคลินิกเสริมความงามที่รับฉีดสเต็มเซลล์คอร์สละแสนบาทขึ้นไปจนถึง หลายล้านบาท โดยอวดอ้างสรรพคุณเหมือนกันว่า ฉีดแล้วจะเต่งตึงมีผิวเด็กตลอดกาล

กระทั่งวันที่ 18 เมษายน ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ออกประกาศคุมเข้มให้สเต็มเซลล์ขึ้นเป็นตำรับ "ยา" ผู้ใดผลิตหรือนำเข้าจากต่างประเทศมาฉีดให้คนไข้ต้องขออนุญาต หากฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำทั้งปรับ

แต่ดูเหมือนข้อบังคับของ อย.จะไม่ได้ช่วยผู้บริโภค หรือผู้ป่วยที่ตกเป็นเหยื่อแก๊งต้มตุ๋นกลุ่มนี้ มีจำนวนลดน้อยลงแต่อย่างใด โดยเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ที่ผ่านมานี้ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยจัดแถลงข่าว "Stem cell กับความงาม" เพื่อชี้ให้เห็นอันตรายของการฉีดสเต็มเซลล์จากหมอเถื่อนและหมอแท้ตามคลินิก โดย รศ.นพ.นภดล นพคุณ นายกสมาคมแพทย์ผิวหนังฯ รู้สึกเป็นกังกลอย่างยิ่ง เพราะมีคนไข้มากมายสอบถามข้อมูลการฉีดสเต็มเซลล์รักษาโรคและเพื่อรักษาความ งาม

แม้จะพยายามอธิบายหลายครั้งว่า วงการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอนุญาตให้ใช้สเต็มเซลล์รักษาได้โรคเดียว คือ โรคทางโลหิตวิทยา เช่น โลหิตจาง มะเร็งในเม็ดเลือด ธาลัสซีเมีย ส่วนโรคอื่นยังห้ามอย่างเด็ดขาด

โดยวงการแพทย์พบสเต็มเซลล์จากเลือด จนพัฒนาเพื่อรักษาโรคเลือดมานานกว่า 20 ปีแล้ว ขณะที่สเต็มเซลล์จากอวัยวะอื่นๆ รวมถึงสเต็มเซลล์จากตัวอ่อนมนุษย์ เพิ่งค้นพบไม่กี่ปีมานี้

ขณะนี้คนไข้ที่ถูกหลอกให้ฉีดสเต็มเซลล์มี 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ต้องการรักษาโรคร้ายบางชนิด เช่น มะเร็ง เบาหวาน หัวใจ ตับ ไต ฯลฯ และกลุ่มคลินิกเสริมความงาม ที่อ้างว่าฉีดสเต็มเซลล์แล้วผิวพรรณจะเปล่งปลั่งแลดูอายุลดน้อยลง ข้อเท็จจริงคือปัจจุบันวงการแพทย์ยังไม่ยอมรับ

และไม่มีงานวิจัยยืน ยันว่าสเต็มเซลล์สามารถชะลอความแก่ หรือรักษาโรคอื่นได้นอกจากโรคเกี่ยวกับเลือด อยากให้ผู้ป่วยที่ถูกหลอกให้ฉีดสเต็มเซลล์คอร์สละหลายล้านบาท มาช่วยกันฟ้องร้องเอาผิดแพทย์และสถานประกอบการที่ทำผิดกฎหมายเหล่านี้

" น่าสงสารหมอเด็กที่จบมาใหม่ ส่วนใหญ่สมัครเข้าทำงานกับคลินิกโรคผิวหนัง ที่มีแฟรนไชส์ทั่วประเทศ เมื่อแพทย์ผู้บริหารสั่งให้ฉีดยา ฉีดสาร หรือทำเลเซอร์อะไรให้คนไข้ก็จะทำตาม ไม่กล้าขัดขืน บางแห่งสั่งซื้อเครื่องเลเซอร์แบบใหม่มาฝึกหมอไม่กี่วัน ก็ให้ทดลองทำกับหน้าคนไข้ หรือหมอเด็กบางคนฝึกฉีดสารโบท็อกซ์เพียง 3 ชั่วโมงก็ฉีดให้คนไข้ได้เลย เมื่อเจอคนไข้ฟ้องร้องแพทย์เจ้าของแฟรนไชส์และคลินิกจะไม่โดนข้อหาอะไร แต่เป็นหมอเด็กที่ต้องรับกรรม โดนปรับและยกเลิกใบประกอบโรคศิลปะ"

หัว หน้ากลุ่มงานพันธุศาสตร์ระดับโมเลกุล สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ให้ความรู้เพิ่มเติมว่า สเต็มเซลล์เป็นเซลล์มีชีวิตสามารถแบ่งตัวได้เรื่อยๆ ไม่มีขีดจำกัด สกัดได้จากคนและสัตว์หลายชนิด เช่น แกะ วัว หนู ฯลฯ

สเต็มเซลล์เป็น สิ่งมีชีวิตที่ตายง่ายมาก การเก็บรักษาทำได้ยาก มีเงื่อนไขหลายข้อและเสียค่าใช้จ่ายสูง ได้แก่ 1.ต้องอยู่ในที่ปลอดเชื้อตลอดเวลา 2.ต้องได้รับน้ำเลี้ยงเชื้อและมีการเปลี่ยนสม่ำเสมอภายใน 2-3 วัน 3.ต้องเก็บในบรรยากาศที่มีความชื้นและคาร์บอนไดออกไซด์ 5 เปอร์เซ็นต์ 4.อยู่ในอุณหภูมิประมาณ 37 องศาเซลเซียสเท่าร่างกายมนุษย์ 

"จาก เงื่อนไขทั้งหมดหากใครเห็นสเต็มเซลล์อยู่ในกล่องแล้วเอามาใส่หลอดฉีด ให้รู้เลยว่าถูกหลอก อาจเป็นสเต็มเซลล์ที่เชื้อตายแล้ว หรือเป็นสารอะไรก็ไม่รู้ และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะผสมสเต็มเซลล์ลงในเครื่องสำอาง เพราะบรรจุภัณฑ์ทุกชนิดไม่สามารถรักษาชีวิตสเต็มเซลล์ได้ การอ้างว่าสั่งซื้อสเต็มเซลล์จากต่างประเทศก็เป็นการหลอกลวง

เพราะ สเต็มเซลล์ต่อให้อ้างว่าเก็บอย่างดี หรือแช่แข็งส่งมาจากต่างประเทศ ก็แทบจะกลายเป็นเซลล์ตายเกือบหมด คนไข้ส่วนใหญ่ถูกหลอกว่าฉีดสเต็มเซลล์รกแกะหรือรกเด็ก ทำให้เสียเงินแพงๆ เป็นการฉีดน้ำเปล่าหรือสารอะไรก็ไม่รู้เข้าร่างกาย คนที่รู้สึกว่าผิวพรรณเต่งตึงขึ้นก็อาจเป็นเพราะได้รับสารกระตุ้นอื่น แต่ไม่ใช่สเต็มเซลล์ที่มีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน"

อย. เตือนว่าสินค้าทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นอาหารเสริม เครื่องสำอาง หรือยา ที่อ้างว่ามีส่วนผสมของสเต็มเซลล์ถือว่าผิดกฎหมายทั้งสิ้น เพราะ อย.ยังไม่เคยอนุญาตให้ใช้หรือฉีดสเต็มเซลล์ในประเทศไทย นอกจากเป็นยารักษาด้านโลหิตวิทยาเท่านั้น ส่วนเครื่องสำอางราคาแพงจากต่างประเทศ ที่โฆษณาว่าทำมาจากรกแกะก็เป็นเพียงสารประกอบจากรกแกะเท่านั้น ไม่ได้เป็นสเต็มเซลล์ที่ยังมีชีวิตอยู่

8 ก.ย. 52 เวลา 02:05 3,331 2 36
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...