1. อเมริกา : โรงแรม Myrtles Plantation . Highway 61 St. Francisville, LA
โรงแรมกลางไร่เป็นบ้านเก่ายุคอาณานิคมสมัยศตวรรษที่ 18
ที่เคยมีคนฆ่าตัวตายและฆ่ากันเอง 11 ศพ ในรัฐหลุยเซียน่า
นับเป็น Haunted Hotel หรือโรงแรมผีสิงซึ่งมีกิตติศัพท์ว่าเป็นโรงแรมผีดุที่สุดในอเมริกา
แขกที่มาพักจะต้องเผชิญกับห้องพักที่ไม่มีน้ำอุ่นให้อาบ การบริการที่สุดแย่
สถานที่แวดล้อมก็น่ากลัว แทนที่จะอยู่ริมทะเลหรือมีวิวดีๆสวยงามแบบโรงแรมทั่วไป
เจ้าของไร่ปัจจุบันเล่าว่าแขกที่มาพักมักจะเจอกับเสียงแปลกๆอยู่เสมอ
ไม่ว่าจะเป็นเสียงฝีเท้าที่ปราศจากตัว เสียงลากโซ่ตรวนของทาส
บางคนโชคดีถ่ายรูปยังมีภาพรางๆของใครก็ไม่รุ้ติดมาด้วย
ทำไมโรงแรมนี้จึงถูกขนานนามว่าโรงแรมผีสิง
มีอยู่หลายความเห็น คือ ตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 18 เป็นต้นมา
มีการฆ่ากันตายในไร่นี้มากต่อมาก ได้แก่พวกทาสผิวดำที่ถูกฆ่าอย่างโหดร้ายทารุณ
บ้างก็ลือว่าที่ตรงนี้เป็นสุสานเก่าของพวกอินเดียนแดง
ไร่เมอร์เทิลส์ถูกเปลี่ยนมือไปเรื่อยๆ
พร้อมด้วยข่าวการฆาตกรรมที่ซับซ้อนและจำนวนคนที่ถูกฆ่าในบ้านหลังนี้
มีรายละเอียดเพิ่มเติมมากขึ้นจนไม่รุ้อันไหนจริง ไม่จริง
โด่งดังจนนิตยสารไลฟ์ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2523 ได้นำทั้งภาพและเรื่องราว
ของเมอร์เทิลส์แพลนเทชั่นไปลงตีพิมพ์ สถานีโทรทัศน์ก็มาถ่ายทำข่าว
มีการสืบเสาะคดีฆาตกรรมในเมอร์เทิลส์จนรู้ว่า มีคนถูกฆ่าตายในคฤหาสน์นี้ไม่ต่ำกว่า 10 คน
บริเวณทางเดินที่เคยมีคนเห็นเด็กผู้หญิงกับเด็กผู้ชายวิ่งเล่นกันในยามดึก
มีผู้ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินขึ้นลงบัันไดโดยปราศจากผู้คน
เสียงเปียนโนที่ดังขึ้นโดยปราศจากคนเล่น
คนเฝ้าประตูโรงแรมเคยเห็นผู้หญิงใส่ชุดขาวในเวลากลางวันแสกๆ
เดินทะลุประตูเข้าไปโดยเขาไม่ทันจะเปิดประตูให้
หน้าต่างที่มีผู้พบเห็นเด็กผู้หญิงใส่ชุดนอนลอยอยู่ข้างนอกเอามือป้องหน้ามองเข้ามาข้างใน
และอีกหลายๆเรื่องราวสไตล์ผีๆที่น่ากลัวของโรงแรมนี้
แต่ว่าคนที่อยากไปพักโรงแรมนี้จะหาโอกาสยากเพราะห้องพักที่มีแค่ 11 เตียง
ราคาที่พักเริ่มต้นที่ประมาณ 9,500 บาทมักจะเต็มเสมอ
ในวันหยุดสุดสัปดาห์จะมีคนจองคิวเพื่อมาพิสูจน์และหาประสบการณ์จำนวนมาก
ผู้มาพักจะได้ประกาศนียบัตรว่าได้เคยมาพักที่นี่แล้ว
2, ออสเตรเลีย : โรงแรมม Monte Cristo Homestead ในรัฐนิวเซ้าท์เวลส์ของออสเตรเลีย
สร้างเมื่อ ปี ค.ศ.1884 (พ.ศ. 2427) หรือ 122 ปีมาแล้ว
ทางเข้าโรงแรม
เจ้าของปัจจุบันคือ เรจินัลด์ ไรอัน ผู้ปรับปรุงบ้านไร่โบราณแห่งนี้ให้สวยงามเป็นโรงแรม
หากแต่มีเรื่องราวที่น่าหวาดกลัวของวิญญาณผู้เป็นเจ้าของดั้งเดิมและลูกหลานยังสิงสู่อยู่
ไม่ยอมไปไหนจึงมีผู้พบเหตุการณ์ประหลาดอยุ่เนืองๆ
เช่นไฟในบ้านสว่างทั้งๆที่ไม่มีคนอยู่ ครั้นเมื่อเข้ามาใกล้ๆแล้วไฟกลับดับ
ผู้คนที่มาพักรู้สึกเศร้าขึ้นมากระทันหัน จนต้องร้องไห้ออกมาโดยไม่มีเหตุผล
เห็นเด็กผู้หญิงลอยอยู่เหนือบันได
กลางคืนได้ยินเสียงแปลกๆ เสียงฝีเท้าโดยปราศจากตัวคนในยามค่ำคืน
บันไดซึ่งเจ้าของปัจจุบันเล่าว่าเคยมีเด็กประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตนานมาแล้ว
เรื่องราวเกี่ยวกับวิญญาณที่สิงสู่ในบ้านไร่แห่งนี้โด่งดัง
จนสมาคมนักล่าผีออสเตรเลียออกมาเตือนว่า
"ถ้าคุณเชื่อเรื่องภูตผี วิญญาณ และเป็นคนขวัญอ่อน เราไม่ขอแนะนำให้ไปพักที่นั่น"
แต่ทว่ายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ
เพราะห้องพักที่โรงแรมแทบไม่เคยว่างเลย
ด้วยมีคนที่อยากลองของเข้าคิวจองเข้าพักตลอดเวลา
ห้องนั่งเล่นที่สวยงามแบบโบราณ
3. เดนมาร์์ก โรงแรม Dragsholm Slot
เดนมาร์กก็เป็นอีกประเทศหนึ่งในยุโรปเหนือที่มีปราสาทเก่าๆมากมาย
แต่ที่โด่งดังมากก็คือ Dragsholm Slot (slot แปลว่า ปราสาท)
ปราสาทหลังนี้สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 คือเกือบพันปีมาแล้ว
เนื่องจากเป็นปราสาทเก่าแก่ที่เคยเป็นที่คุมขังนักโทษ
จึงมีตำนานเรื่องผี แต่ที่มีหลักฐานยืนยันได้้ มีเพียง 3 ราย
คือ "ผีคุณผู้หญิงชุดเทา" ,"ผีคุณผู้หญิงชุดขาว", และ "ผีท่านเอิร์ลแห่งโบธเวลล์"
ประตูทางเข้าและสนามนอกปราสาทที่มักมีเสียงม้าและล้อรถม้าวิ่งตะบึงไปทั่วสนามเวลาค่ำ
คืน ที่เป็นเรื่องตระหนกตกใจมากก็คือเมื่อปี พ.ศ.2475-2485
เจ้าของปราสาทสั่งรื้อผนังกำแพงออกบางส่วนเพื่อสร้างห้องน้ำใหม่
ได้พบโครงกระดูกโครงหนึ่งอยู่ในนั้น เป็นโครงกระดูกของคนร่างเล็กในชุดขาว
ซึ่งก็เคยมาล่องลอยไปตามระเบียงให้คนตกใจเล่นอยู่เป็นประจำ
เมื่อปราสาทถูกดัดแปลงมาเป็นโรงแรมจึงกลายเป็นโรงแรมผีสิงที่มีชื่อที่สุดของเดนมาร์ก
โดยมีจุดขายของโรงแรมเป็นผี 3 ราย ที่ยังวนเวียนมาหลอกและหยอกแขกเล่นเป็นประจำ
ในช่วงรับประทานอาหารค่ำ หัวหน้าพ่อครัวจะออกมากล่าวต้อนรับ
และแนะนำอาหารพิเศษของโรงแรมเอง
พร้อมกับเล่าถึงประวัติบรรดาผีทั้งหลายที่มีอยู่ในโรงแรมแกล้มอาหาร
แต่ก็มีอารมณ์ขันตบท้ายว่า "ขอให้สบายใจ เพราะเราเสิร์ฟแต่อาหารเดนนิชยอดนิยมตามฤดูกาล
และมีรสชาติที่อร่อยมาก เชื่อว่าจะถูกใจวิญญาณทั้งหลาย
ที่สิงสู่อยู่ในปราสาทด้วย จึงไม่ออกมาทำอันตรายแก่ใครแน่ๆ"
ข้อมูลจาก นิตยสารคู่สร้างคู่สม
และ www.ellingelyng.dk/Dragsholm.htm