ห้องน้ำสยองขวัญ

สมัยหนุ่มผมเคยเป็นลูกมือช่างก่อสร้าง ส่วนมากเป็นงานระดับเล็กถึงปานกลาง ไม่ใช่ใหญ่โตถึงกับสร้างศูนย์การค้า คอนโดฯ อพาร์ตเมนต์อะไรหรอกครับ แต่เป็นประเภทบ้านชั้นเดียว ขยายห้องครัว ต่อเติมห้องน้ำ ซ่อมสร้างโรงรถใหม่ อะไรทำนองนี้แหละ

ครั้งหนึ่ง พี่หวิงซึ่งเป็นหัวหน้าพวกผมไปรับงานที่ย่านพระโขนง คลองตัน ที่มีทั้งซ่อมหลังคา เปลี่ยนฝ้าเพดานกับรางน้ำแบบจระเข้ กับซ่อมแซมห้องน้ำที่เก่าแก่หลายสิบปีเต็มที

ถึงแม้จะไม่ได้สร้างบ้านทั้งหลัง แต่งานเยอะครับ จนต้องสร้างเพิงอยู่ชั่วคราวในเขตบ้านของเจ้าของที่ย้ายไปอยู่ในบ้าน ชั้นเดียวที่เพิ่งปลูกใหม่...ทำให้พวกผมเจอะเจอเรื่องราวน่าขนลุกขนพองที่นั่นโดยไม่คาดฝัน

บ้านหลังนี้เป็นตึกสองชั้น ทาสีเทาทึบทึมชอบกล คุณผู้ชายวัยห้าสิบเศษ หน้าตายิ้มแย้ม อัธยาศัยน่ารัก มีแม่โขงและกับข้าวมาฝากพวกเราบ่อยๆ เล่าให้พี่หวิงฟังว่าปลูกมาตั้งแต่เขาเกิดใหม่ๆ จำความได้ก็วิ่งเล่นอยู่ในบ้านนี้แล้ว อายุคงจะห้าสิบกว่าปีขึ้นไปแน่นอน

เรื่องสำคัญที่จะเล่าสู่กันฟังก็คือ บ้านหลังนี้แม้จะไม่ใช่บ้านร้าง แต่ก็มีเรื่องน่าขนหัวลุกชอบกลอยู่ ตรงที่ยามค่ำคืนดับไฟมืด ดูมันตั้งทะมึนโดดเด่นอยู่ในต้นไม้ใหญ่น้อยร่มครึ้มดูเผินๆ เหมือนกับมีชีวิตวิญญาณยังงั้นแหละ เอ้า!

บางทีมองดูแล้วเสียวสันหลังวูบวาบ ขนลุกซ่าขึ้นมาดื้อๆ

ไม่ใช่อุปาทานไปเองนะครับ เพราะพวกเราได้ยินการเคลื่อนไหว เสียงไอเสียงจาม เสียงพูดคุยพึมพำดังแว่วจากชั้นบนลง เล่นเอามองหน้ากันทำตาปริบๆ

ที่น่าขนหัวลุกก็คือ คืนหนึ่งเพิ่งกินข้าวเสร็จราวสามทุ่ม ว่าจะเข้านอนเอาแรงกันซะที จู่ๆ ไฟฟ้าชั้นบนก็สว่างพรึ่บขึ้นมา! แหม...พวกเราที่ปลูกเพิงอยู่ห่างจากบ้านนั้นแค่ไม่ถึงสิบเมตรถึงกับอ้าปากค้างไปตามๆ กัน พูดอะไรไม่ออกจนกระทั่งแสงไฟดับวูบไปเอง!

จนกระทั่งวันหนึ่งก็เจอเรื่องขนหัวลุกเข้าอย่างจังอีก ทั้งที่เป็น กลางวันแสกๆ ด้วยซ้ำ

น้ายิ่ง-ช่างปูนมือเก๋าของเรากำลังจัดการราดปูนในห้องน้ำ เพื่อจะปูกระเบื้องที่เจ้าของบ้านขนซื้อมาเพียบ ทั้งปูพื้นกับผนังห้อง ลายดอกไม้แสนสวยเย็นตาตามประสาคนมีเงินที่อยากได้อะไรก็เอาเงินซื้อหาได้ตามใจชอบ

ผมกับพี่เชิดช่วยกันผสมปูนฉาบโรงรถ ต่อจากนั้นก็เป็นหน้าที่ของพี่เชิดเพราะผมยังมือไม่ถึงเลยถือโอกาสล้างมือออกมานั่งพักกับพี่หวิงที่ทำท่าระโหยระเหี่ย...สาเหตุมาจากเมื่อคืนแกไปเที่ยวคาเฟ่กับเพื่อนฝูงที่พระโขนง...กว่าจะกลับก็ปาเข้าไปตี 2 ตี 3 นั่นแน่ะ

อ้าว? น้ายิ่งเดินตุปัดตุเป๋เข้ามาสมทบ พี่หวิงถามว่าปูกระเบื้องเสร็จแล้วเรอะ? น้ายิ่งก็โบกมือไปมา หน้าตาซีดเซียว เอนหลังลงนอนบนแผ่นกระดาน หายใจแขม่วๆ ทำท่าว่าจะสิ้นเรี่ยวแรงเหมือนพี่หวิงไปอีกคน

หัวหน้าผมคว้ากระติกโอเลี้ยงมาดูด ไม่เซ้าซี้ให้รำคาญใจ...จนกระทั่งตกบ่ายหลังอาหารกลางวัน พี่หวิงนึกยังไงไม่รู้ เดินเข้าไปดูผลงานในห้องน้ำ ครู่เดียวก็กลับมาเอะอะโวย วายว่าทำไมไม่ปูกระเบื้องตอนที่เพิ่งราดปูนเสร็จใหม่ๆ เสือกทิ้งไว้จนต้องมาปูแบบ "ซาลาเปา" ให้เสียเวลาทำไม?

น้ายิ่งกระเดือกน้ำลายเอื๊อก พึมพำอ่อยๆ ว่า...จะเป็นลมน่ะ ทำไม่ไหว! คราวนี้พี่หวิงพยักหน้าอย่างเห็นใจ หันมาสั่งผมให้ไปปูกระเบื้องต่อให้เสร็จๆ ไป จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเพราะเป็นงานเหมา ผมก็จัดการผสมปูนใส่กระป๋องหิ้วไปที่ห้องน้ำชั้นล่างไม่ชักช้า

ปูนหมาดจนเกือบแห้งแล้วครับ ต้องปูกระเบื้องแบบซาลาเปา-คือเอาปูนมาแปะใต้กระเบื้องแล้ววางเรียงให้เรียบร้อย...ดูๆ ก็น่าจะง่าย แต่ของใช้ต้องใช้ฝีมือตามสมควรที่จะไม่ทำให้สะเปะสะปะจนบิดเบี้ยวไปง่ายๆ

ทันใดนั้นเอง อากาศก็เย็นวูบลงอย่างกะทันหัน ผมขนลุกซู่ซ่าแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะตอนนั้นหน้าหนาวพอดี ตั้งอกตั้งใจวัดระยะปูกระเบื้องแถวที่สองให้วางเรียงเคียงกัน...ขณะที่กลิ่นเหม็นอับๆ แผ่ซ่านไปทั้งห้อง...ดูเหมือนจะมาจากอ่างน้ำข้างฝาใกล้ๆ นั่นแหละครับ

กลิ่นเหม็นร้ายกาจขึ้นทุกทีจนผมอดรนทนไม่ไหว ต้องลุกไปมองที่อ่างน้ำให้แน่ใจว่ามีอะไรอยู่นั่น...แต่แล้วก็แทบจะช็อกคาที่อยู่ตรงนั้นเอง

ผู้หญิงผมยาวเปียกโชกไปด้วยเลือดสดๆ แดงเถือก นอนหงายตาเหลือกโพลงอยู่ในอ่างที่มีแต่น้ำเลือดแดงฉานครึ่งค่อนอ่าง...ผมร้องเฮ้ย! เผ่นกระเจิงออกมาจากห้องน้ำอุบาทว์นั่นไม่คิดชีวิต...เพิ่งเข้าใจแจ่มแจ้งตอนนี้เองว่าทำไมน้ายิ่งถึงได้ซมซานออกมา

ได้ความว่าญาติห่างๆ ของคุณผู้ชายแกมาเชือดข้อมือจนเลือดไหลตายเพราะอกหักตั้งหลายปี

แล้ว...แต่เพิ่งจะมาสำแดงเดชเพราะพวกเราเป็นคนแปลกหน้านั่นเอง! บรื๋ออออ...

Credit: นสพ.ข่าวสด และ นายเหมา
7 ก.ย. 52 เวลา 11:13 3,047 10 1,350
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...