สุภยาลัต ราชินีโหดองค์สุดท้ายแห่งพม่า

(ซ้าย) สุภยาคยี (กลาง) สุภยาลัต (ขวา) พระเจ้าธีบอหรือสีป่อ เรื่องนี้เป็นประวัติศาสตร์ตอนพม่าเสียเมือง เป็นช่วงตรงกันสมัยร.5 ของไทย

เมื่อพระเจ้ามินดงสิ้นพระชนม์ พระราชโอรสคือพระเจ้าสีป่อก็ได้ครองราชย์แทน



โดยการสนับสนุนจากพระนางอเลนันดอมเหสีรองของพระเจ้ามินดง (พระมารดาของสุภยาคยี,สุภยาลัต) ที่จริงยังมีเจ้าชายที่เหมาะสมกว่าพระเจ้าสีป่ออีกหลายองค์ แต่พระนางอเลนันดอเลือกเจ้าชายสีป่อและให้อภิเษกสมรสกับพระธิดาของตน  เพราะเจ้าชายสีป่อเป็นคนหัวอ่อนปกครองง่าย  ส่วนพระราชมารดาของพระเจ้าสีป่อเป็นคนไทยใหญ่ 



ครั้นขึ้นครองราชย์แล้วพระนางสุภยาลัตก็จัดให้มีงานฉลองในวัง 3 วัน 3 คืน ซึ่งเเม้หน้าวังมีมหรสพครึกครื้นสนุกสนาน แต่บริเวณหลังวังกลายเป็นลานประหารชีวิตเจ้า พี่ เจ้าน้อง เจ้าจอมมารดาเเละพระประยูรญาติทั้งชราภาพเเล้วเเละยังเดินเกาะชายผ้าถุงเจ้า จอมมารดาของพระเจ้าสีป่อหลายสิบองค์ทั้งชายและหญิงพร้อมพระมารดาของแต่ละองค์และคนใกล้ชิดรวมแล้วเป็นร้อยคน คือฆ่าหมู่ทั้งเด็กผู้ใหญ่และคนแก่เพื่อเป็นการถอนรากถอนโคนไม่ให้เป็นเสี้ยนหนามต่อการครองบัลลังก์ ขณะประหารหมู่เจ้าทั้งหลาย พระเจ้าสีป่อทอดพระเนตรการแสดงอยู่หน้าวังและถูกมอมเหล้าเพื่อไม่ให้รับรู้เรื่องราวต่างๆ (เหตุเพราะพระเจ้าสีป่อกลัวเมียเเละแม่ยายจึงกลายเป็นหุ่นเชิด)



วิธีประหารคือขุดหลุมนำเจ้ามานอนหงายใช้ไม้ไผ่ทุบที่คอจนตายแล้วโยนลงหลุมจนหมด เสียงหวีดร้องด้วยความหวาดกลัวถูกกลบด้วยเสียงมหรสพ



    ผ่านไปหลายวันศพในหลุมพองอืดดันดินขึ้นมาส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ววังพระนางสุภยาลัตจึงสั่งให้นำช้างมาเหยียบย่ำพื้นจนเรียบ แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะศพเยอะเกินไป สุดท้ายต้องขุดศพใส่เกวียนนำไปทิ้งแม่น้ำและฝังนอกเมืองทำให้พระเจ้าสีบอเเละประชาชนต่างรู้ความจริงเเละหวาดผวา

      ว่ากันว่าพระนางสุภยาสัตเป็นคนที่ขี้ริษยาเเละขี้หึงอย่างร้ายกาจ เเละรุนเเรงมาก สามารถทำร้ายหรือฆ่าได้ทั้งพี่เเละน้องของตนได้ อย่างพระนางสุภยาคยีซึ่งเป็นพี่สาวของนางเอง เเละได้อภิเษกกับพระเจ้าสีป่อขึ้นเป็นพระอัครมเหสีซึ่งตำเเหน่งสูงกว่านาง ซึ่งได้เป็นพระอัครชายา (เหตุเพราะนางเป็นน้องสาวจึงทำให้มีตำเเหน่งที่น้อยกว่าพี่สาวนั่นเอง) นางจึงหาวิธีใส่ร้ายป้ายสีหวังเเย่งชิงตำเเหน่งพระอัครมเหสีจากพี่สาวตนเอง จนพระนางพระนางอเลนันดอผู้เป็นมารดาจึงต้องเข้าช่วยเหลือโดยพาพระนางสุภยาค ยีมาอยู่กับตนเพื่องป้องกันชีวิตนั่นเอง เเละประเพณีพม่าสมัยนั้นได้มีประเพณีว่าหากกษัตริย์คนก่อนมีพระราชธิดา ก็จะให้เก็บไว้ให้กษัตรืย์องต่อไป ซึ่งเป็นการเเต่งตั้งล่วงหน้าว่าพระราชธิดาองค์นี้จะได้เป็นพระอัครมเหสีของ กษัตริย์องค์ต่อไปนั่นเอง เเต่เมื่อพระเจ้ามินดงสวรรคตลง พระเจ้าสีป่อขึ้นครองราชย์ พระราชธิดาที่พระเจ้ามินดงเเต่งตั้งไว้ก็หนีไปบวชชี (เหตุคงเป็นเพราะเกรงกลัวพระนางสุภยาสัต) เเละหากนางรู้ว่าพระเจ้าสีป่อนั้นเเอบไปมีเล็กมีน้อยอย่างนางสนมกำนัลใน หรือเเม้เเต่หญิงที่พระเจ้าสีป่อทอดพระเนตรนานเกินไป เเละสิ่งที่พระนางสุภยาสัตจะประทานให้หญิงคนนั้น นั่นก็คือความตายอย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้...

    พระนางสุภยาสัตมีนิสัยที่คล้ายกับพระมารดาคือ ทะเยอทะยาน มักใหญ่ใฝ่สูง ชิงดีชิงเด่น หลงใหลในอำนาจ ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย เเละสิ่งที่นางโปรดปรานมากที่สุดก็คือ เพชร ที่ชาวฝรั่ง เเขก ชวา นำมาขาย

    ต่อมาพม่าได้เป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ พระเจ้าธีป่อ พระนางอนันเลดอ พระนางสุภยาสัตได้ถูกเนรเทศไปอยู่ที่อินเดีย ซึ่งเเม้เเต่ถูกเนรเทศไพระนางสุภยาสัตก็ยังไม่สำนึกผิด ยังทำตัวเหมือนราชินีดังเดิม โดยการให้คนรับใช้ของพระนาง (ซึ่งเป็นชาวเเขก)ทำตัวเหมือนประเพณีของพม่าเช่นการหมอบกราบ การหมอบคลาน ทำให้ไม่มีคนอยู่กับพระนางได้นานนัก ซึ่งชะตาชีวิตของทั้งสามกษัตริย์มีผลสรุบดังนี้



1.  พระเจ้าสีป่อสิ้นพระชนม์ที่อินเดีย 



2.  พระนางอเลนันดอทะเลาะกับพระนางสุภยาลัต



ต้องไปอยู่เมืองมะละแหม่ง (เมืองมะเมี๊ยอยู่) จนตาย



3.  พระนางสุภยาคยีพี่สาวสิ้นพระชนม์ที่อินเดีย



4.  พระนางสุภยาลัตกลับมาประทับที่เมืองร่างกุ้งจนสิ้นพระชนม์



พระธิดาบางองค์อภิเษกสมรสประทับอยู่กับพระมารดาบางองค์แต่งงานกับคนเฝ้าวังที่อินเดียลำบากทุกข์ยาก บางองค์ถูกไล่ไปอยู่เมืองมะละแหม่ง



ช่วงบั้นปลายชีวิตของพระนางสุภยาลัตมีนักข่าวไป สัมภาษณ์พระนางบอกว่าไม่ได้เป็นคนสั่งฆ่าเจ้าี่พี่เจ้าน้อง (แต่นางน่าจะมีส่วนรู้เห็น)ทำให้คนภายหลังเชื่อกันว่าตัวการใหญ่น่าจะเป็น พระนางอเลนันดอมากกว่า

เเต่อย่างไรก็ตาม ผู้คนก็ขนานพระนามนามพระนางสุภยาสัตว่าเป็น "ทรราชหญิงแห่งกรุงมัณฑะเลย์" หรือ "ซูสีไทเฮาแห่งลุ่มน้ำอิรวดี"  นั่นเอง


  (บริเวณหลังวังมัณฑะเลย์ปัจจุบันคาดว่าหลุมฝังศพอยู่แถวนี้)
  (วังมัณฑะเลย์ตอนอังกฤษยึด โดนระเบิดสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แล้วสร้างใหม่)
  (วังที่พระเจ้าสีป่อและพระมเหสีประทับในอินเดีย)
  กู่เก็บพระอัฐิของพนะสุภยาสัต อยู่เมืองย่างกุ้งในปัจจุบัญ
Credit: teenee.com
5 ส.ค. 53 เวลา 19:04 4,774 11 194
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...